มังกร1000ปี : ตอนที่24 เริ่มกลายเป็นเรื่องใหญ่
ตอนที่24 เริ่มกลายเป็นเรื่องใหญ่
หลิงฉวนได้ยินแบบนี้ก็ถอนหายใจในใจ ส่วนหยางเจิ้นยังไม่รู้เรื่องแบบนี้ แต่เธอรู้ชัดเจนขนาดนี้ ดูเหมือนว่าในอนาคตจะเป็นเรื่องลำบากแล้ว!
“แต่ฉันเองก็เก่ง ฉันเชื่อว่าฉันเองก็มีพรสวรรค์เหมือนกัน เชอะ”
“งั้นหรอ? ไม่มีอะไรเทียบได้กับอาฉวนได้ .... อัศวินมังกร!งั้นสินะ .... แต่เธอรู้ไหมว่าอาฉวนใช้เวลาแค่คลาสเดียวเท่านั้น.... โอ้ ใช่แล้ว ยังไม่ถึงคลาส น่าจะมีแค่ครึ่งคลาสเท่านั้นเพราะอาจารย์สอนแค่ในครึ่งแรกของคลาส”
“อะไรนะ? เป็นไปไม่ได้?” อันหนิงถึงกับนั่งไม่ติด ข่าวนี้ทำให้เธอตกตลึงมาก “ครึ่งคราส? หนึ่งชั่วโมง? จะเป็นไปได้อย่างไร? เขายังเป็นมนุษย์เหรอ? ไม่ใช่มังกรที่หนีออกจากเมืองมังกรเหรอ?”
โมจื่อหยานยังไม่รู้สึกตื่นเต้นเพราะยังไม่เข้าใจมากพอ
“เอิ่ม! ไม่ต้องตื่นเต้น เป็นเรื่องจริง ถ้าไม่เชื่อถามอาฉวน”หยางเจิ้นกลัวอันหนิงจะไม่เชื่อเขา จึงให้เธอถามหลิงฉวนด้วยตัวเอง
อันหนิงนั่งลงอย่างช้าๆ บอกตามตรงเรื่องนี้ทำให้เธอตกตลึงมาก ตอนที่เธออยู่ที่บ้านเธอเคยเห็นคนเก่ง ๆ มากมาย แต่จะเป็นไปไม่ได้เลยแค่ชั่วโมงเดียว! เธอหันศีรษะและมองไปที่หลิงฉวนเหมือนสัตว์ประหลาด นั่นเป็นความจริงหรือ? หลิงชวนมองเธอแบบนี้ตลกนิดหน่อย
“อืมแบบนั้นแหล่ะ เมื่อรู้แล้วคุณต้องห้ามพูดมันออกไปนะ”
“นี่คือเรื่องที่สามารถทำให้โลกตลึงได้ นายไม่ได้บอกกับคนอื่นใช่ไหม”
“ไม่จริงใช่ไหม จริงเหรอ? แต่ทุกคนในชั้นเรียนของเรารู้หมดแล้ว! ทำไงดี?” แม้ว่าหลิงฉวนจะรู้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรง แต่เขาก็ยังคิดเรื่องนี้ง่ายไป
“อะไรนะ!? แบบนี้ก็ลำบากแล้วสิ ให้ฉันโทรหาพ่อหน่อยไหม? ถามเขาว่าทำอย่างไรดี? เอาไหม?” เนื่องจากหลิงฉวนบอกว่าไม่ให้พูดแพร่กระจายเรื่องนี้ อันหนิงอยากถามพ่อของเธอแต่ก็ต้องขอคำยินยอมจากหลิงฉวนก่อน
“เอิ่ม... ได้ ยังไงก็คิดว่าซ่อนไม่ได้อยู่แล้ว เธอโทรเถอะ”
“เอาล่ะ ฉันขอตัวไปโทรข้างนอก” หลังจากพูดจบอันหนิงก็ออกไปกดโทรหาพ่อที่ประตู “พ่อ หนูมีบางอย่างอย่างบอกพ่อ ในห้องเรียนของหนูมีคนคนหนึ่ง….”
“เขาทำไม? ลูกพูดจริงใช่มั้ย? แค่ชั่วโมงเดียว? ลูกให้เขารับโทรศัพท์คุยกับพ่อได้ไหม! ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวพ่อจะไปโรงเรียนของลูกเอง รอไว้ก่อนนะ สักครู่” หลังจากพ่อพูดจบ เขาก็มีเสียงวางสายโทรศัพท์ทันที
“อ่า? เดี๋ยว! เว้ย คุณพ่อ?” อันหนิงปิดโทรศัพท์และพูดกับตัวเองว่า ‘ตอนนี้ฉันทำอย่างไรดี ฉันอยู่ในห้อง5ได้แค่วันเดียว ฉันกำลังจะความแตกแล้ว?’ ข้างในร้าน โมจื่อหยานมองออกมาที่อันหนิงและรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสิ่งที่สำคัญมาก แต่เธอไม่สามารถแสดงความคิดเห็นใด ๆ ได้
“อาฉวน ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะร้ายแรงกว่าที่เราคิด? ทำยังไงดี?” เดิมทีหยางเจิ้นคิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นอะไรมาก สามารถเอาไปอวดได้ในโรงเรียน แต่ตอนนี้มันเกี่ยวข้องไปถึงโลก มันเริ่มเกินไปกว่าที่พวกเขาจะควบคุมได้
“เอิ่ม! ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ถึงตอนนั้นเราค่อยว่ากันดีกว่า โลกร้อนก็ติดแอร์ น้ำท่วมก็ซื้อเรือ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” หลิงฉวนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเพียงเพราะเขาอัจฉริยะเท่านั้น
ดังนั้นมันอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้! ปล่อยให้ตามธรรมชาติก็พอแล้ว
ในขณะนี้อันหนิงเดินเข้ามา และหลิงฉวนก็ถามด้วยความกังวลเมื่อเห็นอันหนิงขมวดคิ้ว “เป็นยังไงบ้าง? พ่อของเธอพูดว่าอะไร?”
“เขาบอกว่าเขาจะมาที่โรงเรียนของเราตอนนี้ เหมือนว่านายได้โยงฉันเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาอันยิ่งใหญ่แล้วหล่ะ” อันหนิงมองไปที่หลิงฉวนด้วยหน้าตาบูดบึ้งเหมือนเป็นผู้หญิงที่ฉุนเฉียวอยู่ตลอดเวลา
หลิงฉวนงงเล็กน้อย “ผมทำอะไรผิด?”
“เห้อ ยังไงมันก็เป็นความผิดของนาย” อันหนิงนั่งลงบนเบาะอย่างโกรธ ๆ และก้นหัวกินข้าวต่อ
ก่อนหน้านี้ทั้งสี่คนเอาแต่พูดคุยกัน ยังไม่ได้กินอาหารไปเท่าไหร่ ทุกคนในตอนนี้จึงต้องรีบกินเพื่อไปหาคุณพ่อของอันหนิง
“โอเค กินข้าวเถอะ? กินข้าวเสร็จเราจะไปโรงเรียนแล้ว เรื่องนี้ค่อยคุยกันทีหลัง!”
หลังจากนั้นทั้งสี่ก็คุยกันเรื่องทั่วไปและใช้เวลาไม่นานทั้งสี่คนก็กินอิ่ม พร้อมบอกลาโมจื่อหยานแล้วเดินกลับโรงเรียน
ในไม่ช้า ชั้นเรียนช่วงบ่ายก็สิ้นสุดลง ทันทีที่จางเผิงเดินออกจากห้องเรียน อันหนิงก็วิ่งมาและพูดกับหลิงฉวนว่า “ฉันจะออกไปตอนนี้ ฉันจะไปรับพ่อ”
“อืม”
ทันทีที่อันหนิงจากไปหลิงชวนก็ได้ยินเสียงที่น่ารังเกียจ
“หลิงฉวน หยางเจิ้นเดี๋ยวก่อน” หลิงฉวนหันหน้าไปมองหาต้นเสียง
“เจียงเหอนี่เอง มีธุระอะไรเหรอ?”
“เดี๋ยวพวกนายค่อยกลับได้ไหม ผมมีธุระบางอย่างกับพวกคุณ”
“มีอะไรพูดตอนนี้ไม่ได้เหรอ ผมรีบกลับบ้าน!” หลิงฉวนยังไม่รู้ว่าเจียงเหอขอให้เจียงไห่พี่ชายของเขามาจัดการ
“รอใครสักคนก่อน ผมแค่อยากแก้ไขความขัดแย้งระหว่างเราสักหน่อย ได้ไหม?”
“อืม งั้นก็ได้ รีบๆหน่อย หลิงฉวนคิดว่าเขาน่าจะจ้างคนไม่กี่คนมาจัดการตัวเอง แต่ตัวเองมีหลิงเว่ยดังนั้นน่าจะสามารถรับมือกับคนไม่กี่คนนี้ได้”
แต่หลิงฉวนก็คิดไม่ถึงว่าเจียงเหอจะมีรุ่นพี่อยู่ที่มัธยมปลายปีที่2!
พวกเขารอไม่นานนัก ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะมีอายุพอๆ กับพวกเขา แต่โตกว่านิดหน่อย เดินเข้ามาในห้องเรียน