บทที่ 7
เปลี่ยน หนังสือปีศาจแห่งเฮียวกะ เป็น ตำราปีศาจแห่งสุริยัน (向日魔典)
โอกาส ที่หมายถึงในเรื่อง คือ โอกาสโดยบังเอิญที่จะเจอสมบัติหายาก
---------------------------------------------------
เซิ่นเทียนไม่รู้ว่า ฉินเกากำลังคิดอะไรอยู่
เขาครุ่นคิดสักครู่แล้วพูดว่า“ลุงกุ่ย ทำสำเนาตำราปีศาจแห่งสุริยันและส่งให้เกาในภายหลังด้วย”
"พะยะค่ะ"
ขันทีกุ้ยไม่ได้ขัดข้องใดๆ จากมุมมองของเขา ตำราปีศาจแห่งสุริยัน เป็นขององค์ชาย เหตุผลที่เขาฝึกฝนมันก็เพื่อที่เขาจะแข็งแกร่งพอที่จะปกป้ององค์ชายได้ ในเมื่อองค์ชายเต็มใจที่จะให้ฉินเกาเรียนวิชานี้ด้วยเช่นกัน ขันทีกุ้ยจึงไม่มีถามคำถามใด ๆ
“เตรียมห้องให้ฉินเกาด้วย”
เซิ่นเทียนหันหลังกลับและเตรียมที่จะออกไป
ตำราปีศาจแห่งสุริยันเป็นโชคชะตาของฉินเกาอยู่ดี แม้ว่าเซิ่นเทียนจะเก็บมันไว้ห่างจากฉินเกาเท่าใด แต่สุดท้ายเขาอาจพบมันอยู่ดี
ถ้าเซิ่นเทียนมอบให้ฉินเกาและให้ความช่วยเหลือแก่เขา บางทีฉินเกาอาจทราบซึ้งบุญเจ้าและเป็นสหายที่ช่วยเหลือเขาในอนาคตก็ได้
…
หลังจากที่เซิ่นเทียนพูดจบ ก็มีบางอย่างเกิดขึ้น เซิ่นเทียนรู้สึกว่าร่างกายของเขาเบาขึ้นราวกับว่ามีโซ่ที่มองไม่เห็นขาดออก มันให้ความรู้สึกเหมือนของจริงแต่ก็เหมือนจินตนาการในเวลาเดียวกัน
เซิ่นเทียนหันกลับมาและมองไปที่ฉินเกา รัศมีบนหัวของเขาเปลี่ยนสี แสงสีเขียวทั้งหมดหายไปและกลายเป็นสีแดงอีกครั้งเช่นเดียวกับครั้งแรกที่ เซิ่นเทียนพบเขา
เซิ่นเทียนหยิบกระจกออกมาจากกระเป๋าเสื้อและมองไปที่รัศมีของตัวเอง แม้ว่ามันจะยังเป็นสีดำ แต่ก็ไม่หนาแน่นgmjkเดิม
เป็นไปได้ไหมที่จะเป็นเพราะข้าคืนโชคชะตาให้ฉินเกา? หรือข้ากำลังแบ่งปันโชคกับเขา?
เซิ่นเทียนตัดสินใจที่จะทดสอบมัน
เขาจ้องไปที่รัศมีของฉินเกาและพูดว่า“เมื่อข้าลองคิดอีกทีแล้ว ลุงกุ่ย ไม่จำเป็นต้องคัดลอกตำราปีศาจแห่งสุริยันหรอก”
เมื่อเขาพูดอย่างนั้นร่างกายของเขาก็รู้สึกถึงน้ำหนักที่กดทับอีกครั้งในขณะที่จุดสีเขียวปรากฏในรัศมีของฉินเกา
ลุงกุ่ยพยักหน้าแล้วพูดว่า“พะยะค่ะ ฝ่าบาท”
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมองค์ชายถึงเปลี่ยนใจเร็วนัก แต่เขาก็เชื่อในการตัดสินใจขององค์ชาย 13 ทั้งหมด vpjk’w,jl’lyp
จากนั้น เซื่นเทียนก็พูดอีกครั้ง “ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ท่านทำสำเนาเพิ่มดีกว่า!”
จากนั้นรัศมีของ ฉินเกาก็กลายเป็นสีแดงสดอีกครั้ง
เซิ่นเทียนตื่นเต้นมากเมื่อทฤษฎีของเขาได้รับการพิสูจน์!
"ได้ พะยะค่ะ ฝ่าบาท."
ลุงกุ่ยรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเ ในใจของเขา องค์ชายกำลังล้เล่นกับขันทีผู้ต่ำต้อยคนนี้
นั่นหมายความว่า!
ในที่สุด ฉินเกาก็พูดขึ้น “เอิ่ม…ข้าไม่ต้องการมันจริงๆ…”
ความจริงฉินเการู้สึกหวาดกลัวเมื่อองค์ชาย 13 ทำดีกับเขามากเกินไป เซิ่นเทียนได้ช่วยชีวิตเขาไว้แล้วและจัดหาที่พักให้เขา ในเวลาเดียวกันเขาไม่จำเป็นต้องทำงานอีกตั้งหาก!
ตอนนี้องค์ชายได้ตัดสินใจที่จะอนุญาตให้เขาเรียน ตำราปีศาจแห่งสุริยัน แม้ว่าฉินเกาจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เมื่อเห็นว่าแม้แต่องค์ชาย 13 ยังไม่สามารถตัดสินใจเด็ดขาด มันต้องเป็นอะไรที่พิเศษมากแน่ๆ
มันอาจจะเป็นอะไรที่เทียบเท่าได้กับปราสาท!
ฉินเกาเป็นหนี้บุญเจ้าขององค์ชายแล้ว และไม่รู้ว่าจะตอบแทนความเมตตาขององค์ชายได้อย่างไร ถ้าเขายอมรับตำราปีศาจแห่งสุริยัน ก็ไม่มีอะไรที่เขาจะชดใช้ได้
…
ขณะที่ ฉินเกาพูดจุดสีเขียวก็ปรากฏขึ้นบนรัศมีของเขาอีกครั้ง
เซิ่นเทียนไม่มีความสุขกับเรื่องนี้ในที่สุดเขาก็พบวิธีที่จะเปลี่ยนชะตากรรมของเขา เขาไม่มีทางที่เขาจะยอมให้ฉินเกาทำลายแผนของเขาได้!
ไม่มีทาง!
“ไม่ เจ้าต้องเรียน!” เซิ่นเทียนกล่าวอย่างหนักแน่น“ไม่เพียงแต่เจ้าจะฝึกถึงขั้นกลั่นฉีเท่านั้น แต่เจ้าจะไปถึงรากฐาน แก่นทองคำ และ วิญญาณแรกเริ่มด้วย”
“ฝ่าบาท…”
“เจ้าเป็นหนี้ชีวิตข้า เจ้าไม่สามารถปฏิเสธได้!”
เมื่อเสิ่นเทียนพูดคำเหล่านั้นรัศมีของฉินเกาก็เปล่งประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าเดิม!
ไม่เพียง แต่จุดสีเขียวหายไป แต่ยังมีส่วนสีทองเล็กน้อยปรากฏที่ขอบด้วย
เซิ่นเทียนประหลาดใจ และเขายังสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในรัศมีของขันทีกุ้ยอีกด้วย
สีเขียวอ่อนเข้มขึ้น มันเหมือนกับสีของป่าทึบที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ที่ขอบของมันมีแสงสีแดง
รัศมีวิวัฒนาการ? ข้ามาถูกทางใช่ไหม โชคชะตากำลังเปลี่ยนไป?
หากข้าแบ่งปันโอกาสให้กับคนที่มีโชคชะตาที่ดี โชคชะตาโดยรวมของทุกคนที่เกี่ยวข้องจะเพิ่มขึ้นด้วยใช่ไหม?
เซิ่นเทียนรีบหยิบกระจกออกมาและสังเกตรัศมีของเขา มันยังคงเป็นสีดำแต่ไม่มืดมนเหมือนเดิม อย่างน้อยเซิ่นเทียนก็ไม่รู้สึกว่าเขาจะถูกฟ้าผ่าอีกต่อไปหากเขาก้าวเท้าออกจากวัง
ในที่สุดหลังจากผ่านไปหลายวัน เซิ่นเทียนก็เห็นความหวังเสี้ยวหนึ่ง เขาตื้นตันใจมากและเริ่มมีน้ำตาไหลออกใส!
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินเกาก็ตื่นตระหนก
“ได้โปรด องค์ชายอย่าร้องไห้ ข้าจะฟังทุกอย่างที่ท่านพูด!”
องค์ชาย 13 เป็นเชื้อพระวงศ์ ข้าจะแบกรับถ้าทำให้เขาร้องไห้ได้อย่างไร!?
1
มันเป็นเพียงวิชาปีศาจ!
องค์ชายช่วยชีวิตข้าและตอนนี้มันก็เป็นของเขา การฝึกฝนทักษะบางอย่างไม่ใช่สิ่งที่ต้องกลัว!
ฉินเกาเตรียมใจไว้แล้ว
"ดีดี. นอกจากนี้ข้าไม่ได้ร้องไห้ ข้าตื่นเต้นมาก!“เซิ่นเทียนกลอกตาของเขาและพูดว่า” ลุงกุ้ย เจ้าสามารถพาเขาออกไปได้แล้ว”
ลุงกุ่ยพยักหน้า "ได้ พะยะค่ะฝ่าบาท. ข้าตื่นเต้นเหมือนท่าน! ข้าจะพาเขาไปที่ห้องของเขาและสอนวิชาฝึกตนให้เขา”
เซิ่นเทียนเริ่มวางแผนสำหรับการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป เมื่อพวกเขาจากไป เขาไม่กล้าฝึกฝนทักษะใด ๆ นอกจากสีรัศมีของเขาจะกลายเป็นสีขาวแล้ว เขายังคงมีความทรงจำเลวร้าย ตอนธาตุไฟเข้าแทรกอยู่!
ในเมื่อเขาได้พบวิธีที่จะเปลี่ยนโชคะตาของเขาแล้ว เขาจึงวางแผนที่จะพบปะผู้คนกับผู้คนที่มีโชคชะตาที่ดีมากขึ้นและแบ่งปันโอกาสกับพวกเขา
เซิ่นเทียนเชื่อว่าเขาจะสามารถเปลี่ยนสีรัศมีของเขาเป็นสีขาวได้ในเวลาไม่นาน ท้ายที่สุดเขาก็จะกลายเป็นคนธรรมดาเ
1
ข้าจะหาคนเหล่านี้ได้ที่ไหน?
เซิ่นเทียนเริ่มคิด โดยทั่วไปคนเหล่านี้จะมีฐานะสูง ในพระราชวังอาณาจักรแห่งเพลิงผู้ที่มีสถานะราชวงศ์หรือสูงกว่าจะมีโชคชะตาที่สูงไปด้วย (ยกเว้นเอง)
เซิ่นโอวเป็นตัวอย่างที่ดี เขามีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งในการฝึกตนและขาข้างหนึ่งของเขาก้าวไปที่ถ้ำสวรรค์สีขาวแล้วโชคของเขาน่าจะดี เเซิ่นเทียนมั่นใจว่ารัศมีขอ เซิ่นโอวอย่างน้อยก็เป็นสีเขียวที่มีแสงสีแดงแซม มันอาจจะเป็นวงแหวนสีแดงที่มีจุดสีเขียวก็ได้!
หากเขาสามารถจ้องมองไปที่เซิ่นโอวสักระยะหนึ่งและรู้โอกาสของเขา เซิ่นเทียนเชื่อว่าโชคเขาจะดีขึ้นอย่างแน่นอน
น่าเสียดายที่มีปัญหา… เซิ่นโอวเป็นคนที่ไม่อยากเผชิญหน้ากับเขา
ตามความเป็นจริงทุกคนที่มีโชคชะตาที่ดีในวัง มักหลีกเลี่ยงและซ่อนตัวจากเซิ่นเทียน พวกเขาไม่เหมือนขันทีที่ต้องเชื่อฟังเขา หา เซิ่นเทียนไม่สามารถพบพวกเขาได้ด้วยตนเองมันจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้รับโอกาสโดยบังเอิญ
ตอนนี้ข้าควรทำอะไรดี? นี่คือปัญหาโลกแตก! !
ข้าจะหาคนที่มีโชคชะตาดัๆและในขณะเดียวกันก็ไม่ได้หลบซ่อนตัวจากข้าจากไหน!?
เซิ่นเทียนจมอยู่ในภวังค์