ตอนที่ 3 - โหดร้าย (3)
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
--------------------------------------------------------------------------------------------
บางทีเดบราอาจจะเผยความลับของเธอให้โลกรู้ในอีกไม่กี่วันนี้ก็ได้. แล้วเอมิเลียก็จะถูกจับคาห้องของตัวเองแล้วก็โดนข้อหาเลี้ยงสิ่งมีชีวิตแห่งความมืดไว้ด้วย แค่2กระทงนี้ก็ทำให้ตายได้เลย.
เอมิเลียถอนหายใจด้วยความท้อแท้พร้อมทึ้งผมตัวเอง.
ตอนนี้เลยเที่ยงไปแล้วและเอมิเลียก็มีคลาสที่ต้องเข้าด้วย. เธอไม่อยากอาหารเลยรีบเดินไปที่ห้องเรียนทันที.
ห้องเรียนนั้นตั้งอยู่ที่ด้านในโบสถ์เล็กๆถัดไปนิดเดียวจากวังของเธอเอง. เอมิเลียจึงเดินเอื้อยอ้ายไปพร้อมกับกลิ่นหอมของดอกไม้ที่เตะจมูกของเธอ. ดูเหมือนว่าดอกไม้ที่ปลูกไว้ข้างทางเดินนั้นจะบานแล้ว. ทะเลดอกไม้นั้นเบ่งบานอย่างสดใสภายใต้แสงอาทิตย์, กลีบของมันไสวไปพร้อมกับสายลม.
เธอหยุดเดินแล้วนั่งลงดมกลิ่นสดชื่นของดอกไม้บานเหล่านั้น. แค่ดมกลิ่นของมันก็ทำให้เธอลืมเรื่องหนักใจ---อย่างน้อยก็ตอนนี้ล่ะนะ.
แต่ทว่ากลิ่นหอมนั้นก็ถูกกลบด้วยกลิ่นคาวเลือดรุนแรงในทันที. เธอมองไปรอบๆแล้วลุกขึ้น. เดินไปสองสามก้าวแล้วก็เห็นบิช้อปวัยกลางคนคนหนึ่งพร้อมแส้ในมือ. เขากำลังเฆี่ยนร่างใหญ่ๆร่างหนึ่งที่ถูกขึงไว้กับโครงเหล็กและเศษเนื้อและเลือดของมันกระเด็นตกพื้นอย่างแรง.
“ว่าไงเซ้นต์เอมิเลีย” บิช้อปทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม.
เอมิเลียกลั้นหายใจแล้วทำสีหน้าให้นิ่งลง. เธอเหยียบเข้าไปในบ่อเลือดแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆบิช้อป “ท่านบิช้อปคะ นี่คือ…?”
‘นี่มันปีศาจร้อยตาไม่ใช่เหรอ? ทำไมบิช้อปถึงได้ลงมาชำระล้างปีศาจตัวนี้ด้วยตนเองล่ะ, เจ้าตัวนี้มันไม่ทำร้ายคนไม่ใช่เหรอ?’
บิช้อปหัวเราะ “อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก. นานแล้วที่ผมไม่ได้ทำแบบนี้ เลยว่าจะมาซ้อมซะหน่อย”
เอมิเลียยิ้มตอบแล้วบิช้อปก็กวักมือเธอให้เข้ามาหา “อยากลองมั้ยล่ะ? การชำระล้างปีศาจเป็นส่วนสำคัญในบทเรียนของเธอเลยนะ. ซ้อมหน่อยน่าจะช่วยได้”
บิช้อปทุกคนนั้นล้วนเคยเป็นเซ้นต์มาก่อน. และสำหรับพวกบิช้อปแล้วพอได้เห็นเซ้นต์ก็เหมือนได้เห็นตัวเองในสมัยก่อน. พวกเขาเองก็อยากให้พวกเซ้นต์เป็นคนที่ยอดเยี่ยมด้วยเหมือนกัน เพราะจะได้เป็นอนาคตที่ดี”
บิช้อปส่งสายตาเชิญชวนเธอและบอกให้เอมิเลียเข้ามาใกล้ๆ.
ปีศาจร้อยตาที่กำลังจะตายนั้นส่งเสียงครวญน่าสงสารออกมา. เอมิเลียมองสถานการณ์ที่บ้าบอนี่แล้วเห็นว่าบิช้อปดูอุทิศตัวมากๆแต่ในมือเขากลับเปื้อนเลือดอยู่. ย้อนแยงซะไม่มี.
ราวกับว่าสวรรค์กับนรกรวมอยู่ด้วยกันเลย, เส้นแบ่งระหว่างทั้งสองฝั่งนั้นเริ่มเลือนขึ้นทันทีและคงไม่มีใครแบ่งแยกความแตกต่างได้อีกแล้ว.
น่าขยะแขยงที่สุด.
เอมิเลียทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว.
เธอพยายามยิ้มให้ออกขณะที่แทบจะรั้งความรังเกียจไม่ไหว “ท่านบิช้อป ขอบคุณที่ชวนนะคะแต่หนูเพิ่งออกจากวังมาแถมยังต้องเข้าเรียนแล้วด้วย. เอาไว้รอบหน้าเป็นไงคะ?”
บิช้อปพยักหน้าตกลกง. เขาหยิบลูกกวาดมาจากกระเป๋าแล้วยื่นใส่มือของเอมิเลีย “อย่าบอกใครนะว่าชั้นให้หนู” เอมิเลียก้มหัวลงเพื่อขอบคุณบิช้อป. เธอเดินผ่านเขาไปและรีบเดินไปที่ทางแยกทันที.
มีแต่พวกโรคจิตทั้งนั้น.
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆอยู่หลายรอบเพื่อไม่ให้อ้วกออกมา.
ป๊ศาจร้อยตานั้นเรียบร้อยอย่างกับกระต่าย แต่มันกลับถูกทรมาณอย่างโหดร้ายแบบนั้น…..
สิ่งที่ทำให้ใจเอมิเลียสลายมากที่สุดนั่นก็คือการเผาแม่มด เด็กผู้หญิงพวกนั้นถูกมัดกับเสาอย่างแน่นแล้วก็ถูกเผาทั้งเป็น. เสียงเนื้อหนังที่แตกบวกกับเสียงกรีดร้องโหยหวนเพราะความเจ็บปวดยังคงฝังอยู่ในหัวของเธออยู่เลย.
ตอนนั้นทุกคนดูยิ่งใหญ่มากๆ ทุกคนยกเว้นเธอ. ทุกคนชอบใจกับภาพโหดร้ายที่เห็นนั่นและตั้งแต่วินาทีนั้นเอง เอมิเลียก็คิดว่าพวกนั้นแต่ละคนเป็นบ้ากันไปหมดแล้ว.
เด็กผู้หญิงพวกนั้นถูกตราหน้าว่าเป็นสมุนของจอมปีศาจและถูกเรียกว่าแม่มดแค่เพราะพวกเธอไม่ยอมเข้าโบสถ์. ไม่ว่าพวกเธอจะพยายามแก้ต่างหรือปกป้องตัวเองยังไง สุดท้ายพวกเธอก็ถูกเผาทั้งเป็นอยู่ดี.
เอมิเลียยอมรับกับการกระทำแบบนั้นไม่ได้. มันโหดร้ายเกินไป ทารุณเกินไปแต่เธอก็ไม่กล้าแสดงความไม่เห็นด้วยนั้นออกมา. ถ้าทำแบบนั้นก็เท่ากับหาเรื่องตายให้ตัวเองเหมือนกันและเธอก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น. สิ่งที่เธอต้องการตอนนี้คืออยู่ให้ห่างจากพวกโรคจิตนี่ให้มากที่สุดแล้วชีวิตเธอก็จะได้สงบซักที.
เหลืออีกแค่1ปีเท่านั้นเธอก็จะเรียนจบ. ตราบใดที่เธอจบปีสุดท้ายได้และพรางตัวไปกับพวกเซ้นต์คนอื่นๆล่ะก็ เธอก็จะเป็นอิสระได้ในไม่ช้าแน่.