WS บทที่ 40 การต่อสู้ PART 2
*แกร๊ง แกร๊ง*
แองกัสได้เข้ามาฟาดฟันเลห์แมนด้วยความเร็วสูง ดาบของเขาพลิ้วไหวดั่งอสรพิษ
*ฉัวะ*
คมดาบของเขาปราศจากความเมตตา ในพริบตาเดียวแสงสีขาวได้ตัดผ่านชุดเกราะสีดำของเลห์แมนทำให้เลือดสีแดงไหลออกมาจากรอยฟันทันที
เลห์แมนได้ถอยหลังไปพร้อมกับเอามือกุมบาดแผล เขาจ้องมองแองกัสอย่างพิจารณา
ชุดเกราะสีดำของเขาถูกสร้างขึ้นด้วยวัสดุที่มีความต้านทานสูง สามารถกันหอกและดาบได้เกือบทุกชนิดแม้แต่นักดาบธาตุระดับสามต้องใช้ความพยายามอย่างหนักถึงจะสามารถทำลายเกราะของเขาได้
แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าชุดเกราะของเขาในตอนนี้จะไม่สามารถป้องกันเต็มประสิทธิภาพดังเดิม เนื่องด้วยการโจมตีของแองกัสที่หนักหน่วงและรุนแรงเทียบเท่านักดาบธาตุระดับสี่เลย
ความแต่ต่างของนักดาบธาตุในแต่ละช่วงนั้นแตกต่างกันมากโดย นักดาบธาตุระดับหนึ่งถึงระดับสามเป็นนักดาบธาตุขั้นต้น ระดับสี่ถึงระดับระดับหกเป็นนักดาธาตุขั้นกลาง ระดับเจ็ดถึงระดับเก้าจะเป้นนักดาบธาตุขั้นสูง
ดังนั้นช่องว่างระหว่างระดับสามกับระดับสี่จึงมีช่องว่างที่กว้างมาก
สำหรับแองกัสที่อยู่เบื้องหน้าเขา แม้เขาจะอยู่ในระดับสามแต่ก็ใกล้เคียงถึงระดับสี่แล้ว แม้ว่าเลห์แมนจะมีพรสวรรค์โดยกำเนิดกับชุดเกราะที่แข็งแกร่งแต่มันก็ยากที่จะต่อกรกับแองกัสได้
“ดูเหมือนว่าวันนี้ฉันจะไม่สามารถจะหลีกหนีจากโชคชะตานี้ได้...เจ้าช่วยบอกฉันทีได้มั้ยว่าทำไมโบสถ์เทพแห่งแสงถึงต้องการชีวิตของฉัน”
“ต่อให้รู้แล้วแกจะได้อะไร เควีโร่ ลีโล จัดการเขาซะ!!” แองกัสกล่าวพร้อมยกดาบขึ้นมา
แม้ว่าแองกัสจะมีพลังมากกว่าเลห์แมนแต่เขาเลือกที่จะไม่ประมาท เขาเรียกความช่วยเหลือจากเควีโร่กับลีโลเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด
*ตูม!!!*
ทันใดนั้นเอง จู่ ๆ ก็เกิดระเบิดขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ เปลวสีไฟสีแดงกระจายไปทั่วบริเวณ กลิ่นไหม้ได้ลอยตามสายลม
“เกิดอะไรขึ้น!!!”
แองกัสขมวดคิ้ว ขณะหันไปดูทิศทางที่เกิดการระเบิด
...
*ตูม!! ตูม!!*
คาถาลูกไฟของเมอร์ลินได้ถูกส่งออกไปอย่างต่อเนื่อง ได้ทำให้เหล่าโจรกับนักดาบแสงกระเด็นไปไกลหลายเมตร พวกเขาต่างบาดเจ็บสาหัส บ้างก็ตายด้วยสภาพที่น่าสยดสยอง
แม้ลูกไฟจะมีขนาดเท่ากำปั้นแต่มันก็ประกอบไปด้วยพลังธาตุไฟจำนวนมาก จึงทำให้มันมีความร้อนอย่างน่ากลัว แม้แต่เหล็กจากชุดเกราะก็ถูกหลอมละลายในพริบตา
ด้วยปรากฏตัวของเมอร์ลินอย่างกะทันหันนี้ทำให้ใครหลายคนต่างตกใจ
เมอร์ลินหันไปมองทิศทางที่เลห์แมนกำลังต่อสู้กับนักดาบทั้งสาม จากนั้นเขาก็พุ่งหน้าไปทางนั้นทันที
“คนนอกรีต! คนนอกรีต! คนนอกรีตผู้ชั่วร้ายจากอาณาจักรแบล็กมูน!!” ผู้คนที่หายตกใจจากแรงระเบิด ได้เริ่มกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว
“เจ้าพวกนอกรีตที่ชั่วร้าย เจ้าบังอาจมาดูหมิ่นพระผู้เป็นเจ้า” นักดาบแสงระดับสองได้ตะโกนออกมาพร้อมร่างที่ห้อหุ้มได้แสงสีขาว เขากระชับดาบในมือและพุ่งเข้าใส่เมอร์ลินจากด้านหลัง
“ลูกไฟ!!”
เมอร์ลินสามารถสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวโดยรอบด้วยพลังจิต ดังนั้นเขาจึงส่งลูกไฟใส่นักดาบแสงคนนั้น
*ตูม!!*
ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อของลูกไฟ มันได้พุ่งกระแทกไปที่หน้าอกของนักดาบแสง
ชุดเกราะของเขาไม่สามารถต้านทางเพลิงอันร้อนแรงของลูกไฟ มันได้ละลายทันที จากนั้นลูกไฟเจาะทะลุผ่านหน้าอกของนักดาบแสง
*ตุบ*
ร่างของนักดาบแสงได้นอนกองลงไปบนพื้น ตรงหน้าอกของเขาได้ปล่อยควันสีดำออกมา
‘ลูกไฟอันต่อไปเป็นลูกไฟยักษ์สินะ’ เมอร์ลินสังเกตเห็นขอบสีแดงในจิตใต้สำนึกของเขา
ก่อนหน้านี้เมอร์ลินได้ทำการฝึกทำสมาธิอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้พลังจิตของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและทำให้การควบคุมลูกไฟของเขาดีขึ้นมาก
นี่คือประโยชน์ของพลังจิตที่แข็งแกร่ง ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งควบคุมคาถาได้ดีมากขึ้น
หลังจากที่เมอร์ลินได้สังหารนักดาบแสงระดับสองไปแล้ว เขาก็ได้หันไปมองรอบ ๆ เขาเห็นพวกโจรทุกคนต่างหวาดกลัวจนไม่มีใครก้าวออกมาข้างหน้า
ภาพรอบข้างที่มองมองเขาอย่างหวาดกลัว นั่นทำให้เมอร์ลินสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘อำนาจ’ เป็นครั้งแรก
‘พ่อมดคือผู้ทรงพลังมากที่สุดในโลก!!’
เมอร์ลินได้นึกถึงประโยคหนึ่งที่ปรากฏในตำราเวทมนต์ของชายชราอีธาน ดูเหมือนว่าถ้อยคำที่เขียนออกมานั้นจะไม่ใช่เรื่องเกินจริงซะทีเดียว
เมื่อไม่มีใครเข้ามาขวางเมอร์ลินก็ทำให้เขาสามารถไปถึงที่หมายได้อย่างรวดเร็ว
เขาเข้าไปประคองเลห์แมนที่ได้บาดเจ็บขึ้นมาและมองไปที่ชายสามคนที่สวมหน้ากากสีทอง
“ท่านพ่อ ปล่อยให้ผมจัดการพวกนี้เอง” เมอร์ลินพูดเบา ๆ กับเลห์แมน
“นักเวทย์...ฉันไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับนักเวทย์ที่นี่ แม้ว่าแกจะเป็นนักเวทย์แต่ก็เป็นเพียงนักเวทย์ระดับเริ่มต้นเท่านั้น ถึงพวกเราไม่ได้เอานักธนูมาแต่ก็จัดการแกไม่อย่างง่ายดาย เฮ้อ” แองกัสปิดท้ายประโยคด้วยการถอนหายใจยาวอย่างมีนัยยะบางอย่าง
ดูเหมือนน้ำเสียงของเขาจะเต็มไปด้วยความเสียดาย