Ep.830 - มิติธารโลหิต
3/5
Ep.830 - มิติธารโลหิต
สถานที่แห่งนี้เป็นดั่งสรวงสวรรค์ของฉินเฟิง เขาเพิ่งมาถึงมิติธารโลหิต ยังไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ แต่กลิ่นอายแห่งความตายกลับท่วมท้น พลังงานจากซากศพไหลเข้ามาเติมเต็มพลังสมาธิและร่างกายของฉินเฟิงอย่างต่อเนื่อง
“ส่งยานรบลงไป จำไว้ให้ดี ถ้าพบอะไรที่ยังมีชีวิตอยู่ ขอให้ออกห่างทันที แล้วโจมตีมันยากระยะไกล ทุกคนสวมชุดป้องกันได้!”
“ขอรับท่านประธาน!”
แม้สมาชิกคนอื่นๆจะไม่รู้ว่าทำไมฉินเฟิงถึงให้ทำแบบนี้ แต่พวกเขายังปฏิบัติตามคำสั่งของฉินเฟิง
หลังเกิดเรื่องบนแม่น้ำสติกซ์ เนื่องจากมีการค้นพบสัตว์ร้ายเลเวล S ทำให้ข่าวนี้ดังไปทั่วโลก ฉินเฟิงแม้เป็นคนแรกๆที่ได้ทราบข่าว แต่เขาทำอะไรอย่างระมัดระวังมาก อย่างสมาชิกคนสำคัญๆที่เขาพามาด้วย ทั้งหมดล้วนเป็นตัวตนทรงพลัง
ในครั้งนี้ ฉินเฟิงนำเลเวล B มาด้วยถึง 5 คน
อันได้แก่เจียงเฮ่าหลิน , หนิงซิน , หลงเถา , โจวเจ๋อ ที่เพิ่งหลบหนีจากมิติต้องห้ามผ่านบันไดสวรรค์ และอีกคนจากภูมิภาคตะวันออก อนาคตราชาปืนจินห่าวที่ยอมเข้าร่วมกับเขา
นอกจากห้าคนนี้ ที่เหลือเป็นเลเวล C อีกเป็นร้อยคน แต่คนที่เหลือในสายตาฉินเฟิงเป็นแค่คนอ่อนแอ!
การเข้าสู่มิติธารโลหิตสำหรับพวกเขามันอันตรายมาก แต่เนื่องจากปัจจุบันฉินเฟิงต้องการคน และหากมีการคุ้มกันที่ดีก็ไม่น่ามีปัญหา ดังนั้นฉินเฟิงเลยยอมพาพวกเขาเข้ามา
ไม่นาน ยานรบกว่า 30 ลำก็ลอยลำลงจากฟากฟ้า ยานรบเหล่านี้ถูกปรับแต่งใหม่ ติดตั้งไว้ด้วยกรงเล็บจักรกลจำนวนมาก และบนกรงเล็บ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์รูนมิติ
ส่วนคนที่คอยขับเคลื่อนมัน ไม่เป็นผู้ใช้อบิลิตี้ก็มือปืน พวกเขาใช้พลังสมาธิถ่ายเทลงในจักรกล ทั้งยังสามารถขยายไปถึงอุปกรณ์รูนตรงกรงเล็บได้ นี่ช่วยให้ง่ายต่อการเก็บกู้ซากสัตว์ร้ายมาก
นี่สิถึงเรียกว่าคนแรกที่ได้กินปู พวกเขาหว่านแหและตกปลาได้เป็นจำนวนมาก รวบรวมสมบัติสวรรค์เหล่านี้ ยัดลงในอุปกรณ์รูนมิติ
ในช่วงเวลาสั้นๆ ยานรบกว่า 30 ลำก็บรรทุกเต็มพิกัด ซากศพสัตว์ร้ายมากมายที่ลอยอยู่เหนือแม่น้ำเลือด ตกอยู่ในกระเป๋าของฉินเฟิง
สำหรับศพของมนุษย์ พวกอุปกรณ์รูนมิติจะถูกถอดออกโดยพลังสมาธิ เก็บแยกลงในอุปกรณ์อื่น แล้วขนส่งกลับมา
ขณะนี้ สมาชิกกลุ่มเฟิงหลี ทุกคนต่างเฝ้ามองฉากนี้ด้วยความตื่นเต้น
นี่ไม่ต่างจากการกอบโกยเงินผ่านพื้นดิน ขุดไปที่ใดก็เจอสมบัติ
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวดีๆเช่นนี้ดำเนินไปได้เพียงครึ่งชั่วโมง ฝูงชนระลอกสองก็มาเยือน สามเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ลอยลำออกจากรอยแยกมิติ ตามมาติดๆด้วยฮอลศึกขนาดเล็กกว่า 50 ลำ
ในแง่ปริมาณ อีกฝ่ายมีจำนวนเยอะกว่าอย่างชัดเจน แต่ในแง่เทคโนโลยี เรือเหาะและยานรบกลุ่มเฟิงหลี ทิ้งห่างอีกฝ่ายไปมากกว่า 8 - 10 ปี!
ภายในห้องควบคุมหลัก จินห่าวมองไปยังสัญลักษณ์ที่แปะอยู่บนเครื่องบินของอีกฝ่าย เอ่ยปากกล่าวว่า “ท่านประธาน พวกเขาคือกลุ่มตำหนักเทพ เป็นหนึ่งในกองกำลังยิ่งใหญ่ที่สุดของสหภาพสาธารณรัฐแอฟริกาเหนือที่อยู่ใกล้กับแม่น้ำสติกซ์ และสังเกตจากกลิ่นอาย น่าจะมีเลเวล A เดินทางมาด้วย หัวหน้าของพวกเขามีชื่อว่าคลิฟส์!”
ฉินเฟิงพยักหน้า แน่นอนว่าเขารู้จักคลิฟส์
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในชีวิตก่อน คลิฟส์ฉกฉวยผลประโยชน์จากมิติธารโลหิต จนได้ขึ้นเป็นตัวตนทรงอำนาจอันดับต้นๆของเลเวล S กระทั่งในตอนนี้ เขาก็ไม่ใช่เลเวล A ธรรมดาๆเช่นกัน
รู้หรือไม่ ว่าในบรรดาเลเวล A บางคนก็สามารถก้าวขึ้นเป็นกษัตริย์ได้อย่างแท้จริง แต่ก็มีหลายคนเช่นกัน ที่ทำได้แค่เป็นปลิงคอยเกาะหลังเลเวล S มีชีวิตอยู่เพื่อรอรับรางวัลจากเจ้านายของพวกเขา
“เอาเถอะ ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา ทำธุระของตัวเองต่อไป”
“รับทราบ!”
แล้วกลุ่มเฟิงหลีก็ไม่สนใจพวกเขาจริงๆ ดำเนินการสำรวจต่อไป ทุกที่ๆกลุ่มเฟิงหลีผ่าน รอยแยกมิติจะค่อยๆถูกกวาดออกไปอย่างช้าๆ อย่างไรก็ตาม ยังมีรอยแยกบางรอยปรากฏขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งเหตุการณ์นี้นำไปสู่สถานการณ์ที่สมาชิกกลุ่มตำหนักเทพ ไม่สามารถเข้าประชิดตัวกลุ่มเฟิงหลีได้
ด้านตรงข้ามของรอยแยกที่นั่นเป็นแม่น้ำสายใหญ่ เดิมควรสะอาดใสและงดงาม แต่ตอนนี้มันกลายเป็นแม่น้ำแห่งซากศพและเลือดไปแล้ว ก่อนหน้านี้กลุ่มเฟิงหลีได้ขับยานรบของพวกเขา เก็บศพที่ลอยอยู่บนผิวน้ำเท่านั้น แต่ฉากนี้สร้างความไม่พอใจต่อผู้มาเยือนอย่างเห็นได้ชัด
“บ้าเอ๊ย พวกเรามาสายไปแล้วจริงๆ!”
“ทุกอย่างถูกกลุ่มคนตรงหน้ายึดเอาไว้หมดเลย”
“เจ้าพวกบัดซบนั่นมาจากที่ไหนกัน!”
“ดูจากตัวอักษรที่เขียนแบบนี้ น่าจะเป็นภาษาของพันธมิตรหัวเซี่ย!”
ได้ยินคำสั้นๆพันธมิตรหัวเซี่ย สีหน้าของสมาชิกกลุ่มตำหนักเทพก็กลายเป็นไม่น่าดู พันธมิตรหัวเซี่ยน่ะ ปัจจุบันคือหนึ่งในพันธมิตรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ฉะนั้นความแข็งแกร่งของกลุ่มที่ตัดหน้าพวกเขา ไม่ควรดูแคลน
กระนั้น ในฐานะหัวหน้ากลุ่มตำหนักเทพ คลิฟส์ผู้ถูกเรียกว่าบุตรแห่งตะวัน จะยอมถอยให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะได้อย่างไร
“ช่างเป็นกลิ่นอายแห่งความมืดที่น่าหงุดหงิดนัก!”
เพื่อไม่ให้เกิดการตื่นตัวของสิ่งมีชีวิตในมิติธารโลหิต ฉินเฟิงเลยเคลือบอักษรรูนมืดรอบเรือเหาะเขา ดังนั้นคลิฟส์ในฐานะผู้ใช้อบิลิตี้แสง เลยสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของฉินเฟิง และทราบได้ในทันที ว่าบนเรือเหาะเบื้องหน้า คนที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นแค่ผู้ใช้พลังเลเวล B เท่านั้น
นั่นหมายความว่า ตัวเขาไม่ต่างจากกำลังกุมชัยชนะอยู่ในกำมือ!
มองไปยังเรือเหาะและยานรบบนหน้าจอขนาดใหญ่ คลิฟส์เลียมุมปากด้วยความตื่นเต้น
“ปล่อยพวกมันไปก่อน ให้พวกมันรับหน้าที่เก็บรวบรวมสมบัติไป แบบนี้จะช่วยประหยัดแรงและเวลาแก่พวกเราได้ รอจนพวกมันเก็บกู้ที่นี่จะสะอาดเอี่ยม ถึงเวลานั้น ฮี่ ฮี่ …”
เสียงหัวเราะของคลิฟส์ฟังดูเก็บงำความตั้งใจชั่วร้ายเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ลูกน้องทั้งหมดของเขา เข้าใจถึงความหมายของมันในทันที
เห็นได้ชัดว่าคลิฟส์มั่นใจว่าจะชนะกลุ่มเฟิงหลี และรอดักตีหัวพวกเขา
ลูกน้องของคลิฟส์เมื่อเห็นฉากนี้ ความตื่นกลัวในใจก็เริ่มสงบลง ทั้งยังกล่าวล้อเลียนอย่างมีอารมณ์ขัน
“ดูนั่นสิ เรือเหาะของพวกเขางดงามมากจริงๆ แล้วทำไมข้างกายของพวกเราถึงไม่มีมันบ้าง!”
“ไม่ต้องห่วงนะเพื่อน เดี๋ยวเรือเหาะสวยๆลำนั้น อีกไม่นานจะตกเป็นของพวกเราแล้ว!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ถูกต้อง ถูกต้อง! ส่วนตอนนี้ปล่อยให้พวกมันทำหน้าที่เป็นผึ้งงานขยันขันแข็งไปก่อน!”
สายตาที่คนเหล่านี้มองไปยังเรือเหาะกลุ่มเฟิงหลี เหมือนกับว่าทุกอย่างเบื้องหน้าเป็นของพวกเขาแล้ว!
กระนั้น คลิฟส์ก็ไม่คิดปล่อยให้ลูกน้องตนอยู่เฉยๆ เอ่ยปากว่า “คนพวกนี้เพิ่งสำรวจแค่บนผิวน้ำเท่านั้น บางทีอาจมีสมบัติดีๆอยู่ใต้น้ำด้วยก็ได้ ใครก็ได้นำเรือดำน้ำออกมาที แล้วขับไปเก็บกู้สมบัติกัน!”
“เจ้านาย ทางผมมีลำนึง!”
“ของผมก็มีลำหนึ่ง!”
ลูกน้องหลายคนอาศัยอยู่ใกล้กับแม่น้ำสติกซ์ ดังนั้นเลยเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะมีเรือใหญ่หรือเรือดำน้ำไว้ในครอบครอง
ไม่นาน ฮอลศึกของพวกเขา ก็ลดระดับลงใกล้กับผิวน้ำ เรือดำน้ำและเรือขนาดใหญ่หลายลำจอดเทียบท่า จากนั้นผู้ใช้อบิลิตี้โลหะสองคนก็ก้าวออกมา สร้างแหโลหะขนาดใหญ่ เหวี่ยงมันออกแล้วเริ่มเก็บกู้สมบัติ
ไม่นานพวกเขาก็ได้รับสมบัติอันมั่งคั่ง
“ดูนี่สิ! นี่มันศพราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล B !”
“ของดีจริงๆ”
“แถมยังตกได้ศพมนุษย์อีกเยอะเลย!”
พวกขเขาตื่นเต้นมาก ลากศพทั้งหมดขึ้นมา เมื่อถึงดาดฟ้าเรือ ก็ตรงเข้าถอดอุปกรณ์รูน และโยนทิ้งศพไร้ประโยชนกลับลงแม่น้ำไป
ในระยะไกล จินห่าวในห้องควบคุมของเรือเหาะ เกิดความรู้สึกเสียดายขึ้นมา
“ลูกพี่ ถ้ารู้แบบนี้ฉันว่าพวกเราน่าจะนำเขมือบฟ้ามาด้วย”
เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากพูดถึงเจ้าเหนือหัวทางทะเล เกรงว่าในโลกใบนี้ คงไม่มีใครเทียบเคียงได้กับเขมือบฟ้า
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงกลับหัวเราะเย็นชา “ให้ขับมันมาที่นี่งั้นหรอ แบบนั้นคงไม่ต่างจากหาที่ตาย!”
จินห่าวพอได้ฟังก็สงสัย เขาไม่เข้าใจความหมายของฉินเฟิง แต่ในตอนนั้นเอง จากระยะไกล เสียงกรีดร้องสยดสยองพลันดังขึ้น
“อา อา อา อ๊ากกกกก ….”