บทที่ 329
เลือดในกายเดือดพล่านกระดูกแตกดังลั่น พลังปราณหมุนวนทั่วจุดชีพจรประกายสายพุ่งออกมา ทักษะจิตเทพมังกรแผ่ออกมาจากร่างทุกอย่างรอบกายหยุดนิ่งหาได้มีผู้ใดขยับเนี่ยฟงลุกขึ้นมาอย่างง่ายดาย เขาจ้องมองไปที่ด้านหน้าเห็นเป็นภาพขาวดำพลังปราณรูปร่างมนุษย์สองคนคนผู้หนึ่งกำลังจ้วงแทงดาบในมือ เนี่ยฟงขมวดคิ้วหันไปมองรอบด้านกลับมองเห็นทุกอย่างเลือนราง เขาก้าวเดินเข้าหาปราณทั้งสองอย่างช้าๆ เร่งโคจรลมปราณไปที่มือขวาวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏด้านหน้าต่อยออกไปที่ด้านข้างของดาบ เปรี้ยง ดาบหักสะบั้นกระเด็นร่วงลงพื้น ไม่ถึงครึ่งลมหายใจทุกอย่างเคลื่อนไหวได้ดังเดิมตังเฮี้ยนก็กำชับดาบในมือขวาจ้วงแทงฉูเทียนเฉียนอย่างรวดเร็ว ดาบหักแทงไปที่หน้าอกเสียงสะบัดมือดังแว่วคมดาบถูกตวัดไปด้านหน้าวาดผ่านลำคอ เลือดสีแดงพุ่งกระฉูดศีรษะของตังเฮี้ยนกระเด็นร่วงลงพื้น ฉูเทียนเฉียนหันไปมองดาบที่ร่วงลงพื้นและหันไปมองรอบด้านพบเห็นพวกที่เหลือยังอยู่กับที่ ชิงเสี้ยวเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เกิดสิ่งใดขึ้น ท่านฉูเทียนเฉียนเหตุใดท่านถึงสังหารคนของท่านกัน”
“ข้าก็ไม่รู้ เมื่อรู้สึกตัวก็เห็นดาบจ้วงแทงมาที่หน้าอกของข้าแล้ว ข้าจึงสะบัดดาบสังหารเพียงแค่นั้นแต่ที่น่าแปลกใจก็คือมีบางคนแอบช่วยเหลือข้า”
เขาก้มลงไปหยิบใบดาบและด้ามจับขึ้นมาดูพบเห็นเป็นรอยหมัดของใครบางคนประทับในจุดที่หักของดาบ
“ท่านจะรอคนของท่านหรือไม่”
“ไม่ต้อง เรารีบเดินทางต่อเถอะ”
“แล้วเราจะเดินทางกันอย่างไรขอรับ”
สิ้นเสียงกล่าวของชิงเสี้ยวเนี่ยฟงก็เอ่ยวาจาออกมา
“มีบางอย่างกำลังพุ่งมาที่นี่ พวกท่านรีบหลบเถอะ”
ฉูเทียนเฉียนก้าวเดินเข้าไปหมายจะอุ้มเนี่ยฟง ประกายสายฟ้าพุ่งออกมาจากมือขวาวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏ บนพื้น ชิงเสี้ยวและฉูเทียนเฉียนตื่นตกใจไม่น้อยยืนนิ่งจ้องมองวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าใต้เท้าอย่างไม่วางตา ไม่นานก็กลายเป็นโดมขนาดเล็กครอบทุกคนเอาไว้
“พวกเราหลบด้านในเถอะนี้ ข้ารับรองว่าสิ่งที่ติดตามมาหาพวกเราไม่เจอเป็นแน่”
ชั่วน้ำเดือดฟ่านฟูหลัวนำกองกำลังติดตามมาอีกนับสิบคนเมื่อเห็นซากศพของตังเฮี้ยนเพียงแค่แสยะยิ้ม
“สมน้ำหน้าอยากอวดดีนักเพราะความเจ้าเล่ห์ของเจ้าคิดแผนการบัดซบนั้น หากให้ข้าสังหารมันตั้งแต่ตอนนั้นเจ้าก็ไม่ตกตายลงเช่นนี้แล้วอย่างไรต่อตอนนี้พวกมันหลบหนีไปแล้ว”
ทั้งสามอยู่ในโดมได้ยินในสิ่งที่ฟ่านฟูหลัวเอ่ยวาจาทั้งหมด ฉูเทียนเฉียนกำหมัดทั้งสองแน่นเป็นชิงเสี้ยวที่ยกมือซ้ายวางไปบนบ่าขวาส่ายศีรษะไปมาพร้อมกับเอ่ยวาจาออกมาอย่างแผ่วเบา
“ใจเย็นก่อนขอรับ หากพวกมันพบเห็นท่านทุกอย่างจะสูญเปล่า”
ฉูเทียนเฉียนก้มหน้านิ่งไม่กล่าววาจาสิ่งใดตอบ ฟ่านฟูหลัวสั่งคนที่ติดตามออกลาดตระเวนชั่วน้ำเดือดคนทั้งหมดก็จากไป เนี่ยฟงที่แผ่ลมปราณตรวจสอบก็เอ่ยวาจาออกมา
“พวกท่านอย่าได้ออกไปจากโดม มีชายผู้หนึ่งแอบเฝ้ามองอยู่แถวนี้”
ทั้งสองพยักหน้าตอบรับทันใดนั้นก็มีขวดยาสีขาวนวลปรากฏบนพื้นดินข้างมือขวาของเนี่ยฟง
“เม็ดยาในขวดสามารถฟื้นฟูพลังปราณได้ พวกท่านนำไปเถอะ”
ฉูเทียนเฉียนที่อยู่ใกล้ที่หยิบขึ้นมา ทันทีที่เปิดจุกยาออกกลิ่นหอมโชยออกมาเขารีบเทเม็ดยาออกหนึ่งเม็ดป้อนให้แก่เนี่ยฟง หลังจากนั้นเขาเองก็ทานหนึ่งเม็ดแล้วยื่นขวดยาให้ชิงเสี้ยว เม็ดยาถูกกลืนลงท้องหลังจากนั้นทั้งสองก็นั่งโคจรลมปราณ แสงอรุณสาดส่องอีกครั้งเนี่ยฟงก็เอ่ยวาจาออกมา
“หากจะหลบหนีตอนนี้เวลาที่ดีที่สุดคือทางทิศเหนือ”
ชิงเสี้ยวหันไปมองฉูเทียนเฉียน
“ทางทิศเหนือท่านพอมีที่หลบซ่อนหรือไม่”
“ทางทิศเหนือมีหมู่บ้านหนึ่งตั้งอยู่”
“เช่นนั้นพวกเราคงมีที่หลบภัยแล้ว”
“หมู่บ้านแห่งนั้นมีคนของฟ่านฟูหลัวประจำการอยู่”
ชิงเสี้ยวถึงกับขมวดคิ้วเนี่ยฟงถึงเอ่ยวาจาออกมา
“ทางทิศเหนือมีถ้ำหรือไม่ขอรับ เราสามารถไปหลบในนั้นได้ตัวข้าพอมีอาหารแห้งเยอะอยู่พอสมควร ข้าคิดว่าอีกไม่นานตัวข้าคงสามารถขยับตัวได้บางอาจจะช่วยเหลือพวกท่านได้บ้างไม่มากก็น้อย”
ฉูเทียนเฉียนกุ้มหน้าครุ่นคิด
“เช่นนั้นข้าจะพาพวกท่านไปหลบที่นั่นก่อนก็แล้วกัน”
สิ้นเสียงกล่าวฉูเทียนเฉียนก็เดินเข้ามาอุ้มร่างเนี่ยฟงหลังจากนั้นทั้งสองพุ่งทะยานออกไป ทั้งสองใช้วิชาตัวเบาอย่างสุดกำลัง เกือบชั่วยามก็เข้าเขตที่เป็นพื้นที่หุบเขาฉูเทียนเฉียนลัดเลาะไปตามซอกหินไม่นานก็พบรอยแยกช่องเขา ชิงเสี้ยวพุ่งติดตามเข้าไปในรอยแยกไม่ถึงสิบลมหายใจก็พบถ้ำอยู่ด้านใน เมื่อเข้าไปด้านในมีแสงแดดสาดส่องลงมาตามช่อง ฉูเทียนเฉียนรีบวางเนี่ยฟงลงพื้น เนี่ยฟงก็เอ่ยวาจาออกมา
“รบกวนท่านฉูเทียนเฉียนยืนบริเวณทางเข้าด้วยขอรับ”
ฉูเทียนเฉียนรีบไปยืนบริเวณทางเข้า ประกายสายฟ้าพุ่งออกจากมือขวาวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏไม่นานก็กลายเป็นม่านพลังที่บริเวณทางเข้า ชิงเสี้ยวสะบัดมือขวานำอาหารแห้งและน้ำออกมาป้อนชิงมู่ถังและเนี่ยฟงหลังจากนั้นก็มานั่งโคจรลมปราณ เนี่ยฟงหลังจากทานอาหารจนอิ่มก็กลับเข้ามาในห้องมืดอีกครั้ง
“เกิดสิ่งใดกับตัวเจ้าไอ้หนู”
“ข้าก็ไม่รู้เช่นกันขอรับ ในจังหวะนั้นเองเหมือนข้าพุ่งออกมาจากร่างกายประดุจวิญญาณ”
“มันอาจมาจากทักษะปราณจิตเก้าสวรรค์ตอนนี้เจ้าฝึกถึงระดับไหนแล้ว”
“ข้าฝึกผ่านระดับขั้นต้นมาแล้วขอรับ”
“เอาเถอะเช่นนั้นข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว เจ้าฝึกต่อเถอะ”
ทุกอย่างค่อยๆไหลผ่านอย่างช้าๆผ่านไปสามวันชิงมู่ถังเริ่มรู้สึกตัวอาการเริ่มดีขึ้นชิงเสี้ยวยกยิ้มอย่างมีความสุข แต่ทว่าเนี่ยฟงกับนิ่งเงียบไม่กล่าวสิ่งใดตอบหรือแม้กระทั่งขยับตัวจนทั้งสองอดเป็นห่วงไม่น้อย ย่างเข้าวันที่เจ็ดชิงมู่ถังก็เริ่มฝึกเดินได้บางแล้ว ส่วนเนี่ยฟงยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติงเช่นเดิม กลางดึกวันที่สิบในระหว่างที่ทุกคนกำลังหลับนอนเนี่ยฟงก็เอ่ยวาจาออกมา
“ท่านฉูเทียนเฉียน ท่านชิงเสี้ยวมีกลุ่มคนมุ่งหน้ามาที่นี่ขอรับ”
ทั้งสองรีบลืมตาตื่นเช่นเดียวกับชิงมู่ถัง เสียงสะบัดมือดังแว่วทั้งสองกำชับดาบในมือแน่น ชั่วน้ำเดือดได้มีเสียงเอ่ยวาจาดังลั่นมาจากด้านหน้า
“บัดซบไหนเจ้ากล่าวว่าที่นี่มีถ้ำ แล้วเหตุใดถึงไม่พบทางเข้า”
“ข้า ข้า”
“ช่างเถอะในเมื่อที่นี่ไม่มีถ้ำที่เจ้ากล่าวพวกมันคงไม่หลบซ่อนที่นี่ เช่นนั้นกลับไปรายงานท่านฟ่านฟูหลัวเถอะ ข้าคิดถึงสุราร้อนๆในค่ายแล้ว”
ไม่นานกลุ่มคนทั้งหมดก็จากไป ชิงมู่ถังถึงกับขมวดคิ้วเอ่ยวาจาออกมา
“เห็นอยู่ว่าคนพวกนั้นยืนอยู่ด้านหน้าแล้วเหตุใดจึงกล่าวว่าไม่เห็น มันเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ท่านชิงเสี้ยว”
“ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันต้องถามคุณชายเนี่ยฟงแล้ว”
“ข้าได้สร้างม่านพลังบดบังทางเข้าเอาไว้ คนพวกนั้นจึงมองไม่เห็น”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงก็ค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆ
“คุณชายขยับตัวได้แล้ว”
“ขอรับ ท่านชิงเสี้ยวข้าขอตรวจสอบร่างกายคุณชายชิงมู่ถังได้หรือไม่”
เนี่ยฟงยกมือทั้งสองส่ายไปมาชิงเสี้ยวรีบเก็บดาบคว้าจับมือเนี่ยฟงก้าวเดินเข้ามาที่ชิงมู่ถังนั่งอยู่ หลังจากตรวจสอบชีพจรเนี่ยฟงก็พยักหน้ายกยิ้ม
“ร่างกายคุณชายชิงมู่ถังหายเป็นปกติแล้ว ตอนนี้สามารถเริ่มฝึกยุทธได้แล้วขอรับ”
ชิงมู่ถังได้ยินเช่นนั้นก็รีบลุกหมายคุกเข่าเช่นเดียวกับชิงเสี้ยว เนี่ยฟงรีบยกมือขวาห้าม
“ใจเย็นๆก่อนขอรับ อย่าทำเช่นนั้นเลย ตอนนี้เป็นข้าเองที่ต้องรบกวนพวกท่าน”
เนี่ยฟงหันไปมองทางขวา
“รบกวนท่านชิงเสี้ยวพาข้าไปนั่งที่เดิมด้วยขอรับ”
ชิงเสี้ยวพยักหน้าตอบรับหลังจากนั้นก็พาเนี่ยฟงไปนั่งที่เดิม
“ไอ้หนู ข้าอยากให้เจ้าเห็นสายตาของไอ้เด็กนั้นจ้องมองแหวนในมือขวาของเจ้า”
“ข้ามีวิธีจัดการขอรับ”
หลังจากนั้นเนี่ยฟงก็ล้มตัวลงไปนอนกระทำบางอย่างกับแหวนในที่ปล้นมาหลังจากนั้นก็หันกลับมา ทำทีเป็นดึงแหวนออกมาจากมือขวาแล้วยกมือซ้ายขึ้น
“แหวนของข้ารบกวนท่านชิงเสี้ยวนำไปเถอะขอรับ ด้านในมีอาหารแห้งและเนื้อสัตว์อสูรจำนวนมาก หลายวันมานี่พวกท่านคงลำบากกันไม่น้อย”
ชิงเสี้ยวรีบเดินเข้ามาหยิบแหวนออกมาจากมือซ้าย หลังจากนั้นเนี่ยฟงก็นอนนิ่งเช่นเดิมทุกคนก็ล้มตัวนอนเช่นกัน ผ่านไปเกือบชั่วยามชิงมู่ถังก็ลืมตาขึ้นมา เขาแอบเดินย่องเข้ามาหาเนี่ยฟงอย่างช้าๆหลังจากนั้นก็จี้สกัดจุดเสียงแล้วจุดเคลื่อนไหวของเนี่ยฟงอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเขาก็รีบค้นตัว แน่นอนว่าเนี่ยฟงรู้ตัวแล้วเช่นกันเมื่อไม่พบสิ่งใดชิงมู่ถังก็สะบัดมือขวานำขวดยาออกมาหนึ่งเม็ดเขาใช้มือขวาบีบที่ปากของเนี่ยฟงหลังจากนั้นก็ใช้มือซ้ายโยนเม็ดยาลงไปในปากเขารีบปิดปากใช้มือขวาลูบไปที่ลำคอจนแน่ใจแล้วว่าเนี่ยฟงกลืนเม็ดยาลงคอเป็นที่แน่นอนแล้วเขาก็แอบย่องกลับมานอนที่เดิม เนี่ยฟงที่รู้ตัวอยู่ก่อนรับรู้ได้ทันทีที่เม็ดยาที่ชิงมู่ถังป้อนให้เขาเป็นยาพิษและเขายังรู้อีกว่าเป็นพิษชนิดใดเขาได้แต่ส่ายศีรษะไปมา