WS บทที่ 39 การต่อสู้ PART 1
*หวู่ม!!*
ดาบของเควีโร่กำลังเปล่งที่น่ากลัวออกมา จากนั้นเขาก็ฟาดลงไปที่ศีรษะของเลห์แมน
แม้เลห์แมนจะตกใจมากแต่เขาก็สามารถเรียกสติกลับมาได้อย่างว่องไว เขากำด้ามดาบใหญ่แน่น ทันใดนั้นตัวดาบใหญ่ได้ระเบิดเปลวอันร้อนแรงออกมา
“ดาบแห่งแสง”
“คลื่นอัคคี”
*แกร๊ง!!*
ดาบที่เคลือบพลังธาตุทั้งสองได้ปะทะกัน ส่งผลให้เกิดประกายแสงประจายออกมา
*ตูม!!*
พลังทั้งสองได้ปะทะกันส่งผลให้ทั้งสองกระเด็นออกมา นี่แสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายมีพละพลังที่ทัดเทียมกัน
“นักดาบแสงระดับสาม!!” เลห์แมนหรี่ตามองผ่ายตรงข้าม เขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายมีพลังในการควบคุมธาตุมากกว่าตนเอง
“ช่างทรงพลังอะไรอย่างนี้ ไม่มีทางที่นักดาบเพลิงระดับสองจะมีพลังถึงขนาดนี้อย่างแน่นอน”
ทางเควีโร่ก็ประหลาดใจเช่นกัน ความมั่นใจของเขาค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยความกังวล แม้เขาจะรู้ว่าเลห์แมนจะเป็นเพียงนักดาบเพลิงระดับสองแต่เขากลับมีพละกำลังที่เท่าเทียมกัน แม้ว่าเขาจะมีระดับที่สูงกว่าแต่ใช่ว่าจะจัดการได้ง่าย ๆ
“เห็นมั้ยเควีโร่ สุดท้ายนายก็ไม่สามารถจัดการเขาด้วยตัวคนเดียวที่แองกัสพูดมาก็มีส่วนถูก คนที่รอดมากจากสงครามใหญ่เช่นเขาไม่มีทางจะเป็นคนธรรมดา ๆ แน่นอน”
ชายอีกคนที่สวมหน้ากากสีทองอีกได้กล่าวออกมาพร้อมกับชักดาบออกมาช้า ๆ
“ยังมีนักดาบแสงระดับสามอีกคนงั้นรึ!!” เลห์แมนมองชายทั้งสองอย่างระมัดระวัง เขากำลังคิดวิธีรับมือชายสองคนนี้
“รับมือ!!”
นักดาแสงระดับสามสองคน เควีโร่กับลีโล พวกเขาร่วมมือกับโจมตีเลห์แมน ในไม่ช้าตรงที่ ๆ พวกเขาต่อสู้ก็เหลือกันแค่สามคน พวกโจรและคนอื่น ๆ ได้ถอยห่างออกไป หากพวกเขายังอยู่ก็จะได้รับลูกหลงจากพลังธาตุไฟกับธาตุแสง
ทางด้านเลห์แมน แม้ว่าเขาจะถูกรุมจากนักดาบแสงแต่เขาก็ยังสามารถตั้งรับได้ดี ด้วยพรสวรรค์อันโดดเด่น แม้เขาจะเป็นเพียงนักดาบเพลิงระดับสองแต่ก็สามารถรับมือนักธาตุระดับสามที่อยู่ในจุดสูงสุดได้
ยิ่งเควีโร่กับลีโลสู้กับเลห์แมนมากเท่าไหร่ สีหน้าของเขาก็ดูซีดลงสวนทางกับก่อนหน้านี้ที่เขามั่นใจว่าจะสามารถฆ่าเลห์แมนได้อย่างง่ายดาย
ทั้ง ๆ ที่พวกเขารุมเลห์แมนแต่พวกเขากลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังเสียเปรียบ
“เขาเป็นสัตว์ระหลาดรึไง ทำไมถึงแข็งแกร่งขนาดนี้”
ชายทั้งสองคนเหลือบไปมองแองกัสที่กำลังดูการต่อสู้อย่างช่วยไม่ได้
แองกัสเป็นชายสวมหน้ากากสีทองอีกคน เขากำลังมองเลห์แมนที่กำลังเหวี่ยงดาบใหญ่ราวกับยักษา ตัวเขาไม่เกรงกลัวที่จะสู้กับนักดาบแสงระดับสามทั้งสอง
แม้ในแง่ความแข็งแกร่งของเควีโร่กับลีโลนั้นพอ ๆ กับเลห์แมนแต่หากพวกเขาไม่ระวัง พวกเขาจะรู้เลห์แมนรุกฆาตทันที
“แม้แต่ท่านบิชอปก็ยังประเมินพลังของวิลสันต่ำไป หากคนที่มีพลังระดับนี้ไม่ได้อยู่ในเมืองเล็ก ๆ อย่างแบล็กวอเตอร์ล่ะก็...” แองกัสพึมพำเบา ๆ ก่อนจะชักดาบออกมา
*หวู่ม*
ออร่าสีขาวที่แข็งแกร่งกว่าของเควีโร่กับลีโลได้แผ่ของมาจากดาบของแองกัส
เขาได้จับดาบและพุ่งเข้าใกล้เลห์แมนอย่างรวดเร็ว...
‘นักดาบแสงระดับสาม 3คน...นักดาบแสงระดับหนึ่งกับระดับสองมากกว่า 50คน...นี่มันไม่ใช่กองโจรธรรมดาแต่เป็นเหล่านักรบศักดิ์สิทธิ์ของโบสถ์เทพแห่งแสง’
ตอนนี้เมอร์ลินได้รับการคุ้มครองอย่างปลอดภัยภายใต้การดูแลของแพรตต์กับอัศวินคนอื่น ๆ อีกมากมาย
เมอร์ลินสังเกตการณ์ภาพรวมในสนามรบบนหลังม้า เขาเห็นความแกร่งแข็งของเลห์แมนที่ทรงพลังกว่าที่เขาคิดไว้ ตัวเขานั้นไม่ต่างจากเทพเจ้าสงครามเลย เขาสามารถรับมือนักดาบแสงทั้งสองได้อย่างมั่งคง
เมอร์ลินได้เห็นความแข็งแกร่งของนักดาบธาตุระดับสามแล้วด้วยตาตัวเอง โชคดีที่โรลินประมาทในตัวของเขาจึงทำให้เขารอดจากเงื้อมมือของโรลินได้
“คุณชายเมอร์ลินรีบเข้าไปในปราสาทเร็วเข้าครับ ผมเกรงว่าข้างนอกตอนนี้จะไม่ปลอดภัย”
แพรตต์ก้าวไปเบื้องหน้าและหยิบดาบออกมาอย่างเงียบ ๆ โดยที่จ้องมองพวกโจรตรงหน้าอย่างเย็นชา
ตอนนี้นักดาบแงระดับสอง 2คนนำพวกโจรพุ่งเข้ามาในปราสาท
“เข้ามาเลย ฉันรอดมาสงครามใหญ่มาได้แล้ว โจรกระจอกอย่างพวกเจ้าไม่คนามือของฉันหรอก”
แพรตต์อย่างดุร้าย จากนั้นดาบของได้ลุกโชกไปด้วยเปลวไฟแต่พลังไม่แข็งแกร่งเท่าโอดล์เนื่องจากตัวเขาเป็นเพียงนักธาตุระดับหนึ่ง
ส่วนเมอร์ลินตอนนี้ได้รับการคุ้มครองจากอัศวินหลายสิบคนซึ่งพวกเขานั้นไม่แข็งแกร่งที่จะรับมือกลุ่มโจรนับร้อยกับนักดาบแสงสองคนที่อยู่เบื้องหน้าได้เลย
“คุณชายเมอร์ลินไม่ต้องกังวลไป ผมจะปกป้องคุณชายเอง”
ยาเกซที่ยืนอยู่ใกล้เมอร์ลินมากท่สุดกล่าว เขาเป็นหนึ่งในทหารที่ทำหน้าที่คุ้มกันขบวนเดินทางของเมอร์ลิน
สีหน้าของยาเกซนั้นเคร่งเครียดและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
เมอร์ลินเชื่อว่ายาเกซคงไม่ลังเลที่จะเข้ามาปกป้องเขาแน่นอน หากเขาเกิดอันตรายขึ้น
“ยาเกซ นายจะต้องเป็นอัศวินที่ยิ่งใหญ่เข้าสักวัน” เมอรลินกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม สีหน้าของเขาไม่แสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดของสถานการณ์ที่อยู่ในตอนนี้เลย
*พึ่บ*
จากนั้นเมอร์ลินกระโดดลงจากหลังม้าและเดินตรงไปหน้าแพรตต์
“ลุงแพรตต์ครับ”
“หื้ม? คุณชายเมอร์ลิน! ทำไมยังไม่กลับไปยังปราสาทล่ะครับ ตรงนี้มันอันตราย”
เมอร์ลินส่ายหัวเล็กน้อย “ลุงแพรตต์ช่วยนำอัศวินที่เหลือถอยกลับไปที่ปราสาท ส่วนพวกโจรเหล่านี้...”
เมอร์ลินลดเสียงลงพร้อมกับชายตามองไปยังกลุ่มโจรที่กำลังควบม้าเข้ามาด้วยรวดเร็ว
*พึ่บ*
ทันใดนั้นเอง ลูกไฟขนาดเท่ากำปั้นสองลูกได้ปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าเมอร์ลิน พวกมันลอยอยู่บนอากาศพร้อมกับปล่อยบรรยากาศที่น่ากลัวออกมา
“ส่วนพวกโจรเหล่านี้...ผมจัดการเอง!!”
แพรตต์จ้องมองเมอร์ลินอย่างตกตะลึง
ส่วนเมอร์ลินได้ยื่นมือออกมาและชี้ไปข้างหน้า จากนั้นลูกไฟทั้งสองลูกได้บินไปหากลุ่มโจรในพริบตา