ตอนที่แล้วEP 253 ความสัมพันธ์ที่ไม่มั่นคง!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEP 255  สนามยิงปืน! ระยะ 100 เมตร

EP 254 นักลงทุน!


EP 254 นักลงทุน!

By loop

วันที่สามของวันหยุดวันชาติ

เช้าเวลา 10.00 น.

ดงซูบิน อยู่ในห้องนั่งเล่นของเขามองไปที่หมายเลขของเสี่ยวหลานในโทรศัพท์ของเขา เขาอยากโทรหาเธอ แต่ลังเลและเดินไปรอบ ๆ อพาร์ตเมนต์ของเขาด้วยความสงสัยว่าเขาควรโทรหาเธอดีไหม

ในท้ายที่สุดดงซูบินก็กัดฟันและกดเบอร์โทรหาเสี่ยวหลาน

แต่โทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเวลานานโดยไม่มีใครรับสาย

ดงซูบินรู้ว่าพี่สาวเสี่ยวยังคงโกรธเขาและถอนหายใจ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโทรหาเลขาของเสี่ยวหลานว่าฮูซินเยียน “สวัสดีพี่ฮู ผมเองดงซูบิน”

“ฮ่าฮ่า…หัวหน้าซูบินคุณกลับมาแล้วเหรอ? เมื่อไหร่เราจะมีโอกาสมาทานข้าวเย็นด้วยกัน ฉันรอคุณอยู่เลยนะ”

“พี่ฮูไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะและผมกลัวว่าพี่ฮูจะปฏิเสธคำเชิญของผม”

“คุณล้อเล่นกับฉันหรือป่าว? ทำไมฉันถึงจะปฏิเสธการคำเชิญของคุณล่ะ” หลังจากล้อเล่นสักพัก ดงซูบินก็ถามขึ้นมา “โอ้วันนี้กำหนดการของนายกเทศมนตรีเสี่ยว เป็นอย่างไร? เธอทำงานหรือเปล่า”

ฮูซินเยียนรู้ว่าดงซูบินกำลังมองหานายกเทศมนตรีเพื่อหาอะไรบางอย่าง ถ้าเป็นคนอื่นเธอจะไม่เปิดเผยเบาะแสของนายกเทศมนตรีเสี่ยวแต่ดงซูบิเป็นคนที่ช่วยให้เธอได้รับตำแหน่งนี้ เธอคิดสักพักแล้วกระซิบ “วันนี้ควรจะเป็นวันหยุดของนายกเทศมนตรีเสี่ยว แต่กลุ่มนักธุรกิจเดินทางมาจากปักกิ่ง พวกเขากำลังจะลงทุนในเมืองหยานไท่ และนายกเทศมนตรีเสี่ยว กำลังจัดอาหารกลางวันให้พวกเขา การปรับปรุงเศรษฐกิจของเมืองหยานไท่ เป็นสิ่งที่นายกเทศมนตรีเสี่ยว กำลังดำเนินการตั้งแต่เธอถูกย้ายมาที่นี่ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอจึงเป็นเจ้าภาพต้อนรับพวกเขาเป็นการส่วนตัวและรองหัวหน้าหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของมณฑลลู่ และฉันจะไปร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับพวกเขา”

ดงซูบินขมวดคิ้ว “นักธุรกิจจากปักกิ่ง?”

"ใช่. ฉันได้ยินมาว่าคนที่พาพวกเขามานั้นชื่อว่าเว่ยหนาน ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักนายกเทศมนตรีเสี่ยว”

“เว่ยหนาน?” สีหน้าของดงซูบินเปลี่ยนไปในทันที“พี่สาวฮูช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าร้านนั้นคือร้านอะไร”

ฮูซินเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งและบอกที่อยู่ดงซูบิน

หลังจากวางสายใบหน้าของดงซูบินเปลี่ยนเป็นสีดำ เว่ยหนานอยู่ที่นี่? เขามาที่นี่เพื่อลงทุนจริงๆหรอ? แม้ว่าพ่อของเขาจะเป็นผู้จัดหาเวชภัณฑ์และมีฐานะร่ำรวย แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนที่นี่ ที่นี่ไม่มีอะไรต้องลงทุน! เอาล่ะ! ไอ้สารเลวคนนี้ไม่ได้มาลงทุนหรอก! จู่ๆดงซูบินก็ตระหนักว่าเว่ยหนานไม่ได้ใช้รูปถ่ายเหล่านั้นเพื่อแก้แค้นเขาที่แย่งคู่หมั้นของเขา เขาพยายามกับมาตื้อเสี้ยวหลาน อีกครั้ง!

ดงซูบินกระแทกโซฟาด้วยความโกรธ!

ฉันต้องไม่ปล่อยให้ไอ้นี่ทำสำเร็จ!

12.30 น.

ดงซูบินจอดรถที่หน้าร้านอาหารในเขตตะวันตกของเมือง เขามองไปรอบ ๆ ที่จอดรถกลางแจ้ง มีรถบีเอ็มดับเบิลยูซือรีส์ 7 และโตโยต้าที่มีป้ายหมายเลขประจำมณฑล ดงซูบินเคยเห็นรถบีเอ็ม คันนั้นในคฤหาสน์ของพี่สาวเสี่ยว และมันน่าจะเป็นของเว่ยหนาน รถอีกคันคือรถของเสี่ยวหลาน และคนขับพี่ซิงกำลังกินเบอร์เกอร์และอ่านเอกสารอยู่ในนั้น

ดงซูบินแสร้งเดินผ่านไป “สวัสดีอาจารย์ซิง”

พี่ซิงประหลาดใจและทักทายดงซูบิน “อ่าว หัวหน้าซูบินเองหรอ”

พี่ซิงเป็นคนขับรถของเสี่ยวหลาน และดงซูบิน เคยพบเขาครั้งหนึ่งในอาคารรัฐบาลเมือง“ฮ่าฮ่า…ทำไมพี่ถึงมากินอาหารในรถล่ะ? นายกเทศมนตรีเสี่ยว อยู่ในร้านอาหารนี้หรือป่าว”

พี่ซิงพยักหน้าและไม่พูดอะไร

ดงซูบินไม่ต้องการเข้าไปในร้านอาหารและเขาคุยกับ พี่ซิงในที่จอดรถ พี่ซิงเป็นชายวัยกลางคนที่เงียบขรึมและรู้ว่าจะพูดอะไรและไม่ควรพูดอะไร เขาบอกกับดงซูบินว่านายกเทศมนตรีเสี่ยว และเลขาฮู เข้าไปในร้านอาหารเมื่อ 20 นาทีที่แล้วและไม่ได้พูดอะไรอีก

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ประตูร้านอาหารเปิดออกเสี่ยว, ฮูซินเยียน,เว่ยหนาน และชายสามคนก็เดินออกไป

ฮูซินเยียนกำลังเดินตามหลังเสี่ยวหลานและชายวัยกลางคนอีกคนกำลังยิ้มและพูดคุยกับนักลงทุนชาวปักกิ่งคนหนึ่ง ชายคนนี้น่าจะเป็นรองหัวหน้าหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของมณฑลลู่ดาฟา

ดงซูบินรู้สึกเลือดเดือดเมื่อเห็นเว่ยหนาน และ เสี่ยวหลาน กำลังสนทนากับเขาและชายอีกสองคนพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ ดงซูบินประทับใจเธอที่ไม่ได้ใช้อารมณ์ในการทำงาน เธอเคยคบหากับเว่ยหนาน ในเรื่องการหมั้นหมายในอดีต แต่นั่นเป็นประเด็นที่แยกจากกัน ดงซูบินรู้ดีว่าแม้ว่าตอนนี้เขาจะขึ้นไปหาพี่สาวเสี่ยว แต่เธอก็จะไม่ปฏิบัติต่อเขาอย่างเย็นชาเพราะเธอเป็นตัวแทนของมณฑลไม่ใช่ตัวเธอเอง

เว่ยหนานหัวเราะและถาม “โฮ่วซือเป็นอย่างไรบ้าง”

ชายหนุ่มร่างสูงหัวเราะและตอบกลับ “ที่นี่ไม่ดีเท่ามณฑลอื่น ๆ แต่ก็มีข้อดีอยู่ หากรัฐบาลท้องถิ่นสามารถให้การสนับสนุนเราได้ผมคิดว่าเราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับการตั้งโรงงานได้” เขายังคงพอใจกับสภาพแวดล้อมที่นี่และรู้สึกว่าเหมาะที่จะตั้งโรงงาน

เว่ยหนานมองไปที่เสี่ยวหลาน “นายกเทศมนตรีเสี่ยว เราคงจะต้องมาพูดคุยเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวแล้วล่ะ”

เสี่ยวหลานมองไปที่นาฬิกาของเธอและบอกพวกเขาว่ารองหัวหน้าหลิว จะคุยกับพวกเขาแทน

แม้ว่าการลงทุนในมณฑลจะช่วยปรับปรุงเศรษฐกิจของตนและเสี่ยวหลานอาจะจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น แต่เธอก็ไม่จำเป็นต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง เธอแสดงความเคารพต่อนักธุรกิจเหล่านี้มากพอโดยพาพวกเขาไปทานอาหารกลางวันด้วย แต่ เว่ยหนาน ยืนกรานอย่างไร้ยางอายว่าพวกเขาต้องหารือเกี่ยวกับเงื่อนไขของสัญญากับเธอโฮ่วซือและชายหนุ่มอีกคนโจวซือ ดูเหมือนจะรู้ว่าเว่ยหนานกำลังทำอะไรอยู่และพวกเขาก็ช่วยเกลี้ยกล่อมเสี่ยวหลานในทันที

ในตอนท้ายเสี่ยวหลานพูดอะไรบางอย่างกับฮูซินเยียนและพยักหน้าให้เว่ยหนาน ฮูซินเยียนรู้จักกับเว่ยหนาน และเพื่อน ๆ ของเขาก็เป็นคนสำคัญและเงินลงทุนก็มหาศาล หากไม่เป็นเช่นนั้นพวกเขาจะไม่ขอหารือข้อตกลงกับนายกเทศมนตรีโดยตรง

เว่ยหนานหัวเราะ “นายกเทศมนตรีเสี่ยวซื้ออาหารกลางวันมาแล้วและคราวนี้น่าจะถึงตาเราแล้ว”

โจวซือ กล่าว “ไปที่สนามยิงปืนที่เราผ่านไปเมื่อเช้าและคุยกันเรื่องสัญญาตอนที่เรายิงเป้ากัน”

โฮ่วซือก็เห็นด้วย “แน่นอน. เป็นเวลานานแล้วที่ผมไม่ได้ยิงปืนเลย”

เมื่อพวกเขากำลังจะไปที่รถดงซูบินก็เดินผ่านไป “ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ นายกเทศมนตรีเสี่ยว คุณอยู่ที่นี่เพื่อทานอาหารกลางวันหรือไม่” ฮูซินเยียนเกือบจะหัวเราะออกมากับท่าทางปลอม ๆ ของดงซูบินเธอรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเพราะเธอเป็นคนบอกที่อยู่นี้ของดงซูบิน

เสี่ยวหลานมองไปที่ดงซูบินและยิ้ม “หัวหน้าซูบินคุณมาทานอาหารกลางวันที่นี้ด้วยเหรอ?”

เสี่ยวหลานแตกต่างจากเมื่อวานตรงที่เธอทุบรีโมทคอนโทรลและกระแทกโต๊ะ แต่ดงซูบินรู้ว่าเธอไม่ให้อภัยเขาและเธอกำลังพูดกับเขาโดยพยายามระงับอารมณ์โกรธพวกนั้นไว้อยู่ ดงซูบิน ยิ้ม “ไม่…ผมผ่านมาและเห็นรถของคุณพอดี”

เสี่ยวหลาน พยักหน้าและไม่พูดอะไร

ฮูซินเยียนไม่ได้สังเกตเห็นอะไรจากปฏิกิริยาของเสี่ยวหลาน เธอไม่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง เสี่ยวหลาน และ ดงซูบินเธอแค่สงสัยว่าทำไมนายกเทศมนตรีเสี่ยว ถึงปฏิบัติต่อดงซูบินอย่างเย็นชาเช่นนี้ ถูกต้องแล้ว ดงซูบินน่าจะทำให้นายกเทศมนตรี เสี่ยวโปรดปรานด้วยการช่วยชายคนนั้นที่กระโดดลงมาจากอาคารของสำนักงานเมือง และเธอควรจะขอบคุณเขา แต่ฮูซินเยียนรู้ว่าไม่มีใครคาดเดาได้ว่าหัวหน้าของเธอกำลังคิดอะไรอยู่

เว่ยหนานแตกต่างออกไป เขารู้ว่าเสี่ยวหลานและ ดงซูบินกำลังคบกันและจากการแสดงออกของ เสี่ยวหลานเขารู้ว่าพวกเขามีปัญหาในความสัมพันธ์เสี่ยวหลานต้องได้รับรูปถ่ายที่เขาส่งให้กับคณะกรรมการตรวจสอบวินัยและเขาก็หัวเราะในใจขณะที่เขามองไปที่ดงซูบิน

นับตั้งแต่ถ่ายภาพเหล่านั้นในวันนั้นเว่นหนานได้วางแผนที่จะให้เสี่ยวหลานผิดใจกับดงซูบินและเขาจะใช้ประโยชน์จากการเข้ามาระหว่างพวกเขา แต่หลังจากความล้มเหลวครั้งสุดท้ายของเขาเว่ยหนาน ก็เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและไม่ได้แสดงความตั้งใจของเขาต่อ เสี่ยวหลานเขามีเพื่อนสองสามคนที่กำลังมองหาสถานที่ลงทุนและเขาใช้ข้ออ้างนี้เพื่อใกล้ชิดกับเสี่ยวหลานั้นเอง

ดงซูบินหรี่ตาของเขาขณะที่เขาจ้องไปที่เว่ยหนาน

แม้ว่าดงซูบินจะเลิกกับพี่สาวเสี่ยว แล้วเขาก็ไม่ยอมให้เว่ยหนานอยู่กับเธอเป็นอันขาตด เขาจะต้องจัดการกับเว่ยหนานให้ได้ ไม่ช้าก็เร็วนี้

หลังจากที่ ดงซูบิยปรากฏตัวที่ทางเข้าร้านอาหารก็เงียบลง

ดงซูฐินดูเหมือนว่าเขาไม่สามารถรู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้รับการต้อนรับและยังคงสนทนากับเสี่ยวหลานต่อไป

เสี่ยวหลานตอบดงซูบินด้วยความสุภาพและพูดกับฮูซินเยียน “พี่ฮูเตรียมตัวให้พร้อม”

นี่คือวิธีของผู้นำในการขอให้คนอื่นออก ผู้ที่ฉลาดจะกล่าวคำอำลาและไม่รบกวนผู้นำ แต่ ดงซูบินไม่มีความตั้งใจที่จะจากไป เมื่อเห็น เสี่ยวหลานไม่สนใจเขาเขาจึงหันไปหาชายวัยกลางคน เขาเดินไปจับมืออย่างอบอุ่น "อา…. คุณคือหัวหน้าลู่! ผมได้ยินเรื่องมามากเกี่ยวกับคุณ!”

ลู่ดาฟาฝืนยิ้ม “หัวหน้าซูบินยินดีที่ได้รู้จัก”

ดงซูบินเอาแขนไปโอบไหล่ของลู่ดาฟา และพูดคุยกับเขา

ลู่ดาฟาเองอยากจะด่าเขาออกมา เราสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่? คุณเอาแขนมาโอบไหล่ฉันทำไม!

ฮูซินเยียนมาจากหน่วยรักษาความปลอดภัยสาธารณะและรู้เรื่องความไม่พอใจระหว่างลู่ดาฟา และดงซูบิน เธอพูดไม่ออกเมื่อเห็นสิ่งนี้ ถังจินลูกพี่ลูกน้องของหัวหน้าซูบินได้ซื้อบุหรี่ปลอมที่ร้านญาติของลู่ดาฟา และถูกพนักงานคนหนึ่งทุบตีที่นั่น ในท้ายที่สุดหัวหน้าตงก็ไปที่ร้านและทุบตีญาติของลู่ดาฟาและโต้เถียงกับเขาทางโทรศัพท์ พวกเขาน่าจะต้องไม่ชอบกันสิ แต่ทำไมพวกเขาถึง…

เสี่ยวหลาน ไม่สนใจ ดงซูบินและเข้าไปในรถของเธอ

เว่ยหนานมองไปที่ดงซูบินและเดินไปที่ที่จอดรถเพื่อไปรับรถของเขา

“พี่ลู่ …” ดงซูบินเปลี่ยนวิธีที่เขาพูดกับลู่ดาฟา “พวกคุณไปไหนกันหมด”

ลู่ดาฟากำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมา คุณเป็นใครถึงเรียกฉันว่าพี่ลู่? แต่นักลงทุนอยู่กับพวกเขาและเขาไม่สามารถพูดอะไรได้ เขาแสร้งยิ้มและพูด “เรากำลังจะไปที่สนามยิงปืน เราควรจะไป หัวหน้าซูบินวันอื่นมาคุยกันเถอะ” เขาไม่ต้องการอยู่ใกล้กับ ดงซูบินในตอนนี้ แต่สิ่งที่ดงซูบินพูดต่อมาแทบจะทำให้พวกเขาอาเจียนเป็นเลือด

ดงซูบินตบต้นขาของเขาอย่างกะทันหันและอุทาน “ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ! ผมก็ไปที่นั่นเหมือนกัน!”

พล่าม! ใบหน้าของ ลู่ดาฟาเปลี่ยนเป็นสีดำช้าๆ “คุณไปที่นั่นทำไม”

“มันเป็นที่ๆผมต้องไปอยู่แล้ว” ดงซูบินตอบกลับแบบไม่แคร์สิ่งใดและโอบแขนของเขารอบไหล่ของลู่ดาฟา อีกครั้ง “พี่ลู่ เนื่องจากทางเดียวกันพี่ไปกับผมล่ะกัน”

ลู่ดาฟาตอบกลับทันที “ฉันขับรถมาที่นี่!”

ดงซูบินเองก็ไม่สนใจเขาและเดินไปที่ลานจอดรถโดยมีแขนโอบไหล่ของเขา “คุณไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้น แค่จอดรถทิ้งไว้ที่นี่ เอารถของผมไปกันเถอะ!”

ฮูซินเยียนจ้องมองไปที่นายกเทศมนตรีเสี่ยวและพูดว่า “หัวหน้าซูบินคุณกำลังจะทำอะไร…”

ดงซูบินแสร้งทำเป็นไม่รู้ "ทำอะไร? เลขาฮู.”

ฮูซินเยียนไม่รู้ว่า ดงซูบิน จะทำเช่นนี้และเสียใจที่บอกที่อยู่ร้านอาหารให้เขาทราบ เธอพยายามส่งซิกกับ ดงซูบินอย่างรวดเร็ว “เราจะไปที่นั่นเพื่อคุยเรื่องงาน…คุณ…” ฮูซินเยียนกลัวว่านายกเทศมนตรีเสี่ยว และนักลงทุนจะโมโหขึ้นมา

ดงซูบินตอบ “พูดคุยเกี่ยวกับงาน? ถูกตัอง. เราต้องมั่นใจในความปลอดภัยของผู้ลงทุน เลขาฮู คุณสามารถไว้ใจผมได้เลย!”

ฮูซินเยียนเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี

ขณะที่ ฮูซินเยียนและดงซูบินกำลังพูด ลู่ดาฟาผลักแขนของดงซูบินออกไปและเดินไปที่รถของเขาอย่างรวดเร็ว

แต่ปฏิกิริยาของ ดงซูบินรวดเร็ว ทันทีที่เขาจับลู่ ที่ไหล่ของเขาอีกครั้งและพูดว่า “พี่ลู่ลลลลลล พี่กำลังจะไปไหน?”

ลุยดาฟาอายุมากแล้วนั่งทำงานในออฟฟิศมาหลายปีแล้ว เขาไม่พอดีกับ ดงซูบินและถูกผลักเข้าไปในรถอย่างแรงลู่ดาฟา ไม่เคยเห็นใครผิวหนาขนาดนี้ นายกเทศมนตรีเสี่ยวอยู่ใกล้ ๆ และเธอไม่ได้บอกว่าจะพาคุณไปด้วย แต่คุณก็ยังตามไป ไม่อายบางหรือยังไงกัน? นี้สงสัยคุณอยากจะก่อปัญหามากๆสินะ?!

อีกด้านหนึ่งโจวซือถาม "นั่นใคร?"

ฮูซินเยียนตอบเบา ๆ “เขาเป็นรองหัวหน้าซูบินจากสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะของมณฑลของเรา”

โฮ่วซือรู้สึกประหลาดใจ “นั้นถือว่าเด็กมากเลยนะ” ดงซูบินดูเหมือนว่าเขาอายุน้อยกว่าเขาห้าถึงหกปี

ในตอนนี้ โตโยต้า และ บีเอ็ม มาถึงทางเข้าแล้ว ดงซูบิน ยังขับรถไปหานักลงทุนทั้งสองและเปิดประตูให้พวกเขาเข้าไปได้เขากลายเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่รัฐบาลของมณฑลที่รับแขก แต่การรักษาความปลอดภัยสาธารณะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลงทุนสำหรับมณฑล

แต่รถเอ็มพีวีของเบนซ์ดึงขึ้นมาข้างๆพวกเขาโฮ่วซือก็ตะลึง เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาของพวกเขา

โจวซือพูดไม่ออก พวกเขาเดินทางไปทั่วประเทศจีนและได้พบกับผู้คนมากมายในเมืองต่างๆ แต่พวกเขายังไม่พบใครจากหน่วยรักษาความปลอดภัยสาธารณะที่กล้าขับรถเบนซ์อย่างเปิดเผย พวกเขาบอกได้ว่านี่ไม่ใช่รถเบนซ์ที่ผลิตในประเทศ นี่คือกลุ่มรถยนต์อันดับต้น ๆ ของเบนซ์และมีราคาอย่างน้อย 1.5 ล้าน เฮ้ย! ชายหนุ่มคนนี้กล้าพอที่จะขับรถคันนี้ต่อหน้านายกเทศมนตรี!

ทันใดนั้นร่างกายของโฮวซี่ก็นิ่งไป

โจวซือ ถามเบา ๆ “เกิดอะไรขึ้น?”

โฮวซือ กล่าว “ดูที่มือของเขาสิ”

"มือของเขา? เกิดอะไรขึ้น”

“ดูสิว่าเขาใส่อะไร”

โจวซือมองไปที่ข้อมือของดงซูบินแล้วนิ่งไปเลย!

ปาเต๊ะ! รองหัวหน้าสำนักงานความมั่นคงสาธารณะคนนี้สวมนาฬิกาปาเต๊ะฟินลิป! ลู่ดาฟาอาจไม่รู้เกี่ยวกับแบรนด์นี้หรือมูลค่าของมัน แต่โฮวซือ และโจวซือ รู้จักนาฬิกาปาเต๊ะฟินลิปเรือนนั้นดีมากและน่าจะเป็นของจริงและควรจะแพงกว่า เบนซ์ที่เขาขับเล็กน้อย นั่นคือนาฬิกามูลค่าเฉียดสองล้าน! หลังจากนั้นพวกเขาก็เห็นจี้หยกแขวนอยู่ที่เอวของดงซูบินและพูดไม่ออก

เวรเถอะ!

ผู้ชายคนนี้เป็นข้าราชการจริงๆหรอเนี่ย?

สิ่งที่ ดงซูบินสวมใส่มีมูลค่าหลายล้านและเขาดูร่ำรวยกว่าพวกเขา!

โจวซือ และ โฮวซือรู้ได้ทันทีว่าหัวหน้าซูบินไม่ใช่รองหัวหน้าสำนักความมั่นคงสาธารณะคนอื่นและไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาคุยกันและพูดอะไรบางอย่างกับเว่ยหนาน หลังจากนั้นพวกเขาก็ขึ้นรถเบนซ์ของ ดงซูบินดูเหมือนพวกเขาจะสนใจดงซูบิน และ เว่ยหนาน ก็ขมวดคิ้วเว่ยหนานขับรถขึ้นข้างโตโยต้าและพูดบางอย่างกับ เสี่ยวหลาน ก่อนจะเดินไป

บีเอ็มอยู่ด้านหน้าตามด้วยโตโยต้าและเบนซ์ อยู่ด้านหลัง

สนามยิงปืนตั้งอยู่ใกล้พรมแดนของเทศมณฑลหยานไท่และใช้เวลาเดินทางประมาณสามสิบนาที

ระหว่างทางโจวซือ และโฮวซือนั่งอยู่ข้างหลัง ดงซูบินและพวกเขาก็แนะนำตัวเอง พวกเขามอบนามบัตรให้ดงซูบิน และลู่ดาฟา กำลังแนะนำเมืองหยานไท่ ข้างๆพวกเขา แต่โจวซือ และ โฮวซือดูไม่สนใจในสิ่งที่ลู่ดาฟาแนะนำเลย พวกเขาเคยได้ยินสิ่งที่ต้องการและเยี่ยมชมสถานที่ที่พวกเขาต้องการเห็น ตอนนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของรัฐบาลท้องถิ่นแล้ว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมไม่ว่า ลู่ดาฟาจะพูดอะไรก็ไม่มีความหมายสำหรับพวกเขา

ดงซูบินไม่ได้พูดอะไรมากและจ้องมองไปที่มุมมองด้านหลังของเสี่ยวหลาน ในรถโตโยต้า ตรงหน้าเขา

“หัวหน้าซูบิน…” ใครบางคนเรียกเขาจากด้านหลังของเขา

ดงซูบินหันไปรอบ ๆ "ฮะ? มันคืออะไร?"

โจวซือกล่าว “นี่คือรถที่ดี R500I. ด้านบนสุดของช่วงนี้”

“อ่า…นี่เป็นของเพื่อนของผมและผมยืมใช้มันก่อน” นี่เป็นข้ออ้างตามปกติที่ดงซูบิน ใช้

โฮวซือ มองไปที่นาฬิกาของดงซูบินและถาม “อย่าบอกนะว่าคุณยืมนาฬิกาด้วย? ปาเต๊ะฟินลิปมาด้วย! ผมกับโจวซือเคยเห็นนาฬิกาเรือนนี้ในงานประมูลเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา เป็นรุ่นที่คล้ายกับของคุณ ควรมีราคาอย่างน้อย 1.8 ล้านใช่ไหม?” โจวซือ และ โฮวซือ แค่อยากรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของดงซูบิน

ลู่ดาฟาเองถึงกับผวา!

ดงซูบินจับมือของเขา "มันเป็นของปลอม. ผมซื้อมันมาจาก เตาเป่า ราคาประมาณ 1,800 หยวน”

ลู่ดาฟามองไปที่นาฬิกาของ ดงซูบินและมองถึงสองครั้ง

โจวซือ และ โฮวซือ สบตากันและยิ้ม ของปลอม? เป็นไปได้ยังไง?! พวกเขาสามารถบอกได้อย่างรวดเร็วว่าเป็นของปลอมหรือของแท้กันแน่เพียงแค่มองผ่านๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด