Chapter 3 : ข้อเสนอ
วันรุ่งขึ้นระหว่างการออกกำลังกายตอนเช้าตรู่ คุโรโตะ ได้ยินเสียงกระซิบเกี่ยวกับการโจมตีผู้นำตระกูล ซึ่งยืนยันได้ว่าเลือดและเนื้อเยื่อที่ โอโรจิมารุ ส่งให้เขาเมื่อวานนี้เป็นของ อุจิฮะ ฮิอาชิ จริง ๆ
แม้ว่า คุโรโตะ จะรู้อยู่แล้วว่า โอโรจิมารุ สามารถทำร้ายนินจาที่แข็งแกร่งที่สุดของ ตระกูลฮิวงะ ได้ แม้ว่าจะเป็นการลอบโจมตี แต่ก็ยังทำให้ คุโรโตะ ผิดหวังใน ตระกูลฮิวงะ เล็กน้อย
จากเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ คุโรโตะ สรุปได้ว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ ตระกูลฮิวงะ จะมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับ 3 นินจาแห่งโคโนฮะ ได้ แม้ว่าจะผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มงวดและใช้ความพยายามมากมายขนาดไหนก็ตาม แม้ว่ามันจะไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่มันก็ยากเกินไปเว้นแต่คนคนนั้นจะเป็นอัจฉริยะจริง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพูดถึงความสามารถแล้ว คุโรโตะ รู้ว่าตัวเขาอยู่แค่ในระดับปานกลางเท่านั้น ซึ่งความแข็งแกร่งของ ตระกูลฮิวงะ ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนยีนพิเศษที่ถูกกระตุ้นในดีเอ็นเอของพวกเขา
ตระกูลฮิวงะ ส่วนใหญ่มักมียีนพิเศษที่ถูกกระตุ้นให้ทำงานแล้วประมาณ 20 ชุดจาก 33 ชุด และสำหรับบุคคลที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษอย่างผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน, ฮิวงะ ฮิอาชิ เขามียีนพิเศษที่ถูกกระตุ้นให้ทำงานแล้ว 28 ชุด ในขณะที่เขามียีนพิเศษไม่ถึง 20 ชุดที่ทำงาน ดังนั้นจึงไม่ยากที่จะเข้าใจว่าความสามารถของเขาต่ำกว่ามาตรฐานของตระกูล
หากเขาฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเป็นประจำและใช้ความพยายามถึงที่สุด เต็มที่เขาก็จะเป็นได้แค่ โจนินพิเศษ
หลังจากนั้นการเพิ่มขึ้นของความแข็งแกร่งของเขาก็จะหยุดลง และหากต้องการเอาชีวิตรอดในโลกแห่งสงครามที่รุนแรงนี้ เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้
สำหรับรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับการบุกโจมตี ผู้นำตระกูลฮิวงะ พวกเขาไม่ได้เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะและตัดสินใจที่จะเก็บเป็นความลับ
คุโรโตะ เข้าใจจุดประสงค์ที่พวกเขาทำแบบนี้ อาจเป็นเพราะ ฮิอาชิ รู้ว่าผู้ที่โจมตีเขาก็คือ โอโรจิมารุ และตัวตนของ โอโรจิมารุ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต่อต้าน
นอกจาก โอโรจิมารุ จะเป็นศิษย์ที่เก่งกาจที่สุดของ โฮคาเงะรุ่น 3 แล้ว เขาก็ยังเป็นถึง 3 นินจาแห่งโคโนฮะ ที่มีความแข็งแกร่งระดับ คาเงะ และเขาก็มีอิทธิพลมหาศาล เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่ต่อกรได้ยากอย่างแท้จริง ไม่มีใครใน ฮิวงะ ที่อยากต่อสู้กับเขาหากมีทางเลือกอื่น ดังนั้นสภาผู้อาวุโสของตระกูลจึงลงมติให้เรื่องนี้เงียบไปเอง
‘โอโรจิมารุ กล้าที่จะโจมตี ไม่ใช่แค่นินจาธรรมดา แต่เป็นถึงหนึ่งในผู้นำตระกูลใหญ่ของหมู่บ้าน โคโนฮะ แสดงว่าเขาไม่กลัวที่จะเปิดเผยตัวตนของเขา คงจะหมายความได้อย่างเดียวว่า เขาคงเตรียมการที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับการออกจาก โคโนฮะ เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นแผนออกจากหมู่บ้านของเขาจึงสามารถเริ่มได้ทุกเมื่อ’ ข้อสรุปนี้ทำให้ คุโรโตะ แน่ใจว่า โอโรจิมารุ กำลังจะออกจากหมู่บ้าน
สำหรับ คุโรโตะ การออกจากหมู่บ้านของ โอโรจิมารุ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีคือเขาจะไม่ต้องอยู่ภายใต้ความกดดันที่หนักหน่วงของ โอโรจิมารุ อีกต่อไปแล้ว แต่มันก็เป็นข้อเสียเช่นกัน มันทำให้ตอนนี้เขาสูญเสียคนที่จะปกป้องเขาไป ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อ โอโรจิมารุ ออกจากหมู่บ้าน คุโรโตะ ก็ถูกจับตาดูอย่างหนักเพราะเขาเป็นหนึ่งในศิษย์ของ โอโรจิมารุ
‘คนที่รู้ว่าเราเกี่ยวข้องกับการทดลองกับมนุษย์ก็มีแค่ โอโรจิมารุ คนเดียวเท่านั้น ตราบใดที่ความลับนี้ไม่หลุดออกจากปากของเขา ก็จะไม่มีอะไรสาวมาถึงตัวเราได้’
ในบรรดานักวิจัยของ โอโรจิมารุ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รอดชีวิตมาจาก มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 3 และเนื่องจากลักษณะพิเศษของ เนตรสีขาว งานวิจัยของเขาจึงถูกแยกออกจากคนอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง ดังนั้นเขาจึงไม่มีปฏิสัมพันธ์กับนักวิจัยคนอื่นมากนัก และนอกจากเขากับ โอโรจิมารุ แล้วก็ไม่มีใครรู้เรื่องโครงการทดลองที่เขารับผิดชอบ
คุโรโตะ วิเคราะห์สถานการณ์ที่เป็นไปได้ทั้งหมดในความคิดของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะที่เขายังคงออกกำลังกายตอนเช้าทุกวันต่อไปอย่างสงบเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับพายุที่กำลังจะมาถึง
ผ่านไปหลายวันในหมู่บ้านก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร โคโนฮะ ยังคงสงบอย่างที่ควรจะเป็น จนกระทั่งในคืนวันที่ 3 จู่ ๆ หน่วยลับที่สวมหน้ากากจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้นที่บ้านของ คุโรโตะ และพาตัวเขาไปยังฐานทัพชั่วคราวของหน่วยลับ
ฐานนี้ตั้งอยู่ที่มุมตะวันตกเฉียงเหนือของหมู่บ้านซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่และมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข็มงวด มีทีมหน่วยลับชั้นยอดอยู่ที่นั่นประมาณ 7 – 8 ทีม
หลังจากถูกนำตัวไปที่ฐานนี้แล้วเขาก็ถูกพาไปยังห้องเดี่ยวขนาดเล็กที่ไม่มีเครื่องตกแต่งอะไรในห้องเลย มันมีรั้วเหล็กทึบติดตั้งอยู่ด้านนอกโดยมีนินจาหน่วยลับยืนเฝ้าอยู่
ที่ที่มีการรักษาความปลอดภัยแบบนี้เป็นมากกว่าแค่ฐานชั่วคราวแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหน่วยลับภายใต้การสั่งการของ โฮคาเงะรุ่น 4 เข็มงวดมากแค่ไหน และนั่นก็หมายความได้แค่ว่า โอโรจิมารุ จะหลบหนีอย่างเป็นทางการในวันนี้หรืออาจจะคืนนี้
ด้วย เนตรสีขาว ทำให้ คุโรโตะ สังเกตทุกอย่างในฐานนี้ได้
จากการตรวจจับของเขา เขาพบว่าเขาไม่ใช่นินจากลุ่มแรกที่ถูกพาตัวมาที่นี่และไม่ใช่กลุ่มสุดท้าย มีคนถูกพาตัวมาที่นี่ก่อนหน้านี้แล้ว และมีกลุ่มที่เพิ่งมาถึงหลังจากเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่เป้าหมายหลักของพวกเขา ซึ่งทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
นินจาที่ถูกคุมขังทั้งหมดเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ โอโรจิมารุ นินจาหลายร้อยคนถูกพาตัวมาที่นี่แล้วและยังคงมาเพิ่มอีกเรื่อย ๆ ในนินจาเหล่านี้มีทั้งนินจาระดับสูงที่มีชื่อเสียงของหมู่บ้าน มีทั้ง โจนิน และ โจนินพิเศษ เป็นจำนวนมาก นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะท้ายที่สุดแล้ว โอโรจิมารุ ก็เป็นถึงผู้บัญชาการใน มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 2 ดังนั้นเขาจึงมีนินจานับพันที่ทำตามคำสั่งของเขา
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ โอโรจิมารุ จะมีนินจาใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์อยู่หลายร้อยคนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่อย่างนั้น โอโรจิมารุ ก็คงจะไม่สามารถแข่งขันกับ นามิคาเซะ มินาโตะ เพื่อชิงตำแหน่ง โฮคาเงะรุ่น 4 ได้
เนื่องจากในฐานแห่งนี้มีนินจาถูกพาตัวมาเป็นจำนวนหลายร้อยคน ดังนั้นที่นี่จึงมีเสียงดังเป็นอย่างมาก
ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ถึงสาเหตุที่ถูกพามาที่นี่เหมือน คุโรโตะ เขาพนันได้เลยว่าแม้แต่ในบรรดาลูกน้องที่ภักดีของ โอโรจิมารุ หลายคนก็ไม่ถึงแผนการออกจากหมู่บ้านของ โอโรจิมารุ ดังนั้นพวกเขาจึงแสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ถูกกักขัง และพวกเขาก็ต้องการคำอธิบายที่สมเหตุสมผลสำหรับการทำเช่นนั้น
ในที่สุด โฮคาเงะรุ่น 3 ก็ปรากฏตัว และเสียงที่ดังก็เบาลง
แม้ว่า โฮคาเงะรุ่น 4, นามิคาเสะ มินาโตะ จะเข้ามามีอำนาจ แต่ โฮคาเงะรุ่น 3 ก็ยังคงเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการกิจการทั้งใหญ่และเล็กมากมายในหมู่บ้าน และในสายตาของผู้อาวุโส รุ่น 3 ก็ยังคงมีอำนาจที่เท่าเทียมกันหรืออาจจะสูงกว่า รุ่น 4
ต่อหน้า โฮคาเงะรุ่น3 การสืบสวนก็เริ่มขึ้นในไม่ช้า
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านินจากลุ่มแรกที่ถูกสอบสวนก็คือเหล่านินจาระดับสูง
จูนิน ที่เพิ่งจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งหลังจาก มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 2 อย่าง คุโรโตะ จึงไม่ได้มีความสำคัญมากนัก ทำให้เขาถูกเพิกเฉยไปชั่วขณะ
แม้ว่านินจาบางคนที่ถูกสอบสวนไปก่อนแล้วจะเป็นนินจาระดับเดียวกับเขา แต่ คุโรโตะ ก็รู้ดีว่านินจาที่ได้รับการเลื่อนขั้นเพราะกลับจากสงครามนั้นไม่ได้มีความสามารถมากเท่ากับนินจาที่ได้รับการเลื่อนขั้นตามมาตรฐาน แต่เขาก็อดรู้สึกหดหู่ใจไม่ได้กับความจริงที่ว่าเขาถูกเพิกเฉยเป็นเวลานาน
3 วันผ่านไปในพริบตา
หลังจากถูกควบคุมตัวเป็นเวลา 3 วันเต็ม ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสนใจเขา ทำให้ คุโรโตะ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการสืบสวนไม่ได้รวดเร็วอย่างที่คิด
นินจาหลายคนที่ถูกคุมขังไม่เชื่อว่า โอโรจิมารุ ที่เป็นถึง 1 ใน 3 นินจาแห่งโคโนฮะ จะกลายเป็นนินจาถอนตัว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ให้ความร่วมมือกับการสืบสวน
สำหรับความคิดที่จะใช้การทรมานกับผู้ถูกควบคุมตัวนั้น ความเห็นของผู้อาวุโสในหมู่บ้านยังคงขัดแย้งกันอยู่
การสืบสวนจึงเป็นการซักถามที่เรียบง่ายจึงยากที่จะตรวจสอบได้ว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทดลองของ โอโรจิมารุ บ้าง และใครคือสายลับที่ โอโรจิมารุ ทิ้งไว้ในหมู่บ้าน และต่อให้มีการใช้การทรมานในการสืบสวน นินจาเหล่านี้ก็ลวนแล้วแต่เป็นนินจาที่เพิ่งผ่านสงครามมา ไม่มีใครที่เป็นมือสมัครเล่นที่จะยอมคายข้อมูลออกมาเพียงเพราะว่าถูกทรมานเพียงเล็กน้อย
และการใช้การทรมานก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก มันไม่ใช่แค่การสอบสวนนินจา 2 หรือ 3 คน แต่เป็นการสอบสวนนินจานับร้อย และเกือบทั้งหมดก็เป็นวีรบุรุษสงคราม ดังนั้นการทรมานจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ชาญฉลาด
ในวันที่ 5 ของการสืบสวน ในที่สุด ชิมูระ ฮันโซ ก็ปรากฏตัวที่ฐานชั่วคราว
ดันโซ เข้าไปเยี่ยมผู้ถูกคุมขังหลายคนเป็นการส่วนตัว ไม่มีใครรู้ว่าเขาคุยอะไรกับพวกเขา แต่เขาก็ได้พาผู้ถูกคุมขังส่วนใหญ่ไปด้วย
‘เดาไม่ยากเลยว่าตอนนี้พวกเขากำลังจะเข้าร่วมหน่วยราก!’ ไม่จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุโรโตะ สามารถสรุปผลลัพธ์นี้ได้อย่างง่ายดายจากข้อมูลที่เขามีต่อ ชิมูระ ดันโซ จากชีวิตที่แล้วของเขา
หากไม่สามารถหาความจริงจากนินจาทั้งหมดนี้ได้ การให้ ดันโซ ดึงพวกเขาให้ไปอยู่ใต้การควบคุมก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่าสำหรับหมู่บ้าน มากกว่าการปล่อยให้คนที่อาจะเป็นภัยต่อหมู่บ้านเดินเตร่ได้อย่างอิสระ
นินจาที่ถูกคุมตัวที่นี่ก็เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขาดี การภักดีต่อ โอโรจิมารุ จะทำให้พวกเขาไม่ได้รับการยอมรับจาก โฮคาเงะรุ่น4 ข้อเท็จจริงที่ว่า มินาโตะ อายุยังน้อยก็หมายความว่าเขาจะมีอำนาจอยู่อีกอย่างน้อยก็ 2 ถึง 3 ทศวรรษ และเขาก็จะสร้างทีมผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์ของเขาได้อย่างแน่นแฟ้นแน่นอน ดังนั้นหน่วยรากจึงเป็นทางเลือกเดียวที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาในตอนนี้
ไม่กี่วันต่อมา คุโรโตะ ก็ได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมหน่วยรากอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ปฏิเสธไปทุกครั้ง ในความติดของเขา การที่ต้องเป็นนินจาถอนตัวนั้นดีกว่าการที่ต้องเป็นหน่วยรากที่ต้องทำงานสกปรกภายใต้การสังการของ ชิมูระ ดันโซ
โชคดีที่คนของหน่วยรากไม่ได้สนใจ ฮิวงะ คุโรโตะ มากนัก และพวกเขาก็จากไปอย่างมีความสุขหลังจากถูกเขาปฏิเสธ
การที่หมู่บ้านตัดสินใจให้ ดันโซ สามารถชักชวนนินจาเหล่านี้ให้เข้าร่วมหน่วยรากได้ ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องเข้าร่วมหน่วยราก ดังนั้น คุโรโตะ จึงกล้าปฏิเสธข้อเสนอนี้