บทที่ 51 การติดต่อ (2)
เฟรย์ใช้เวลาอ่านหนังสือกริมโมสหรือไม่ก็ซ้อมกับเลียมสันเพื่อฆ่าเวลา
ในวันแรกของสัปดาห์ถัดไป คามิลล์ได้กลับจากการเดินทางไปยังฐานลับของไพลส์ฟาวเดอร์อาร์เมลท์แต่เธอไม่ได้กลับมาคนเดียว
เธอกลับมาพร้อมกับเพื่อนใหม่ถึงสองคน
หนึ่งในนั้นคือชายวัยกลางคนที่ดูเคร่งขรึมด้วยเสื้อคลุมสีดำบริสุทธิ์ซึ่งเปล่งประกายออร่าที่ทรงพลังมาก
อย่างไรก็ตามเฟรย์ได้เปลียนความสนใจของเขาเมื่อเขาเห็นคนที่มาด้วยกันกับเขา
“…”
“…”
ชายอีกคนก็จ้องมองเฟรย์เช่นกัน
ผมสีเทาตาที่ลึกและมีสีหน้าที่เย็นชา
คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าเขาเหมือนกำลังส่องกระจก
เฟรย์ไม่ได้หลีกเลี่ยงการจ้องมองของผู้ชายคนนั้น
ผู้ชายคนนั้นเปิดปากพูดก่อน
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ"
เฟรย์พยักหน้าและตอบกลับ
"ไม่ได้เจอกันนานจริงๆ"
เพื่อนอีกคนของคามิลล์ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากไฮนซ์เบลคลูกชายคนที่สองของตระกูลเบลค
* * *
“พวกคุณรู้จักกันหรอ?”
“เค้าเป็นน้องชายของผมเอง”
"ฮะ?"
ชายวัยกลางคนข้างๆเขามองไปที่เฟรย์ด้วยท่าทางเย็นชา
และมันเป็นการกระทำที่หยาบคายมากกับคนที่เขาเพิ่งได้พบ อันที่จริงมันทำให้เฟรย์รู้สึกอึดอัด
ตอนนั้นเองที่คามิลล์เดินเข้ามาข้างๆเขาและกระซิบข้างหู
“ชายคนนี้คือดูเกนจาร์ เขาเป็นฟอร์สออเนอจากไพลส์ฟาวเดอร์อาร์เมลท์ เขาค่อนข้างเจ้าอารมณ์ดังนั้นได้โปรดระวังตัวด้วย”
จากนั้นเธอก็พูดต่อด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
“ฉันไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าไฮนซ์จะเป็นพี่ชายของคุณ”
"คุณรู้จักกับเขาด้วยหรือคามิลล์?"
“ไม่มีทางที่ฉันจะไม่รู้จักฟอร์สออเนอจากสโตรว์เน็คลิซ อีกอย่างเขาเป็นคนดังเอามากๆ แม้แต่เซอร์เคิลเล็กๆอย่างที่เราก็ยังเคยได้ยินชื่อของเขา”
สายตาของเฟรย์ได้ปะทะกับไฮนซ์อีกครั้ง
แววตาและสีหน้าของเขาไม่มีอารมณ์ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเดาว่าเฟรย์กำลังคิดอะไรอยู่
“เอาละเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”
ดูเกนจาร์พูดกับเฟรย์ด้วยน้ำเสียงที่แหลมคม น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส
“อธิบายสถานการณ์โดยละเอียดด้วย”
“…”
มันเป็นทัศนคติที่ต่ำมาก
เฟรย์อ้าปากค้างโดยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ
“ลุคส์รองหัวหน้าหอคอยที่ 3 ทรยศต่อเหล่ามนุษยชาติ เขากลายเป็นอัครสาวกและในระหว่างการปราบเขา มิเคลหัวหน้าชั้นก็ได้เสียชีวิต”
“ฉันรู้อยู่แล้ว ไอ้โง่แกไม่เข้าใจคำพูดของฉันเหรอ? ฉันกำลังบอกให้แกอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดโดยละเอียด!”
ใบหน้าของเลียมสันกระตุก เฟรย์เป็นคนที่เขาให้การยอมรับและนับถือ
ตอนที่เขาออกจากป่ามา เขาไม่ได้คาดหวังว่าวันหนึ่งเขาจะมีมิตรภาพที่แน่นแฟ้นกับมนุษย์คนใดคนหนึ่ง แต่เฟรย์นั้นแตกต่างออกไป
ด้วยพลังและความสามารถที่เขาแสดงให้เห็น เฟรย์เป็นคนที่สมควรได้รับความเคารพอย่างแท้จริงแม้ว่าจะต้องปีนข้ามกำแพงเผ่าพันธุ์
แต่เมื่อไอ้แก่ที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้พูดจาไม่ดีใส่เขามันทำให้เลียมสันรู้สึกอึดอัดมาก
และถ้าไอ้แก่นี่รู้อะไรเกี่ยวกับเฟรย์ละก็ เขาจะไม่มีวันทำตัวแบบนั้นแน่
“ผมยังไม่ได้เป็นสมาชิกของเซอร์เคิลใดๆเลย”
“แกกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?”
ดูเกนจาร์มีสีหน้าหงุดหงิดราวกับว่าเขาไม่คาดหวังว่าเฟรย์จะเถียงเขากลับ
“ผมกำลังบอกให้คุณให้หยุดพูดกับผมแบบนั่น ผมไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณ”
“…!”
จากคำพูดของเฟรย์ดวงตาของคามิลล์เบิกกว้างขึ้นและไฮนซ์ก็เลิกคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
ส่วนเลียมสันนั้นระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
แต่ดูเกนจาร์กลับเป็นคนที่เสียหน้ามากที่สุด
“ไอ้เจ้านี่แก…แกมันคนที่ไม่รู้จักที่สูงต่ำ!”
เคราของดูเกนจาร์สั่นและมานาก็เริ่มหมุนวนไปรอบๆร่างกายของเขา
เมื่อเห็นเช่นนี้ใบหน้าของเฟรย์ก็เต็มไปด้วยคำสบประมาท
เขาไม่ชอบความเย่อหยิ่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่เมื่อเขาเห็นดูเกนจาร์ได้ระบายความโกรธของเขาออกมาเพราะเขาไม่สามารถยอมรับความอัปยศอดสูได้ เขาก็รู้สึกว่ามันน่าสมเพชจริงๆ
เนื่องจากเขาเป็นฟอร์สออเนอนั่นหมายความว่าอย่างน้อยเขาก็อยู่ในระดับ 7 ดาว แต่เฟรย์ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าคนๆนั้นอ่อนแอมาก
'ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าไอ้ขยะนี้เป็นผู้บริหารของเซอร์เคิล'
เขารู้สึกผิดหวังในเซอร์เคิล ไม่สิ ผิดหวังกับไพลส์ฟาวเดอร์อาร์เมลท์
“ออเนอดูเกนจาร์ให้ผมคุยกับเขาดีกว่า ผมจะอธิบายสถานการณ์โดยละเอียดให้คุณทราบในภายหลัง”
ไฮนซ์แซรก
เขาก้าวไปข้างหน้าด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความโกรธของดูเกนจาร์สงบลงเลย
“คุณเข้าข้างเขาเพราะเขาเป็นน้องชายของคุณหรือเปล่า? คุณคิดว่าฉันจะทนกับความหยาบคายของเขาได้จริงหรือ?”
“เอาน่าเขายังเด็กอยู่ ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจ”
“ฉันไม่อดทนต่อความอัปยศอดสู! ถอยออกไป!”
“เหอะ...”
ไฮนซ์ถอนหายใจและส่งสายตาที่รำคาญไปที่ดูเกนจาร์
จากนั้นดูเกนจาร์ก็ตัวสั่น
“ผมจะให้น้องชายของผมอธิบายสถานการณ์ให้ผมฟัง คุณอยากให้ผมพูดซ้ำอีกครั้งมั้ย? ออเนอดูเกนจาร์!”
ในขณะนั้นดูเกนจาร์ปิดปากของเขา ไม่มีคำพูดใดๆออกมา
เฟรย์มองเห็นประกายแห่งความกลัวในดวงตาของเขา
“…งั้นเชิญเลยออเนอไฮนซ์”
"ขอบคุณ"
ไฮนซ์พยักหน้าอย่างนิ่งก่อนจะหันกลับไปมองเฟรย์
“พอจะมีที่ให้เราสองคนได้คุยกันมั้ย?”
“…เราไปที่ห้องของฉันก็ได้”
เฟรย์ลุกขึ้นจากที่นั่งขณะที่สงสัยว่าไฮนซ์กำลังคิดอะไรอยู่
แต่เขาก็ยินดีที่จะได้มีโอกาสพูดคุยกันตามลำพัง
จากนั้นทั้งสองก็มุ่งหน้าไปที่ห้องของเฟรย์
หลังปิดประตูเฟรย์นั่งลงบนเตียง ไฮนซ์ยื่นอยู่ข้างประตูและสังเกตเฟรย์สักครู่ก่อนจะพูด
“ฉันได้ยินมาว่าออเนอลุคส์หักหลังเรา คามิลล์ได้ส่งรายงานให้เราแล้ว แต่พี่ต้องรบกวนน้องให้ช่วยอธิบายอีกครั้งได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“เข้าใจแล้ว”
เฟรย์อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในขณะที่ฟังเรื่องราวการแสดงออกของ ไฮนซ์ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก
‘ฉันไม่คิดว่าไฮนซ์เป็นคนแบบนี้’
เขารู้สึกเหมือนเป็นคนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับไฮนซ์ที่เคยกลั่นแกล้งเฟรย์
เขาเปลี่ยนไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหรือเปล่า?
มีความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ แต่เฟรย์ก็รู้สึกว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้คือตัวตนของไฮนซ์เบลคที่แท้จริง
ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงปฏิบัติกับเฟรย์แบบนั้น?
“…นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น”
ในที่สุดไฮนซ์ก็แสดงปฏิกิริยาเมื่อเขาได้ยินว่าเฟรย์ไปถึงระดับ 7 ดาวแล้ว
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ขัดจังหวะเฟรย์และเขาไม่โต้ตอบอย่างรุนแรงกับข้อมูลที่ได้รับ
“แล้วคริสตัลของอัครสาวกล่ะ?”
“ฝากไว้ให้นักเล่นแร่แปรธาตุที่รู้จักแล้วละ”
“นั่นเป็นไอเทมที่จัดการได้ยากมากเลยนะ”
“ศาสตราจารย์อเดเลียเป็นคนที่มีความรู้มากในการเล่นแร่แปรธาตุและเธอน่าจะจัดการกับมันได้”
“…ดูเหมือนว่าเธอจะอยู่ในหอคอยเวทมนตร์ที่ 3 ด้วย”
เมื่อเขาคิดเรื่องนี้อเดเลียเคยบอกใบ้ว่าเธอรู้จักกับไฮนซ์
พวกเขามีความสัมพันธ์อะไรกัน?
ไฮนซ์มองเฟรย์ด้วยสายตากลวง ๆ
“คริสตัลเป็นของนาย นายเป็นคนที่ปราบเขาได้มันจึงเป็นรางวัลของนาย อเดเลียจะสามารถนำไปทำเป็นยาอายุวัฒนะได้ แม้ว่าข่าวลือเกี่ยวกับนายจะยังไม่แพร่ไปมากนัก… แต่เซอร์เคิลใหญ่ๆก็จับตาดูความเคลื่อนไหวของนายอยู่แล้ว รวมถึงบิ๊กทรีด้วย”
“…?”
“พี่อยากจะบอกว่า ‘อย่าดืมยาอายุวัฒนะที่ทำจากคริสตัลดีกว่า’ แต่นายก็คงจะไม่ฟังพี่แม้ว่าพี่จะเตือนก็เถอะ แต่นายจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่นายดื่มมัน”
เฟรย์ไม่รู้ว่าเขาพูดถึงอะไรและแทนที่จะตอบคำถามไฮนซ์กลับถอนหายใจ
“นายเปลี่ยนไปมาก นายคงจะตื่นขึ้นแล้ว ใช่...ยังไงซะนายก็มีเลือดของตระกูลเบลคอยู่ในตัวนาย แต่อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ดูเกนจาร์เขาอาจจะดูเป็นคนไม่ดีแต่ตำแหน่งของเขาในเซอร์เคิลนั้นไม่สามารถมองข้ามได้เลย การเพิ่มความมั่นใจก็เป็นเรื่องที่ดีแต่บางครั้งนายก็ต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริง”
คราวนี้ไฮนซ์ให้ความรู้สึกแปลกๆ มันเหมือนกับว่าเขาอยากจะคุยและกำลังให้คำแนะนำดีๆแก่น้องชายจริงๆ
ถ้า 'เฟรย์คนเด่า' เป็นคนที่ได้ยินสิ่งนี้เขาอาจคงจะเสียอารมณ์
“อีกไม่นานคนใช้จากตระกูลจะมาหานาย พวกเขาจะบอกให้นายกลับไปที่บ้าน”
แต่สีหน้าและน้ำเสียงของเขาไม่เปลี่ยนแปลง
“ปฏิเสธพวกเขาซะ การไปที่คฤหาสน์ของตระกูลเบลคนั้นอันตรายมากในตอนนี้ นายคงเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับพ่อของเราจากออเนอเชพเพิร์ดแล้วใช่มั้ย?”
" นายกำลังทำอะไรอยู่นะ?"
ไฮนซ์ไม่แปลกใจกับคำถามที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน อันที่จริงดูเหมือนว่าเขาคาดหวังไว้แล้ว
ดวงตาของพวกเขาสบกันอีกครั้ง
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆนายถึงทำตัวเป็นพี่ชายแสนดีซะงั้น พยายามชดใช้สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตหรือ?”
เฟรย์ไม่คิดว่าเขาสมควรได้รับการให้อภัย
ลูกชายคนที่สามของตระกูลเบลคตายไปแล้วและชายที่อยู่ตรงหน้าเขาก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของการตายนั้น
นั่นคือเหตุผลที่เขาสามารถกลายมาเป็นเฟรย์ได้
ในสายตาของเขาพฤติกรรมในปัจจุบันของไฮนซ์คือการเสแสร้ง ในความเป็นจริงมันทำให้เฟรย์รู้สึกคลื่นไส้ที่ดูเขาจู่ๆแสร้งทำเป็นคนดี
ไม่ว่าสาเหตุของการกระทำของไฮนซ์จะเป็นอย่างไรความจริงที่ว่าเขาเป็นหนึ่งในบุคคลที่ขับไล่ให้ ‘เฟรย์’ ฆ่าตัวตายยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“การไถ่โทษนะหรือ? ฉันไม่ต้องการอะไรอย่างนั้น ฉันยังไม่เคยไตร่ตรองถึงสิ่งที่ฉันทำกับนายเลย มันก็แค่นั้นเอง”
แววตาของไฮนซ์เปลี่ยนไปเป็นครั้งแรก
“จริงๆแล้วฉันไม่เคยอยากให้นายได้เรียนเวทมนตร์เลยด้วยซ้ำ”
“…”
“นอกจากนี้นายไม่ควรเชื่อใจคนที่อยู่ในเซอร์เคิลมากจนเกินไป”
"ทำไมละ?"
“นายจะเจอคำตอบนั้นเองในไม่ช้า”
ด้วยคำพูดเหล่านั้นไฮนซ์ก็เดินออกจากห้องไป
เฟรย์ไม่ได้พยายามหยุดเขา
‘สายเลือดของตระกูลเบลค’
ดวงตาของเฟรย์เย็นชา ในขณะนั้นเขาเริ่มแน่ใจแล้วว่า
ไม่ช้าก็เร็ว จะมีวันที่เขาจะต้องกลับไปที่ตระกูลเบลค