ตอนที่ 4 วิญญาณเอกนิยม!
ตอนที่ 4 วิญญาณเอกนิยม!
ฟางเทียนจี้ปลดปล่อยพลังวิญญาณต้นกำเนิดของตน ทันใดนั้นมันเข้าปกคลุมร่างของเซียวอี้ในทันที กรงเล็บของแมวเงาวิหคได้ดึงเซียวอี้เข้าสู่ห้วงมิติ
ขณะเดียวกัน เซียวอี้รู้สึกว่ามีบางอย่างถูกดึงออกจากร่างกาย
ฟู่ม!
ทันใดนั้นได้มีแสงสีดำปรากฏออกมาจากร่างเซียวอี้ มันพุ่งไปรวมตัวกันเหนือศรีษะของเขา
ผนึกสีดำนั้นมีขนาดเท่าไข่นกพิราบ และไม่อาจจำแนกได้ว่าเป็นอะไร
ฟางเทียนจี้ตกตะลึงเมื่อเห็นดวงวิญญาณของเซียวอี้
"วิญญาณต้นกำเนิดชนิดใดกัน? แต่เมื่อเป็นถึงตระกูลเซียว ถึงจะไม่ใช่รูปร่างของพยัคฆ์ มันก็ไม่น่าจะเป็นวิญญาณชั้นต่ำ!" ฟางเทียนจี้ขมวดคิ้ว
ในความคิดของเขา ร่างเงาสีดำนี้ดูไม่ต่างจากดวงวิญญาณขยะ...
ยิ่งมันต่ำต้อยมากเพียงใด การบ่มเพาะพลังยิ่งช้าเท่านั้น
โดยปกติแล้ว ความแข็งแกร่งของวิญญาณต้นกำเนิดจะสามารถวัดได้จากรูปร่างขั้นต้น ถึงแม้จะยังไม่ชัดเจนก็ตาม
แต่อันที่จริงวิญญาณต้นกำเนิดสภาพเล็กก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะอ่อนแอ
เซียวอี้เองก็มึนงงเล็กน้อย
เขาไม่คาดคิดว่า วิญญาณต้นกำเนิดชนิดนี้จะถูกปลุกขึ้น!
แม้ฟางเทียนจี้จะไม่รู้จัก แต่เซียวอี้รู้จักว่าก้อนผนึกสีดำนี้คืออะไร!
ท้องนภาและปฐพีในยุคกำเนิดแรกของโลกนั้นมีเพียงความมืดดำ ในรูปแบบของความวุ่นวายนี้ มันมีนามว่าวิญญาณเอกนิยม!
ไข่ทมิฬตรงหน้าเป็นวิญญาณต้นกำเนิดแห่งเต๋า วิญญาณต้นกำเนิดแห่งสรรพสิ่ง!
มันนับว่าเป็นวิญญาณธาตุต้นกำเนิดที่หายากอย่างมาก
หนึ่งในแปดเทพที่ปิดล้อมเซียวอี้คือเทพแห่งสวรรค์!
หากเทพองค์นั้นไม่ใช้ข่ายอาคมสวรรค์ขังเซียวอี้ไว้ เช่นนั้นเขาก็ไม่มีทางพ่ายแพ้เทพเหล่านั้นแน่นอน!
ตอนนี้เขาได้วิญญาณต้นกำเนิดเอกนิยมมา มุมปากของเซียวอี้ถึงกับโค้งขึ้นด้วยความดีใจ
หากเขาบ่มเพาะพลังเอกนิยมจนถึงขั้นสูงสุด เขาจะไม่มีทางพ่ายแพ้ข่ายอาคมเทพเหล่านั้นอีก!
ถึงแม้ในใจจะเอ่อล้นไปด้วยความปีติยินดี แต่ภายนอกใบหน้าเขายังคงแสดงความเฉยชา "ไม่เป็นไร ยังไงข้าก็ต้องการแค่ขั้นปฐมพลัง ข้ารู้ดีว่าตนเองเป็นเพียงหุ่นเชิดให้ตระกูลฟาง หากข้ามีพรสวรรค์มากเกินไป มันจะทำให้ตายเร็วขึ้นนะสิ"
ใบหน้าฟางเทียนจี้เปลี่ยนเป็นดำมืดขณะนึกคิดในใจ เจ้าไม่สนใจแต่ข้าสนใจนี้หว่า! ข้าต้องลงทุนทรัพยากรบ่มเพาะพลังมากเท่าไหร่ขณะเลี้ยงดูจิตวิญญาณต่ำต้อยนั่น! สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันส่งผลต่อความเร็วในการบ่มเพาะพลังของแกด้วย!
"ฮึ่ม! หากเซียวหยุนติงทราบว่าลูกชายตนเองมีวิญญาณต้นกำเนิดขยะเช่นนี้ เขาคงโกรธจนตรอมใจตายเป็นแน่!" ฟางเทียนจี้กัดฟันพร้อมใบหน้าที่ไม่บูดบึ้ง เขาพยายามดึงอารมณ์กลับมาเป็นปกติ จากนั้นได้โยนแหวนต้นกำเนิดไว้บนโต๊ะ "รับมันไว้แล้วรีบไสหัวไป!"
ฟางเทียนจี้รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก
เซียวอี้ยิ้มพร้อมกับหยิบแหวน เขาไม่รอช้าที่จะหันหลังออกไป
ฟางหลิงหยานที่รออยู่ด้านนอกมองเซียวอี้อย่างขมขื่น นางกัดฟันแน่นพร้อมกับก้มหัวลง "ท่านปู่ หลิงหยานมีอะไรจะรายงาน!"
"หากมีธุระอันใด เช่นนั้นก็รอจนเซียวอี้บรรลุขั้นปฐมพลังก่อน! หลิงหยาน เจ้าต้องกระตุ้นให้เขาบ่มเพาะพลังและอย่าทำให้เสียเวลา!" น้ำเสียงอันเย็นเยือกของฟางเทียนจี้ดังขึ้น เขาไม่แม้แต่ต้องการจะพบหน้าฟางหลิงหยาน
ใบหน้าของฟางหลิงหยานซีดเผือด หัวใจของนางรู้สึกอึดอัดอย่างมากขณะกัดริมฝีปากจนเลือดไหลซึม
เซียวอี้ยิ้มพร้อมกล่าว "แม่นาง เจ้าไม่ได้ยินที่เขาพูดงั้นหรือ?"
ฟางหลิงหยานมองเซียวอี้อย่างแค้นเคืองก่อนจะกล่าว "เซียวอี้ อย่าเพิ่งได้ใจให้มากนัก!"
"ฮ่าฮ่าฮ่า! เมื่อยังหาความสำราญในชีวิตได้อยู่ เช่นนั้นก็จงตักตวงให้หมดอย่าให้เหลือ! คนสวย กลับห้องพวกเรากันเถอะ!" เซียวอี้ยิ้มขณะดึงฟางหลิงหยานกลับห้อง
ถึงแม้จะไม่เต็มใจนางก็ปฏิเสธไม่ได้
ก่อนที่ทั้งสองจะเข้าไปถึงสวนฟางหลิงหยาน พวกเขาได้พบใครบางคนระหว่างทาง
เมื่อเห็นคนผู้นั้น เซียวอี้อดไม่ได้ที่จะหยุดเดิน
ชายหนุ่มผู้นี้สวมชุดหรูหรา อายุราวยี่สิบปี ฟางเฉินลั่ว คุณชายเจ็ดของตระกูลฟาง
ฟางเฉินลั่วดูเหมือนจะตั้งใจรอทั้งสองอยู่ รอยยิ้มชั่วร้ายของเขาหันมาพบหน้ากับเซียวอี้และฟางหลิงหยาน
"ฮึ ฮึ พี่เซียว พวกเราพบกันอีกแล้ว" ฟางเฉินลั่วกล่าวหยอกล้อ
เซียวอี้หรี่ตาลงพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม "เจ้าเองก็เป็นคนตระกูลฟางสินะ"
ในตอนแรก ฟางเฉินลี่วนำคนไปยังภูเขาเพื่อล่าสัตว์อสูรต้นกำเนิด แต่โชคร้ายที่ได้พบกับสัตว์อสูรทรงพลังเข้า คนในกลุ่มของเขาตายหมด มีเพียงฟางเฉินลั่วที่อยู่ในอาการสาหัสเพราะพลัดตกจากเขาและถูกเซียวอี้ช่วยไว้
แต่เซียวอี้ไม่คาดว่าฟางเฉินลั่วจะสืบจนพบว่าเขาเป็นคนตระกูลเซียว และไปรายงานฟางเทียนจี้หลังจากกลับไป สิ่งนี้ทำให้เกิดแผนการล่อลวงจากตระกูลฟางขึ้น
ฟางเฉินลั่วแสยะยิ้ม "ถูกต้อง เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ในตอนแรก ตอนนี้ข้าทำให้เจ้าเป็นลุงเล็กของตระกูลฟางแล้ว ถือว่าข้าตอบแทนเจ้าหมดสิ้น"
มุมปากของเซียวอี้โค้งขึ้นเล็กน้อย "ชีวิตเจ้าช่างราคาถูกนัก มันมีค่าแค่เป็นลุงเล็กของตระกูลฟางงั้นหรือ?"
รอยยิ้มของฟางเฉินลั่วแข็งทื่อก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง "เซียวอี้ อย่าคิดว่าเจ้าได้เป็นลูกเขยของตระกูลแล้วจะหยามข้าได้! หากเจ้ากล้ากล่าวเช่นนั้นอีก อย่าโทษข้าหากจะไร้มารยาทบ้าง!"
เซียวอี้เผยรอยยิ้มเย้ยหยัน "โว้ว! เจ้ากล้างั้นหรือ?"
ฟางเฉินลั่วขมวดคิ้วสงสัยเล็กน้อย เหตุใดเซียวอี้ถึงกล้าบ้าบิ่นต่อหน้าเราเช่นนี้?
ทันใดนั้นฟางหลิงหยานได้กล่าวขึ้นเย็นเยือก "ฟางเฉินลั่ว หากเจ้ามีความสามารถพอก็เอาไปตบปากของเจ้าเสีย !"
ฟางเฉินลั่วยิ้มเยาะ "น้องสิบสาม ข้าทราบว่าเจ้าโกรธ แต่การที่เจ้าได้แต่งงานกับเขานั้นเป็นการตัดสินใจของท่านปู่ และไม่มีอะไรเกี่ยวกับข้า"
"งั้นหรือ?" ฟางหลิงหยานกัดฟันแน่น "แล้วข้าไปได้ยินมาว่าเจ้าบอกท่านปู่ให้เสนอข้าแต่งกับเซียวอี้มาจากไหน?"
เมื่อเห็นฟางหลิงหยานทราบเรื่อง ฟางเฉินลั่วไม่คิดจะปิดอีกพร้อมกล่าวตามตรง "นี่นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเจ้า! เพราะเจ้าเป็นคนของตระกูลฟาง การเสียสละเพื่อตระกูลนั้นไม่นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีงั้นหรือ?"
ฟางหลิงหยานกำหมัดแน่นพร้อมกล่าว "มันเป็นเจ้าจริง ๆ ! เจ้าเป็นคนเสนอตัวข้าให้ท่านปู่เพื่อให้แต่งงานกับเขา และจะได้แยกข้ากับฉินเหิง อีกทั้งผลประโยชน์พี่สาวเจ้าก็ได้รับทั้งหมด!"
ฟางเฉินลั่วเป็นลูกพี่ลูกน้องกับฟางหลิงหยาน ฟางเทียนจี้นั้นมีลูกชายอยู่ห้าคน ฟางเฉินลั่วคือลูกของคุณชายใหญ่อีกที และเป็นนายน้อยคนที่เจ็ดของตระกูล
ฟางหลิงหยานนั้นเป็นลูกสาวคนที่สองจากลูกชายคนที่ห้าของฟางเทียนจี้ และอยู่ลำดับที่สิบสามในหมู่ลูกสาวของตระกูล
อย่างไรก็ตาม พ่อของฟางหลิงหยานได้เสียชีวิตลงอย่างลึกลับเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้ครอบครัวเหลือแค่นาง มารดา และพี่ชายเพียงคนเดียว สำหรับพี่หญิงคนโตได้แต่งงานออกเรือนเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเห็นใบหน้าอันโกรธเกรี้ยวฟางหลิงหยาน ฟางเฉินลั่วได้เผยรอยยิ้มเย้ยหยัน "กี่ครั้งแล้วที่หลิงเยว่เอาชนะเจ้าได้ในเรื่องเล่ห์เหลี่ยม หลิงหยาน เจ้าคิดว่าตนเองงดงามเกินไป อันที่จริฉินเหิงแทบจะไม่มองเจ้าด้วยซ้ำ!"
"พูดจาไร้สาระ!" ฟางหลิงหยานอุทานด้วยไปหน้าที่อับอาย
"ฮึ ไร้สาระ? เจ้ารู้จักความหมายของด้วยงั้นหรือ?" ฟางเฉินลั่วกล่าวอย่างเย้ยหยัน
เซียวอี้กลอกตามองและไม่อาจทนได้อีก
พวกเขาเห็นเราเป็นอากาศธาตุไปแล้วหรือ? ต่อหน้าลุงเขยคนนี้ มันยังกล้าทำตัวกวนประสาทอีก? โอ้ย! พวกสุนัขตระกูลฟานี้งมันเห็นเราเป็นแค่ตัวเบี้ยจริง ๆ ใช่หรือไม่!
เช่นนั้นก็อย่าหาว่าเราไม่เห็นแก่หน้าพวกเขาละกัน มิเช่นนั้นตระกูลฟางคงจะมีเด็กอีกมาก ที่ทำตัวน่ารำคานเช่นนี้ในอนาคต
เมื่อนึกได้เช่นนั้น รอยยิ้มชั่วร้ายได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเซียวอี้ ตอนนี้เขาเป็นคนสำคัญที่สุดของตระกูลฟาง มันราวกับถือเหรียญทองที่ใช้หลบหนีความตายได้ ดังนั้นเขาจึงสามารถทำอะไรได้ดั่งใจ!