WS บทที่ 38 กองโจร PART 2
เมื่อเวลาได้ผ่านพ้นไปหมอกหนาที่ปกคลุมได้ค่อย ๆ จางลง ตอนนี้พวกเขาสามารถกลุ่มคนจำนวนมากที่อยู่เบื้องหน้าได้อย่างชัดเจน
จากการกะด้วยสายตา ดูเหมือนพวกเขาจะมีอยู่ราว ๆ สองถึงสามพันคนได้
เลห์แมนกับอัศวินที่อยู่ในดินแดนต่างตื่นตัวและพร้อมที่จะสู้รบ หากเลห์แมนสั่งออกมาแค่คำเดียวพวกเขาก็พร้อมที่จะออกไปฟาดฟันศัตรูทันที
แต่อย่างไรก็ตามเลห์แมนกลับนิ่งเงียบและไม่พูดอะไร เวลาได้ผ่านไปก็ยิ่งทำให้พวกอัศวินรู้สึกกังวลมากขึ้น
“ดูจากจำนวนแล้ว น่าจะมีพวกโจร ราวสามพันคนได้” เลห์แมนพึมพำอย่างแผ่วเบา
จากนั้นเขาหันไปสั่งการแพรตต์ด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “แพรตต์ปกป้องเมอร์ลินให้ถึงที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามให้เมอร์ลินตายเด็ดขาด”
แพรตต์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็รับคำสั่งและไปหาเมอร์ลินทันที นับตั้งแต่ที่เขาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ด้วยกันมาตลอด เขาไม่เคยเห็นเลห์แมนรู้สึกกังวลมากขนาดนี้มาก่อน
“อัศวินเกราะเหล็กทุกนายเตรียมขบวนโจมตี” เลห์แมนตะโกนสั่งการ
สิ้นเสียงคำสั่งอัศวินชุดเกราะสีดำได้ยกหอกยาวในมือขึ้นชี้ไปที่ท้องฟ้า พวกเขาเคลื่อนขบวนไปที่ด้านหลังเพื่อเตรียมที่จะต่อสู้
จากนั้นกลุ่มโจรจำนวนมากก็มารวมตัวอยู่ที่หน้าปราสามห่างไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตร แล้วก็มีชายสามคนในชุดคลุมสีขาวสวมหน้ากากสีทองแหวกฝูงชนออกมาด้านหน้า
เลห์แมนหรี่ตามองทั้งสาม เขารู้สึกว่าชายทั้งสามคนนี้น่าจะเป็นหัวหน้าของกองโจรพวกนี้
เขาได้ทำการประเมินคราว ๆ ด้วยจำนวนของกองโจรในตอนนี้พวกเขาสามารถล้อมรอบปราสาทไว้ได้
ส่วนกำลังทหารของเขาที่เขาได้รวบรวม เขามีราว ๆ หนึ่งพันกว่าคนเท่านั้น เมื่อเทียบกับกองโจร สามพันคนที่ถือว่าน้อยเกินไป
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสังเกตเห็นความเป็นระเบียบของพวกโจรนี้ แสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้รับการฝึกฝนมากอย่างดี
‘นี่ไม่ใช่กลุ่มโจรแล้วแต่เป็นกองทัพชั้นยอดที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี’
“พวกโจรได้รับการฝึกอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
ดวงตาของเลห์แมนได้ตวัดไปมองผู้นำของกองโจร
‘เพียงแค่จัดการพวกเขา เท่านี้ก็สามารถปกป้องดินแดนของฉันได้’
ด้วยความคิดนี้ เลห์แมนจึงยกดาบใหญ๋ขึ้นมาด้วยมือข้างเดียวและตะโกนออกมาว่า “ด้วยเกรียรติของอัศวิน จงทำการโจมตีซะ!!”
“ด้วยเกรียติของอัศวิน!!”
อัศวินชุดเกราะเหล็กกว่าสองร้อยคนพร้อมใจกันตะโกนออกมา แรงกดดันมหาศาลที่พวกเขาแพร่ออกมานั้นรุนแรงมาก ราวกับว่าพวกโจรสามพันคนที่อยู่ตรงนั้นไม่คนามือพวกเขา
นี่คือกองอัศวินที่เลห์แมนได้เพียรพยายามสร้างขึ้นมากว่าสิบปี เขาได้ลงแรงและทรัพยากรไปเป็นจำนวนมากและในวันนี้จะเป็นการต่อสู้แรกของอัศวินเกราะเหล็กเหล่านี้
“ตึง! ตึง! ตึง!”
อัศวินเกราะหนักเคลื่อนที่ไปอย่างหน้าพร้อมกัเสียงที่ดังสนั่น
เลห์แมนได้เข้าสู้ในแนวหน้านำอัศวินเกราะเหล็ก เขาวิ่งออกไปข้างเพื่อเปิดเส้นทาง
พวกโจรไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งของอัศวินเกราะเหล็กได้ ด้วยชุดเกราะของพวกเขานั้นแข็งแกร่งมากดาบและหอกธรรมดาไม่สามารถทำอะไรได้
เลห์แมนได้นำทัพเข้าไปในสนามรบและสังหารโจรไปมากกว่า 300คน พวกโจรไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งของเขาได้เลย
ตัดภาพมาที่ชายสามคนที่สวมหน้ากากสีทอง พวกเขามองการต่อสู้จากระยะไกล พวกเขาเห็นเลห์แมนกับกองทหารอัศวินชุดเกราะเหล็กเข้าโจมตีอย่างไม่หยุดหย่อนและยากที่จะพวกโจรจะโค่นลงได้
“กองทหารอัศวินชุดเกราะเหล็กนั้นช่างทรงพลังยิ่งนัก เลห์แมน วิลสันนั้นช่างเก่งจริง ๆ อย่างน่าเสียดายหากเราสามารถนำเขาเข้าสู่อ้อมกอดของพระเจ้าได้อะไร ๆ ก็จะดีกว่านี้...” หนึ่งในชายที่สวมหน้ากากกล่าวอย่างผิดหวัง
“แองกัส เราจะปล่อยให้เขารอดออกไปไม่ได้ เราควรจัดการเขาซะเพื่อจะให้ยุติการมีอยู่ของกองทหารอัศวินชุดเกราะเหล็กของเขา”
ทั้งสามคนมีความเห็นตรงกันว่าเลห์แมนมีศูนย์ของกองอัศวินชุดเกราะเหล็กเฉกเช่นเดยวจ่าฝูงของหมาป่า เมื่อเลห์แมนพุ่งเข้ามาด้านหน้า กองอัศวินชุดเกราะหนักก็จะบุกตามเข้าไปอย่างไม่กลัวเกรง
ดังนั้นเขาพวกเขาต้องการจะเอาชนะกองอัศวินชุดเกราะเหล็ก พวกเขาจำเป็นต้องจัดการโลอด์ซะก่อน
“เควีโร่ ลีโล พวกนายไปด้วยกัน พวกนายต้องกำจัดวิลสันอย่าให้เขามีชีวิตรอดไปได้” แองกัสกล่าวอย่างเย็นชา
“เขาก็เป็นแค่นักดาบเพลิงเท่านั้น จะต้องไปกลัวอะไรนักหนา”
จากนั้นชายสองคนที่สวมหน้ากากก็มุ่งตรงไปยังเลห์แมนที่อยู่บนหลังม้า
แม้กองอัศวินชุดเกราะหนักจะแข็งแกร่งเพีนยงใดแต่ด้วยจำนวนที่มากของพวกโจรก็ทำให้ยากที่จะจัดการอยู่ที่ แม้ว่าพวกเขาจะพยายามบุกไปด้านหนึ่งก็แทบจะไม่สามารถฝ่าวงล้อมที่หนาแน่นได้
เควีโร่กับลีโลได้มาถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว พวกเขาเร็วให้พวกโจรแยกเลห์แมนกับกองอัศวินชุดเกราะเหล็กออกจากกัน
เควีโร่ที่มีผลสั้นสีแดง ได้ทุ่งตรงไปหาเลห์แมนและชักดาบออกมาแล้วจ้องมองเลห์แมนอย่างดุร้าย
“อย่าลืมซะล่ะ ว่าแกตายด้วยน้ำมือของฉัน เควีโร่” เควีโร่ตะโกนออกมาพร้อมง้างดาบขึ้น ตัวดายได้ส่องแสงออกมา แม้จะอยู่ไกล ๆ ก็สามารถเห็นแสงนี้ในสนามรบได้
หลังจากที่เลห์แมนได้เห็นพลังงานธาตุแสง นั่นทำให้เขามองเบื้องหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“ธาตุแสง...เขาเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์จากโบสถ์เทพแห่งแสงงั้นเหรอ?”
เลห์แมนกล่าวออกมาอย่างตกใจ ในตอนนี้แรกเขาคิดว่าตัวเองกำลังสู้กับกองโจรแต่ทว่าความจริงนั้นเขากำลังสู้คนของศาสนจักร เนื่องจากเหล่านักดาบแสงแทบทุกคนนั้นจะต้องอยู่ภายใต้สังกัดของโบสถ์
เลห์แมนมองอย่างไม่เข้าใจ
‘นี่มันเรื่องบ้าอะไร ทำไมฉันถึงถูกพวกศาสนจักรบุกโจมตี’