บทที่ 46 อัครสาวก (1)
พ่อมดระดับ 7 ดาว
ความหมายของคำๆนั้นมันไม่ง่ายอย่างที่คิด
ในความเป็นจริงมันคือก้าวแรกในอาณาจักรของการเป็นอาร์ชเมจและพวกเขาจะได้รับการรับรองอย่างน้อยในตำแหน่งเอิร์ลในประเทศใดๆก็ตามในทวีป
จักรวรรดิคัสต์เคาซึ่งเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าจักรวรรดิเวทมนตร์ได้แสดงรายชื่อของพ่อมดระดับ 7 ดาวทุกคนบนแผ่นหินในพระราชวัง การกระทำดั่งกล่าวถือเกียรติยศสูงสุดของเหล่าพ่อมด
เฟรย์เดินเข้าไปในห้องของเขา
จากนั้นเขาก็กระจัดกระจายผลึกเยือกแข็งที่เขาสร้างขึ้นในเวลาว่างรอบๆห้อง
สิ่งเหล่านี้สร้างขึ้นโดยคำแนะนำของอเดเลียและความสามารถของมันก็ยอดเยี่ยม
อากาศเย็นกระจายไปทั่วห้องทันทีราวกับว่าเป็นฤดูหนาว
เฟรย์รอสักพักแล้วก็นั่งลงจนเย็นพอที่จะมองเห็นลมหายใจของตัวเองได้
จากนั้นเขาก็หยิบยาอายุวัฒนะที่ทำจากหัวใจของทอร์กุนทาและดื่มมันในอึกเดียว
ใบหน้าของเฟรย์เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที
“…”
เขารู้สึกราวกับว่าเขากลืนลูกบอลเพลิงเข้าไป
ความรู้สึกของมันที่ลงไปในลำคอของเขานั้นราวกับว่าเขาถือมันไว้ในมือ
สิ่งแรกที่มีปฏิกิริยาคือโฟรเซินริฟเวอะที่ถูกเก็บไว้ในห้องมานาของเขา
ซ่า...อาห์
ไฟและน้ำแข็ง
เช่นเดียวกับตอนที่เขาอยู่บนภูเขาเดรก พลังทั้งสองเริ่มปะทะกันครั้งแล้วครั้งเล่า
อย่างไรก็ตามครั้งนี้โฟรเซินริฟเวอะได้โอบล้อมพลังของทอร์กุนทาไว้อย่างอ่อนโยน
“…”
เฟรย์อดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กๆ มันแตกต่างจากครั้งที่แล้ว
ในเวลานั้นเขาไม่สามารถควบคุมพลังของโฟรเซินริฟเวอะได้และเขาต้องใช้พลังโดยตรงจากหัวใจของทอร์กุนทาเท่านั้น
อย่างไรก็ตามตอนนี้พลังงานเย็นคงที่และหัวใจของทอร์กุนทาก็ได้รับการปรับเปลียนเพื่อให้ย่อยง่ายขึ้น
ดังที่อเดเลียเคยเตือนเขาการปรับแต่งนี้จะช่วยกระตุ้นและเพิ่มพลังงานมานาอย่างมาก แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหามากนัก
เขาค่อนข้างพอใจ
ครู่...
เฟรย์จมลงในสมาธิและเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
และเมื่อถึงเวลาที่มิเคลมาเยี่ยมเขา เขาก็ได้ทำให้พลังงานของหัวใจของทอร์กุนทามาเป็นของเขาแล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่งตอนนี้เฟรย์เป็นพ่อมดระดับ 7 ดาวอย่างสมบูรณ์แบบ
* * *
โฮลบริดจ์
นี่คือชื่อของหมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากอูเทียโน่
มิเคลดูเหมือนจะคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่อัครสาวกจะอยู่ที่นั่น และในขณะที่เฟรย์เข้ามาในหมู่บ้านเขาก็มั่นใจว่าข้อสันนิษฐานของมิเคลนั้นถูกต้อง
‘พลังศักดิ์สิทธิ์ แค่รู้สึกถึงมันก็ทำให้ฉันคลื่นไส้ '
เขารู้สึกสะอิดสะเอียนจนขนลุก
ที่สำคัญหมู่บ้านเงียบเกินไป แม้ว่าจะยังเป็นเวลากลางวันแต่หมู่บ้านก็ให้ความรู้สึกที่มืดมน
“มันเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่นี่มีผู้อยู่อาศัยน้อยกว่า 500 คนและเนื่องจากโดยพื้นฐานแล้วพวกเขาอยู่แบบพอเพียงจึงไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับหมู่บ้านอื่นๆ”
“เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบมากที่มีไว้สำหรับอัครสาวกให้ใช้งาน”
“ถูกต้อง”
ตามคำพูดของเลียมสันมิเคลพยักหน้า
จากนั้นหูของคามิลล์ก็เสียดกัน
ชายหนุ่มและวัยกลางคนหลายคนกำลังเดินเข้ามาหาพวกเขา
ชายวัยกลางคนที่ด้านหน้ามองไปที่เสื้อคลุมของมิเคลก่อนจะก้มหน้า
“พวกคุณเป็นพ่อมดจากหอคอยเวทมนตร์หรือเปล่า?”
"ถูกตัอง แล้วคุณล่ะ?”
“ผมเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองโฮลบริดจ์ อัลลาร์ด”
อัลลาร์ดตอบเขาด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“…ผมขอถามได้ไหมว่าทำไมท่านพ่อมดถึงมาที่หมู่บ้านของเรา?”
“เมื่อเร็วๆ นี้มีคนแปลกหน้ามาที่หมู่บ้านนี้หรือเปล่า?”
“คนแปลกหน้าที่คุณพูด…อืม...?”
อัลลาร์ดเอียงศีรษะไปข้างหนึ่งและดูเหมือนว่าเขากำลังพยายามระลึกถึงอย่างสุดความสามารถ
ไม่นานเขาก็ส่ายหัว
“อย่างน้อยเท่าที่รู้ก็ไม่มี”
“…”
“มีอาชญากรหรือคนที่ดูอันตรายซ่อนตัวอยู่ที่นี่มั้ย?”
"อืม...มันก็มีความเป็นไปได้”
อัลลาร์ดดูเหมือนว่าเขาต้องการทำให้ดูมั่นใจ แต่มันก็ยังไม่ปลอดภัยที่จะสรุปว่ามันจะไม่เกิดขึ้น
อัลลาร์ดเริ่มดูหวาดกลัวมากขึ้น
จากนั้นเฟรย์ก็ก้าวไปข้างหน้า
“ฉันอยากจะถามคุณแค่เรื่องเดียว”
“ดะ..ได้โปรดถาม”
“ชาวบ้านทั้งหมดอยู่ที่ไหน?”
"อะไรนะ?"
อัลลาร์ดมีสีหน้างงงวย
เฟรย์เพียงแค่หันไปมองหมู่บ้านอย่างไม่แยแส
“ฉันไม่รู้สึกว่าจะมีชาวบ้านอยู่เลยราวกับว่ามันเป็นหมู่บ้านร้างที่ไม่มีคนอยู่และดูเหมือนว่าจะไม่มีคนอื่นๆนอกจากพวกคุณห้าคน”
“อา…วันนี้…พวกเขามีงานต้องทำ อยู่ในป่าใกล้ๆ …”
“ชาวบ้านทุกคนเลยเหรอ?”
อัลลาร์ดเหงื่อแตก
"ไม่ใช่ทั้งหมด บางคน…"
“เลียมสันช่วยตรวจลองดูหน่อย”
“เข้าใจแล้ว”
ร่างของเลียมสันหายไป
มิเคลดูฉากนี้ด้วยความประหลาดใจ
นี่เป็นเพราะดาร์กเอลฟ์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่ชอบทำสงครามและมีความภาคภูมิใจแต่เขากลับรีบปฏิบัติตามคำสั่งของเฟรย์ราวกับว่าเขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์
หลังจากนั้นไม่นานเลียมสันก็กลับมา
“ในหมู่บ้านไม่มีใคร แล้วก็…”
เขามองไปที่อัลลาร์ดโดยไม่มีการแสดงออกใดๆบนใบหน้าของเขา
“มีแอ่งเลือดขนาดใหญ่”
“… อ๊าก!”
การแสดงออกของอัลลาร์ดเปลี่ยนไปทันที
จากนั้นการเค้าเริ่มแปลงร่าง
หลังของเขาเริ่มค่อม เล็บบนนิ้วที่โค้งงอของเขาเริ่มยาวและปากของเขาก็ฉีกไปจนถึงหูของเขา
เขากลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ดูเหมือนหมาป่า
ไม่ใช่แค่อัลลาร์ดแต่ยังรวมถึงผู้ชายที่อยู่ข้างๆเขาด้วยที่เริ่มแปลงร่าง
“สัตว์ประหลาดของเดมิก็อด!”
มิเคลตะโกนและใช้คาถา
“กำแพงเปลวไฟ!”
กำแพงไฟลุกขึ้นต่อหน้าเขา
“ฟู่ๆ!”
แต่มอนสเตอร์ก็ทะลุกำแพงออกไปอย่างง่ายดายและพุ่งเข้าใส่มิเคล
"โอ้พระเจ้า!"
เขาไม่ได้คาดคิดว่าพวกมันจะผ่านทะลวงคาถาระดับ 4 ดาวได้อย่างง่ายดาย
ร่างกายของมิเคลแข็งทื่อ
เฟรย์ดูออกว่าเขาเป็นพ่อมดที่ไม่มีประสบการณ์ในสถานการณ์จริงมากนัก
แต่เฟรย์ได้ร่ายเวทเสร็จแล้ว
“วินคัดเตอร์”
ควิ้ง
ใบมีดที่ทำจากลมที่มองไม่เห็นได้ฉีกร่างของสัตว์ประหลาดออกเป็นชิ้นๆในพริบตา
กำแพงเปลวไฟที่ทะลวงได้อย่างง่ายดายดูเป็นเวทย์ที่ด่อยกว่าไปทันที
เลือดและส่วนต่างๆของร่างกายของสัตว์ประหลาดส่วนใหญ่กลายเป็นแอ่งทันที เหลือเพียงแต่อัลลาร์ด
เขาจ้องมองเฟรย์ด้วยสีหน้าไม่เชื่อ
“ฉัน - เป็นไปไม่ได้ สิ่งมีชีวิตที่ได้รับพลังของนายท่านโดยตรง… ตะ- ตายจากวินคัดเตอร์ธรรมดา ๆ …”
แบม
ตุบ!
"อ๊าก…"
เลียมสันกดตัวอัลลาร์ดและเฟรย์เดินมาหาเขาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“บอกทุกอย่างที่แกรู้”
“ฉันฉันไม่รู้อะไรเลย”
“…”
แน่นอนว่าเฟรย์ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะเปิดปากได้ง่ายขนาดนี้เพราะเขาเป็นพวกคลั่งเดมิก็อด
ดังนั้นเฟรย์จึงตัดสินใจใช้วิธีทรมานแทนเพราะมันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
ไฟ
“เอ่อเอ่อ…นายกำลังทำอะไร?”
เสียงแตก
เมื่อเปลวไฟขนาดเล็กปรากฏขึ้นในมือของเฟรย์อัลลาร์ดก็เริ่มส่ายหัวพร้อมกับการแสดงออกว่ากำลังกลัวบนใบหน้าของเขา
“หยุด - หยุดนะ!”
“เลียมสันเปิดตาข้างซ้ายของเขาเอาไว้”
เลียมสันทำตามที่เฟรย์พูดและบังคับให้ตาซ้ายของอัลลาร์ดเปิดขึ้นและในขณะที่เขาทำเช่นนั้นเปลวไฟของเฟรย์ก็เริ่มหดตัวลงจนมีขนาดที่สามารถเข้าไปในตาได้
ใบหน้าซีดเซียวของอัลลาร์ดซีดยิ่งขึ้นไปอีก
“พ่อมดจากจักรวรรดิทำอะไรแบบนี้ได้หรือ?!”
“ไม่มีกฎหมายใดที่บอกว่าฉันทำไม่ได้ ในสายตาของฉัแกกลายเป็นปศุสัตว์ไปแล้ว อย่าคาดหวังว่าจะได้รับการปฏิบัติเหมือนมนุษย์”
เช่นเดียวกับที่เปลวไฟของเฟรย์กำลังโดนตาของอัลลาร์ด
"หยุดก่อน!"
นั้นคือเสียงของคามิลล์
เฟรย์เพียงแค่เหลือบมองเธอ
แต่เลียมสันกลับโกรธ
“อาจารย์คงจะไม่พล่ามถึงคุณธรรมและจริยธรรมตอนนี่ใช่ไหม?”
“ไม่แน่นอน แต่มันมีวิธีที่ง่ายและสะดวกกว่านี้”
หลังจากพูดอย่างนั้นเธอก็เริ่มพึมพำด้วยเสียงต่ำ
เฟรย์จำภาษาได้แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจคำพูดของเธอ
‘มันคือภาษาเอลฟ์โบราณหรือ?’
ชิอิค -
จากนั้นมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดปรากฏขึ้นจากเงาของคามิลล์
มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีลำตัวกลมและมีตาดวงเดียว
หลังจากนั้นเลียมสันก็รู้ว่าเธอกำลังหมายถึงอะไร
"อา…! เข้าใจแล้ว อาจารย์กำลังคิดที่จะขโมยข้อมูลโดยใช้วิญญาณแห่งความมืด”
“นั่นคือวิญญาณแห่งความมืดหรือ?”
"ถูกตัองมันคือดาร์กโกรันวิญญาณชั้นสูง”
ดาร์กโกรันกลอกตาไปรอบ ๆ
จากนั้นคามิลล์ก็พูดด้วยน้ำเสียงสงบ
“ควบคุมจิตใจของผู้ชายคนนั้น”
“…”
ดาร์กโกรันพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆก่อนที่จะกลายร่างเป็นไอน้ำและดูดเข้าไปในหัวของอัลลาร์ด
“ห๊ะ - อ๊าก!”
อัลลาร์ดตัวสั่น ตาของเขาปิดลงและน้ำลายเริ่มไหลออกมาจากปากของเขา
เขาเหมือนคนที่สมองถูกทำลาย
มิเคลอดไม่ได้ที่จะถามอย่างกังวล
“ถ้าเขาตายล่ะ?”
“ฉันควบคุมเขาได้หมดหากทำครบเงือกไข มันอาจดูเหมือนว่าฉันทำพลาดแต่มันจะไม่เป็นไร”
“…”
เมื่อเขาเห็นสิ่งนี้มิเคลก็รู้สึกได้ว่าแม้ว่าเขาจะต้องตายเขาก็ไม่ควรถูกดาร์กเอลฟ์จับตัวไป
หลังจากนั้นไม่นานอัลลาร์ดซึ่งดูยุ่งเหยิงอย่างสมบูรณ์ก็พูดอย่างเงียบๆ
“ถาม…เขาได้.....”
คามิลล์เหลือบมองและเฟรย์บอกใบ้ให้เขาถามคำถาม
“ชาวบ้านทั้งหมดอยู่ที่ไหน?”
“ทั้งหมดตะะ...ตายแล้ว”
มิเคลตัวสั่น
ในทางกลับกันคามิลล์กับเลียมสันไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมา
“ทำไมแกถึงฆ่าพวกเขา?”
“เครืองสังเวย…ที่เราต้องการ”
“สังเวยไปเพื่ออะไร?”
“…สร้างสิ่งมีชีวิต…เพื่อปลดปล่อยพลังของอัครสาวก…”
"ปลดปล่อย? แกกำลังปลดปล่อยอะไร?”
“เอ่อเอ่อ…”
อัลลาร์ดเริ่มสั่นและคามิลล์ร้องอย่างเร่งรีบ
"ถอยออกมา!"
ในขณะนั้นร่างกายของอัลลาร์ดพองตัว
ลูกตาของเขาโผล่ออกมาเหมือนกำลังจะหลุดออกจากหัวและได้ยินเสียงแปลกๆจากข้างในร่างกายของเขา
ตูม!
ร่างกายของอัลลาร์ดระเบิด เนื้อกระดูกและเลือดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง
เฟรย์ไม่ได้รับความเสียหายใดๆนั่นก็เพราะเขาเปิดใช้งานคาถาป้องกันด้วยต่างหูไต้ฝุ่นของเขา
คามิลล์เดินเข้ามาหาด้วยใบหน้านิ่ง
“จิตใจของเขาถูกควบคุมไปแล้ว เขาน่าจะระเบิดก่อนที่จะเปิดเผยข้อมูลสำคัญๆ”
“นั่นมันโหดร้าย เขาปฏิบัติต่อสาวกของตัวเองเป็นผักปลา”
“สถานการณ์ไม่ค่อยจะดีนัก”
มิเคลเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้าแข็งทือ
เขาชี้ไปที่สัตว์ประหลาดบนพื้นและพูดต่อ
“อัครสาวกเองก็มีการแบ่งชั้นระดับของพลัง คนที่อ่อนแอจะไม่สามารถสร้างสิ่งมีชีวิตได้และพวกเขาก็ไม่ยากเกินไปที่จะรับมือ หากเขาสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตในระดับนี้พลังของอัครสาวกคนนี้ก็ไม่น่าจะอยู่ในระดับธรรมดาๆ นี่…ปัญหานี้เกินกำลังของเรา”
"ดังนั้น? คุณตั้งใจที่จะถอนภารกิจหรือ?”
“ในตอนแรกนี่เป็นเพียงการลาดตระเวนเท่านั้น ก่อนอื่นพวกเราต้องกลับไปที่หอคอยและรอให้ออเนอลุคส์กลับมา”
“เราต้องดำเนินต่อไป”
ครู่หนึ่งการจ้องมองของมิเคลและเฟรย์ก็ปะทะกันกลางอากาศ ทั้งคู่ดูเหมือนจะไม่มีใครยอมใคร
ในที่สุดมิเคลก็เปิดปากของเขา
"ทำไม?"
“ตอนนี้อัครสาวกก็คงตระหนักได้ว่าพวกเรามาถึงแล้ว เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ออเนอลุคส์จะกลับมาและไม่มีการรับประกันว่าอัครสาวกจะยังอยู่ที่นี่เมื่อเขากลับมา ซึ่งหมายความว่าคุณอาจไม่มีวันตามตัวอัครสาวกได้อีกแล้ว”
“มีเหตุผลอื่นอีกไหม?”
“เขาคงไม่มีเวลาคิดแผนฉุกเฉินเพื่อจัดการกับเราในตอนนี้ สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอและหมู่บ้านว่างเปล่าเหล่านี้เป็นข้อพิสูจน์ เมื่อเรากลับอีกครั้งก็มั่นใจได้เลยว่าเขาจะเตรียมมาตรการรับมือที่มีประสิทธิภาพต้อนรับพวกเราอย่างแน่นอน”
“…คุณไม่รู้อะไรเลย?”
มิเคลส่ายหัว
“ฉันเข้าใจเหตุผลของนายแล้ว พูดได้ว่านายไม่ได้คิดผิดและมันมีประโยชน์มากที่จะดำเนินการต่อในตอนนี้ แต่อย่างไรก็ตามข้อเสียของการไม่มีออเนอลุคส์ยังคงสำคัญกว่า”
“คุณหมายถึงอะไร?”
“เขาเป็นพ่อมดระดับ 7 ดาว เราต้องมีอย่างน้อยอาร์ชเมจหนึ่งคนเพื่อต่อกรกับอัครสาวก มันไม่ใช่คำแนะนำแต่เป็นข้อกำหนดเช่นเดียวกับที่อัศวินใช้ดาบและพ่อมดใช้ไม้เท้า”
“ผมขอทำหน้าที่นั่นแทนออเนอลุคส์เอง”
“ฮ่า!”
สีหน้าของมิเคลฉายแววเย็นชา
“ฉันยอมรับว่านายมีพรสวรรค์ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ความหยิ่งยโสจะนำพานายไปสู่หลุมฝังศพให้เร็วขึ้นเท่านั้น”
“ผมไม่ได้หยิ่ง”
“นายอยากจะทำให้ฉันโกรธจริงๆเหรอ?”
“…”
เฟรย์เพียงจ้องไปที่มิเคลและในขณะนั้นมิเคลก็รู้สึกตัวสั่นด้วยเหตุผลบางอย่าง
‘อะไร - นั่นคืออะไร?’
เขามีความรู้สึกที่ไม่อาจพรรณนาได้
จากนั้นเฟรย์ก็ยื่นฝ่ามือหนึ่งออก
ขณะที่มิเคลมองดูด้วยความสับสนเปลวไฟก็ปรากฏขึ้นที่มือของเขา
เสียงแตก
"นายกำลังทำอะไร?"
เฟรย์ไม่ตอบ
แต่เขากลับยื่นฝ่ามืออีกข้างออกและอากาศเย็นๆเริ่มก่อตัวขึ้น
แตก
เมื่อการสีหน้าของมิเคลเริ่มสับสน เฟรย์ก็ค่อยๆรวมเปลวไฟและอากาศเย็นเข้าด้วยกัน
"อะไร!?"
มิเคลสะดุ้ง
การหลอมรวมของสององค์ประกอบที่เป็นปฏิปักษ์กัน!
นั่นมันบ้ามาก
มันเป็นการฆ่าตัวตายและคงไม่แปลกหากจะทำให้เกิดการระเบิด
ตอนนั้นมิเคลพยายามหยุดเขา
“นายกำลังทำอะไรอยู่!? …หือ?”
ทั้งสององค์ประกอบผสานเข้าด้วยกันอย่างราบรื่น
พายุเพลิงและน้ำแข็งขนาดเล็กได้ถูกสร้างขึ้นเหนือฝ่ามือของเฟรย์
มิเคลตัวแข็งกระด้างเหมือนหิน
“การผสมผสานองค์ประกอบของฝ่ายตรงข้ามที่สมบูรณ์แบบ…ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้ต่อเมือพ่อมดคนนั่นอยู่ในระดับ 7 ดาว…”
จุ๊ก
"…ผม"
พายุหายไปจากมือของเฟรย์และเขาพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมยตามปกติ
“ผมจะขอทำหน้าที่แทนออเนอลุคส์เอง”