ตอนที่ 379 ดูเหมือนว่านายจะหาเรื่องอีกแล้วนะ
ในตอนนั้นเขารู้สึกว่าร่างที่เข้าใกล้เขาต้องเป็นนางฟ้าแน่ ๆ
หลังจากนั้นไม่นาน เขาได้รับการช่วยเหลือ
เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง มีกลุ่มคนรอบข้างร้องไห้และตะโกนเรียกชื่อเขา
นอกจากนี้ เขายังเห็นเซินโย่วเปียกโชกในชุดสีขาว ยังเห็นเซินโย่วที่ตัวเปียกยืนร้องไห้อยู่ท่ามกลางคนรอบข้าง
เธอยืนอยู่ใกล้ ๆ เขา
ในขณะนั้นเองที่เขาตกหลุมรักเธอ
เซินโย่วได้ช่วยชีวิตเขาไว้
เธอเคยปรากฏตัวเมื่อเขากลัวและสิ้นหวังที่สุด
เธอเป็นเหมือนนางฟ้าที่เข้ามาใกล้เขาทีละนิด และช่วยชีวิตเขาก่อนที่ประตูนรกจะเปิดรับเขา
เมื่อถึงจุดนั้น ถ้าเซินโย่วไม่ปรากฏตัว...
เขาอาจจะ...
อย่างที่พวกเขากล่าวไว้ว่า การตกหลุมรักคนที่ช่วยตัวเองนั้นง่ายที่สุด
นั่นเป็นเรื่องของเขาและเซินโย่ว
ก่อนหน้านั้นเขามักจะเห็นเซินโย่วเป็นเพียงน้องสาวคนหนึ่ง
เขาเป็นลูกชายคนเดียว และไม่มีพี่น้อง ดังนั้นเขาจึงปฏิบัติต่อเธอเหมือนน้องสาวของเขาเอง
ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเซินโย่วเปลี่ยนไปเพียงเพราะเหตุการณ์นั้น
นับจากนั้นไม่ว่าเซินโย่วจะทำให้เขาเสียใจกี่ครั้ง หรือเธอจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ตั้งแต่เธอยังเด็ก เขาก็จะอดทนและชอบเธอในทุกสิ่งที่เธอเป็น
เพียงเพราะเซินโย่วเคยช่วยชีวิตเขามาก่อน
นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องขอบคุณไปตลอดชีวิต
เมื่อเขาจมอยู่ในน้ำ สติของเขาถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอก
ในความพร่ามัว เขาจำได้ว่าเห็นดวงตาคู่สวย และรอยยิ้มหวาน เมื่อร่างนั้นเข้ามาใกล้มากขึ้น
เมื่อเฉียวเมียนเมียนเข้ามาใกล้ ในตอนนี้ เขาได้กลิ่นหอมของเธอ และรู้สึกว่าคุ้นเคย
เฉียวเมียนเมียนพูดไม่ออกจริง ๆ เมื่อเธอได้ยินคำตอบจากเขา
เธอเพียงแค่รู้สึกว่าเขาเป็นคนบ้า
และตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าเธอพยายามหาเหตุผลกับคนบ้า
เธอก็เสียสติไม่ต่างไปกับเขาหรือเปล่า?
เพราะเขามีความคิดเช่นนี้ เฉียวเมียนเมียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น ก็แล้วแต่คุณเถอะ มีหลายคนที่ไม่ชอบฉันเหมือนกัน คุณก็เป็นเพียงหนึ่งในนั้น ทำอย่างที่คุณพอใจเถอะค่ะ.”
กงเซลีขมวดคิ้วมองเธอ แต่ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านี้
“คุณ-คุณชายกงค่ะ...”
พนักงานคนหนึ่งรวบรวมความกล้าถามเขาว่า
“คุณยังอยากได้กระเป๋าอยู่หรือเปล่าคะ?”
กงเซลีหันกลับมาและมองไปที่พนักงาน เขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย
เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าเฉียวเมียนเมียนพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า “ฉันต้องการกระเป๋าสีไวน์แดงนั่น กงเซลี ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าคุณจะเกลียดฉันหรือไม่ แต่ฉันต้องได้กระเป๋าใบนั้น”
กงเซลีไม่สนใจกระเป๋าแต่อย่างใด
เขาจะพูดในทางตรงข้ามเพียงเพราะอยากเอาชนะเฉียวเมียนเมียนเท่านั้นเอง
พนักงานดูเหมือนจะลำบากใจ “คุณชายกงค่ะ..เอ่อ... คุณผู้หญิงท่านนี้เขาตัดสินใจรับกระเป๋าใบนี้ก่อนนะคะ”
กงเซลีมองไปที่เฉียวเมียนเมียนที่ยืนกรานอยากจะได้ เขาหรี่ตาลง และยิ้ม
“โอ้? จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่คิดอย่างนั้น”
“ดูเหมือนว่านาย อยากจะหาเรื่องอีกแล้วนะ”
ได้ยินเสียงต่ำและเยือกเย็นมาจากด้านหลังของพวกเขา
กงเซลีแข็งทื่อขึ้น ท่าทีของเขาเปลี่ยนไป
เฉียวเมียนเมียนหันไปรอบ ๆ และเห็นชายคนนั้นเดินเข้ามาหาเธออย่างเย็นชา
เธอผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปหาเขาด้วยรอยยิ้ม
“โทรศัพท์เสร็จแล้วเหรอคะ?” เธอริเริ่มจับมือเขา
เธอไม่ค่อยอยากจะจับมือเขาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่สาธารณะเช่นนี้
ทำให้เหมาเยซื่อตกตะลึงไปชั่วขณะลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย