บทที่ 44 อเดเลีย (2)
ต่างหูไต้ฝุ่นเป็นของวิเศษที่เฟรย์สร้างขึ้นเอง
แต่ดูเหมือนพวกมันจะเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากกว่าที่เฟรย์คาดไว้
แต่แปลกที่ไม่มีใครจำกำไลข้อมือของชไวเซอร์ได้
ทั้งเชพเพิร์ดและมิเคลที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ก็ไม่ได้สังเกตุเห็นสิ่งนี้
บางทีอาจจะไม่มีใครรู้ว่าโดยปกติแล้วไม้เท้าจะถูกเก็บไว้ในรูปแบบสร้อยข้อมือ
ความจริงแล้วต่างหูไต้ฝุ่นไม่สามารถถือว่าเป็นของวิเศษคุณภาพสูงได้ อย่างไรก็ตามไม้เท้าแห่งมหานักปราชญ์นั้นแตกต่างออกไป
นี่คือสัญลักษณ์ของชไวเซอร์ ความสามารถและพลังของมันอยู่ในระดับที่สิ่งประดิษฐ์อื่นๆไม่สามารถเทียบเท่าได้
หากมีการเปิดเผยการปรากฏตัวของไม้เท้า มันจะทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างมากในโลกโดยเฉพาะในหมู่เซอร์เคิล
ปฏิกิริยาของสโตรว์เน็คลิซที่ประกาศตัวเองว่าเป็นผู้สืบทอดของชไวเซอร์จะทำอะไรเพื่อให้ได้มานั้นสามารถจินตนาการได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“เดิมทีฉันจะไม่ขอร้องคุณ แต่การเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับสถานการณ์ในครั้งนี้ควรมีพ่อมดอย่างน้อยสองคน”
อัครสาวก
เกิดคำถามเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของพวกเขา
มนุษย์ที่ได้รับการคัดเลือกโดยเดมิก็อดและได้รับความสามารถในการใช้พลังศักดิ์สิทธิ์
เราเปรียบเหมือนตัวแทนได้ไหม?
เฟรย์ค่อยๆอ้าปาก
“ผมช่วยคุณได้ แต่…คุณตั้งใจจะออกเดินทางเมื่อไหร่?”
"ฉันไม่แน่ใจ แต่ฉันเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ ฉันคิดว่าฉันยังต้องรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมอีกสักนิด”
“…”
หนึ่งอาทิตย์
แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
แต่แน่นอนว่ามันต้องมีเงื่อนไข
“ผมอยากจะเริ่มอ่านกริมโมสนับตั้งแต่วันนี้”
“มันเป็นเรื่องเร่งด่วนหรือเปล่า?”
"ใช่"
“หืม…คุณกำลังมองหาหนังสืออะไรอยู่?”
ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปิดบังเขาจึงตอบอย่างตรงไปตรงมา
“หนังสือเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุ”
“เล่นแร่แปรธาตุ?”
“มียาอายุวัฒนะที่ผมต้องการปรุง”
“อืม…ถ้างั้นการขอความช่วยเหลือจากเธอโดยตรงในการปรุงอาจจะดีกว่าหนังสืออีกนะ ฉันคิดว่าเธออาจจะอยู่ที่หอคอยอีกสักพัก”
"เธอ?"
มิเคลพยักหน้า
“อเดเลียเธอเป็นผู้มีเชี่ยวชาญในการเล่นแร่แปรธาตุและคงยากที่จะหาใครสักคนในระดับใกล้เคียงกับเธอ ฉันไม่เคยพบใครเก่งไปกว่าเธอโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงการปรุงอายุวัฒนะ”
“…”
…อเดเลีย?
ดวงตาของเฟรย์หรี่ลง
มันไม่คุ้นเคยแต่เขาก็เคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหนมาก่อน
และหลังจากได้ยินคำพูดถัดไปของมิเคลเขาก็รู้เลยว่าเขาเคยได้ยินชื่อที่ไหนแน่ๆ
“เธออยู่ที่หอคอยมาสักพักหนึ่งแล้ว เธอยังเป็นศาสตราจารย์อยู่ที่สถาบันเวสต์โร้ดอีกด้วย ดังนั้นฉันจึงไม่รู้ว่าเธอจะไปเมือไหร่ ดังนั้นถ้าคุณอยากจะถามคุณควรรีบหน่อยก็ดี”
อเดเลีย
เป็นชื่อที่เขาได้ยินหลายครั้งในสถาบันเวสต์โร้ด
เธอเป็นหนึงในหัวกะทิที่สามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับศาสตราจารย์ดิโอเพอร์แมนได้ ชายซึ่งได้รับการยกย่องว่าเก่งที่สุดในหมู่ศาสตราจารย์
แต่เฟรย์ไม่เคยพบเธอด้วยตัวเอง
เนื่องจากวิชาของอเดเลียไม่ตรงกับชั้นเรียนใดๆ ที่เขาเรียนอยู่ในเวลานั้น
เขารู้เรื่องของเธอน้อยมากเนื่องจากเขาไม่ค่อยให้ความสนใจเกี่ยวกับข่าวลือ
ในบรรดาอาจารย์เธออายุน้อยที่สุดและเธอก็เป็นผู้หญิง
นั่นคือทั้งหมดที่เขารู้
“ระดับพลังของอเดเลียนั้นไม่ได้สูงมากนัก แต่หัวหน้าชั้นในหอคอยก็มักจะร้องขอความช่วยเหลือจากเธอเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุ ฉันไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไร แต่น่าจะประหยัดเวลาได้มากแทนที่จะต้องไปค้นหาจากในหนังสือ”
“อืม…”
จากการที่มิเคลหนึ่งในหัวหน้าชั้นในหอคอยได้โอ้อวดเกี่ยวกับเธอ เฟรย์อดไม่ได้ที่จะอยากรู้เกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ที่มีชื่อว่าอเดเลีย
เฟรย์มองมิเคลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถาม
"แล้วเธออยู่ที่ไหน?"
* * *
เฟรย์ยืนอยู่หน้าห้องของศาสตราจารย์อเดเลีย
เป็นห้องที่ 20 บนชั้น 6
เขาไม่คาดคิดว่าจะอยู่ชั้นเดียวกับเธอ แต่เขาเคยเห็นผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่คามิลล์ที่ชั้น 6 ด้วยหรือ?
เฟรย์พยายามเขย่าความทรงจำของเขา แต่พบว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
เขาตัดสินใจเคาะประตู
ปังๆ...
…
…
ไม่มีเสียงตอบรับเขาจึงตัดสินใจเคาะอีกครั้ง
ปังๆๆ....
…
…
ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ
เฟรย์เคาะประตูแรงขึ้นเล็กน้อย
เสียงเคาะกระหน่ำ...
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างจากภายใน
มีเสียงดังก้องตามมาที่ดูเหมือนจะเป็นคำสาปแช่งในเสียงของผู้หญิงและเสียงของบางสิ่งที่แตกหัก
เฟรย์ถอยหลังและรอ
คลิก
ประตูเปิดออกและจากตรงนั้นผู้หญิงคนหนึ่งมองออกมา
ผู้หญิงคนนั้นมีผมยุ่งและตาบวม
และดวงตาคู่นั้นจ้องมองไปที่เฟรย์ที่เต็มไปด้วยความระคายเคือง
"นายต้องการอะไร?"
“คุณคือศาสตราจารย์อเดเลียใช่ไหม?”
"ใช่"
“หัวหน้าชั้นมิเคลแนะนำผม ผมได้ยินมาว่าคุณเป็นคนที่เก่งที่สุดในการเล่นแร่แปรธาตุและผมก็อยากจะถาม…”
“ฉันไม่รู้เรื่องนั้น ฉันไม่ว่างออกไปให้พ้น”
หลังจากที่เฟรย์บอกเธอก๋พยายามที่จะปิดประตูแต่เฟรย์ก็เอาเท้าห้ามเอาไว้
เขาเกลียดตัวเองที่ทำตัวน่ารำคาญเช่นนี้ แต่เขาก็อยู่ในสถานะที่ถูกบังคับให้ต้องทำ
“…”
“…”
ครู่หนึ่งทั้งสองสบตากัน
อเดเลียดึงประตูสองสามครั้งก่อนจะถอนหายใจหลังจากตระหนักว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะไล่ชายคนนี่ไป
"นายคือใคร?"
“เฟรย์เบลค”
“เบลค…ตระกูลเบลค?”
"ใช่"
“หืม…ฉันไม่คิดว่านายจะพี่ชายคนโตหรอกนะ อา...ลองคิดดูไฮนซ์เคยบอกฉันว่าเขามีน้องชายอยู่อีกคน”
ฟังดูเหมือนว่าเธอจะรู้จักกับไฮนซ์เบลค
เธอหรี่ตาลงครู่หนึ่ง แต่ไม่นานหลังจากนั้นเธอถอนหายใจและเกาหัวที่ยุ่งเหยิงของเธอ
“มีแต่เรืองแย่ๆตั้งแต่เมือวานแล้ว ช่วยบอกได้ไหมว่านายต้องการอะไรแล้วก็ไปๆซะ ฉันยุ่งมาก”
เฟรย์เดินตามเธอเข้าไปในห้อง
ห้องของอเดเลียมีขนาดใหญ่มาก ดูเหมือนว่าจะใหญ่กว่าห้องที่เฟรย์พักอยู่ประมาณสิบเท่าได้
พอดูดีๆมันไม่ใช่ห้องแต่เป็นห้องทดลองอะไรบางอย่าง
อย่างไรก็ตามมีภูเขาหนังสือวัสดุวิเศษที่ให้กลิ่นแปลกๆ และขวดแก้วเก็บพวกของเหลวที่มีสีน่าสงสัยกระจายอยู่ทั่วซึ่งทำให้รู้สึกว่าพื้นที่มีขนาดเล็กกว่าที่เป็นจริงมาก
เหนือสิ่งอื่นใดมันมืดและมีกลิ่นฝุ่นราวกับว่าห้องระบายอากาศได้ไม่ดีนัก
เฟรย์เดินตามอเดเลียที่ปัดฝุ่นด้วยมือของเธอ
“นั่งตรงไหนก็ได้ที่นายต้องการ”
“…”
เธออยากให้เขานั่งตรงไหนละ?
เฟรย์ถูกบังคับให้นั่งและแนบตูดของเขาเข้ากับเก้าอี้
จากนั้นอเดเลียก็พูดจาด้วยท่าทีที่ค่อนข้างเปิดกว้าง
“แม้ว่าฉันอยากรู้ว่านายต้องการอะไร แต่ฉันยุ่งเหนื่อยและหงุดหงิดมาก ดังนั้นตัดเรื่องที่ไม่จำเป็นออกไปซะแล้วเข้าประเด็นเลย”
“ฉันได้ยินมาว่าคุณเป็นผู้ที่ชำนาญในการเล่นแร่แปรธาตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องของการสร้างยาอายุวัฒนะ”
"ฮะ! เมื่อพูดถึงยาอายุวัฒนะแม้แต่มาสเตอร์ของหอคอยเวทมนตร์ที่ 3 อย่างจูเลียนก็เทียบกับฉันไม่ได้”
เธอพูดแบบนี้โดยไม่แสดงความภาคภูมิใจใดๆ เหมือนเธอแค่พูดความจริงแทนที่จะแสดงออกก็เท่านั้น
มันเป็นนิสัยเฉพาะคนที่ความมั่นใจในตัวเองสูง คนที่มีความเชื่อมั่นสูงเท่านั้นที่สามารถแสดงทัศนคติแบบนี้ได้
เฟรย์ครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะถามคำถามกับเธอ
“ผมอยากปรุงให้มันกลายเป็นน้ำยามานา คุณทำได้มั้ย?”
"แน่นอน-"
“ไม่ใช่แค่ว่าคุณสามารถปรุงมันขึ้นมาได้ แต่ถ้าคุณสามารถสกัดพลังที่แท้จริงออกมาได้”
“…”
สายตาของอดีเลียเปลี่ยนไปและสายตาที่เธอมองเฟรย์ตอนนี้เธอดูสนใจ
“อืม ดูเหมือนว่านายจะมีความรู้อยู่บ้างเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุ”
กระบวนการกลั่นของเหลวที่เฟรย์เพิ่งพูดถึงนั้นเป็นงานที่ซับซ้อนซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับนักเล่นแร่แปรธาตุระดับแนวหน้ามามากมาย
นอกจากนี้หากเขาไม่มีความรู้เรื่องการเล่นแร่แปรธาตุเลยเขาก็จะไม่สามารถยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดได้
อเดเลียยักไหล่
"มันเป็นไปได้ ฉันเคยสกัดของเหลวบริสุทธิ์ได้มากถึง 100 มล. ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้ผู้ช่วย ครั้งที่แล้วก็ใช้เวลาประมาณครึ่งวันเลยละ”
“100 มล. …”
ผู้หญิงคนนี้เก่งอะไรขนาดนี่
เฟรย์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชม
สำหรับพ่อมดปกติอาจเป็นไปได้ที่พวกเขาจะแยกได้ประมาณ 10ml ในครึ่งวันแม้จะใช้ผู้ช่วยสองคนก็ตาม
ดูเหมือนว่าคำพูดของเธอที่บอกว่าเธอเก่งกว่ามาสเตอร์ของหอคอยในเรืองการเล่นแร่แปรธาตุจะไม่ใช่เรื่องโอ้อวด
ในขณะเดียวกันมันก็ง่ายที่จะเห็นว่าอเดเลียเป็นคนแบบไหน
เธอเป็นคนที่มีอยากรู้อยากเห็นและมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะได้รับความรู้ใหม่ๆ
คนทั่วไปอาจจะปฏิบัติกับเธอเหมือนยั่ยแว่นบ้าเรียน แต่เฟรย์ชินกับคนแบบนี้มากที่สุด
เฟรย์มั่นใจ
ตาก
เขาหยิบขวดที่มีหัวใจของทอร์กุนทาออกมาและวางไว้บนโต๊ะที่สกปรก
อเดเลียมองไปที่ขวดด้วยสีหน้าไม่สนใจ
"นั่นอะไร?"
“ทำไมคุณไม่ลองตรวจสอบเองดูละ”
“…”
อเดเลียหรี่ตาเล็กน้อยแล้วตรวจดูขวดอย่างช้าๆ
จากนั้นดวงตาของเธอก็เริ่มเบิกกว้างอย่างช้าๆ
“อืม…หือ? มะ..ไม่...จริง…น่า ระ...รอสักครู่! จริงๆหรือนี่?”
บางทีเธออาจจะไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งที่เธอพูด
อเดเลียมองไปที่ขวดเล็กๆด้วยการแสดงออกที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“ฉะ- ฉันขอสัมผัสมันได้ไหม?”
ทันทีที่เฟรย์พยักหน้าเธอก็ค่อยๆยกขวดขึ้นราวกับว่าเธอกำลังถือสมบัติล้ำค่าก่อนจะค่อยๆเปิดมันออก
“ฮิฮิฮิ สีมันสวยจริงๆ ... มานาที่หนาแน่นเช่นนี้ แต่กลับสามารถถือได้ด้วยมือเปล่า ... ความร้อนอันอบอุ่นที่หลั่งออกมาจากมัน นี่มันอะไรกันเนี่ย?”
“นั่นคือหัวใจของเดรกที่มีอายุ 1,000 ปี มันมีพลังมานาโดยประมาณอยู่ที่ประมาณ 100,000 ME”
“100,000 - !!!!”
หัวใจของอเดเลียดูเหมือนจะเต้นรัวในอก
ถ้าเป็น 100,000 นั่นหมายความว่ามันมีพลังงานมากกว่า 100 เท่าของพ่อมดทั่วไป
มานามากขนาดนี้ถูกบรรจุลงในขวดเล็กๆนี้ได้อย่างไร?
‘ขวดแก้วเป็นเครื่องมือวิเศษที่น่าทึ่งเช่นกัน แต่ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งไปกว่านั้นคือการที่เขาสามารถถ่ายเทพลังงานที่บริสุทธิ์และอ่อนไหวเช่นนี้ลงไปในขวดแก้วได้ '
แม้ว่ามันจะดูเรียบง่าย แต่ก็เหมือนกับการเคลื่อนย้ายโถแก้วที่แตกในขณะที่ยังคงรูปทรงเดิมไว้
อเดเลียมองไปที่เฟรย์ด้วยความสงสัยเล็กน้อย แต่เธอไม่สามารถบอกอะไรได้จากการแสดงออกของเขา
เธอวางขวดลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง ท่าทางเซื่องซึมก่อนหน้านี้ของเธอดูเหมือนจะมีพลังมากมายมาแทนที่
เธอจ้องไปที่เฟรย์ด้วยสีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อยและกล่าวว่า
“แล้วนายต้องการอะไร?”
“เพื่อให้มันกลายเป็นยาอายุวัฒนะที่ผมจะสามารถนำไปใช้ได้”
“นี้มันบ้ามาก!”
เฟรย์หัวเราะออกมา
“การแสดงออกของคุณบอกว่ามันเป็นไปได้”
อเดเลียแตะแก้มของเธอและพบว่าเธอยิ้มออกมาอย่างตื่นเต้นโดยไม่รู้ตัว
“นี่มันเป็นแค่นิสัยนะ นักเล่นแร่แปรธาตุทุกคนก็เป็นแบบนี้…และฉันไม่ได้จะพูดแบบนั้น”
“ทำไมมันถึงบ้าละ?”
“ความยากในการปรับแต่งนั้นยากอยู่แล้ว แต่ปัญหาที่แท้จริงคือส่วนผสม อีกอย่าง ... ใช่ฉันมีส่วนประกอบส่วนใหญ่อยู่ที่นี่ในขณะนี้ แม้ว่าจะมีสิ่งที่ฉันไม่มีอยู่บ้างแต่มันก็ไม่ได้ยากเกินไปที่จะหามา”
อเดเลียมองไปรอบๆห้องของเธอขณะที่เธอพูดแบบนั้น
มันกระจัดกระจายและยุ่งเหยิง แต่จริงๆแล้วมันถูกจัดระเบียบไว้ในแบบของเธอเอง
ตั้งแต่ตอนที่เธอได้ยินถึงความตั้งใจของเขาที่จะทำยาอายุวัฒนะเธอก็เริ่มสร้างกระบวนการกลั่นในหัวของเธอขึ้นมาใหม่
“แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราไม่สามารถหาได้แน่ๆ”
“สิ่งที่หาไม่ได้?”
อเดเลียมองมาที่เขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ขนของนกฟีนิกซ์”
“…”
“หลังจากเห็นการแสดงออกบนใบหน้าของนาย นายคงรู้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะหาใช่ไหมละ? มันไม่ใช่สิ่งที่นายจะหาได้เพียงแค่นายพบหรือฆ่านกฟีนิกซ์ นายอาจจะได้มันมาก็ต่อเมื่อพวกมันอารมณ์ดี และพวกมันถูกเรียกว่าสัตว์ในตำนานเพราะไม่มีใครรู้ว่าพวกมันอยู่ที่ไหนบนทวีป…”
เฟรย์ดึงขนนกฟีนิกซ์ที่มีอยู่ในกระเป๋าออกมา
“นะ …นั้น - …”
รูม่านตาของอดีเลียสั่น
เธอพูดติดอ่างและดูเหมือนว่าเธอจะไม่สามารถสร้างประโยคที่สอดคล้องกันได้ราวกับว่าเธอถูกทำให้เป็นใบ้
“คุณต้องการอะไรอีก?”
อเดเลียปิดปากของเธอครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย
“…ผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมพอที่จะช่วยเหลือฉันได้ นอกเหนือจากต้องเป็นพ่อมดที่อยู่ในระดับสูง พวกเขายังต้องมีพรสวรรค์ตามธรรมชาติในการควบคุมมานา อย่างน้อยพวกเขาต้องอยู่ในระดับที่บีบอัดลูกบอลพลังงานให้มีขนาดเท่าเล็บมือได้อย่างง่ายดาย…”
ทันใดนั้นลูกบอลพลังงานก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าอเดเลียและเริ่มบีบอัดจนมันเล็กกว่าเล็บมือ
“…”
อเดเลียอ้าปากค้างครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนวิญญาณของเธอได้ออกจากร่าง
“…นายอยากเริ่มตอนไหนละ!!”