ตอนที่ 2 - เจ้าทารกที่หนักพึลึก (1)
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
--------------------------------------------------------------------------------------------
มันสายไปแล้ว.
หน่วยลาดตระเวนเคลื่อนไหวเร็วมากๆและเสียงกีบเท้าเหล็กกระทบกับพื้นดังเข้ามาเรื่อยๆ. เสียงเหล็กกระทบกัน, เสียงเท้าคนเดินและเสียงม้าร้องนั้นดังเข้ามาพร้อมๆกันจนหูของเอมิเลียแทบจะหนวก. เธอต้องรีบคิดให้ไวเพราะหน่วยลาดตระเวนใกล้จะมาถึงแล้ว.
เอมิเลียรู้ว่าเธอวิ่งหนีพวกเขาไม่พ้นแน่จึงรีบถอดผ้าคลุมออกแล้วยัดใส่รถเข็นแบบมั่วๆไป. เธอเสกรถเข็นให้กลับเป็นหนังสือตามเดิมแล้วจัดระเบียบชุดสีขาวของเธอให้เรียบร้อยพอให้ดูดี.
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วกอดหนังสือไว้อย่างแน่น ตอนนี้เธอกลับมาดูเหมือนเซ้นต์ตามเดิมแล้ว.
แต่ดาร์คเอล์ฟตัวนั้นยังนอนนิ่งอยู่กับพื้นอยู่เลย.
เธอหันข้างมาจ้องเจ้าเด็กที่นอนอยู่นั่นแล้วลังเลอยู่พักนึง จากนั้นก็ดีดนิ้วทำให้เจ้าเอล์ฟหายตัวไปจากสายตา.
คราบเลือดเองก็หายวับไปเช่นกัน.
หลังจากจัดการสถานที่แล้วเธอก็เดินออกจากตรอกราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น. อัศวินคนนึงเกือบจะชนเธอ กลุ่มทหารด้านหลังเขาหยุดนิ่งกับที่ทันที. ชายคนที่นำหน้าอยู่นั้นดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าอัศวินที่เธอเจอตรงทางเข้าโบสถ์นั่นเอง.
“ท่านหญิง” หัวหน้าอัศวินกล่าวพร้อมยกมือทำวันทยาหัตถ์.
เอมิเลียมองไปทางกลุ่มคนด้านหน้าเธอแล้วแกล้งทำเป็นไม่เป็นรู้เรื่อง “พวกคุณมาที่นี่ทำไมหรอคะ? เกิดอะไรขึ้นรึป่าว?”
“มีกลิ่นอายของเวทย์มนต์ดำด้านในบ้านใกล้ๆนี่น่ะครับ แถมยังมีคนตายเพียบเลยด้วย. กระผมเกรงว่าอาจจะมีใครบางคนจากศาสนามืดลักลอบเข้ามาในเมืองจึงให้อัศวินทุกคนออกมาดูลาดเลา. เซ้นต์เอมิเลียสังเกตุเห็นอะไรผิดปกติรึป่าวครับ?.
หัวหน้าอัศวินถาม.
เอมิเลียส่ายหัว “ไม่เห็นอะไรเลยค่ะ”
ขณะที่เธอคุยกับหัวหน้าอัศวินอยู่นั้น ลูกน้องของเขาจำนวนนึงก็เดินตรงไปทางตรอกด้านหลังเธอแล้วเริ่มสำรวจ. ใจของเอมิเลียเต้นแรงมากๆ เธอหวังว่าหัวหน้าอัศวินจะไม่สังเกตุเห็นความเครียดของเธอนะ.
เธอเป็นเซ้นต์ มีตำแหน่งที่สูงส่งทางสังคม เป็นหน้าที่ของเธอที่จะต้องฆ่าสิ่งมีชีวิตแห่งความมืดทันทีที่พบโดยเฉพาะดาร์คเอล์ฟที่เป็นภัยร้ายแรงต่ออาณาจักร.
พวกดาร์คเอล์ฟนั้นมีชื่อเสียงด้านการสร้างปัญหาและเธอควรจะส่งมันให้เบื้องบนหรือไม่ก็ฆ่ามันทิ้งอย่างไม่ลังเลซะ. การซ่อนมันไว้จากทีมลาดตระเวนเป็นสิ่งที่เธอไม่ควรทำมากๆ.
เอมิเลียรู้ว่าเธอจะฆ่ามันทันทีแน่ถ้าเป็นดาร์คเอล์ฟเต็มวัย แต่เจ้าตัวนั้นยังเป็นแค่ทารก แขน ขาเล็กกระจิ๋วหลิว. บางทีเขาอาจจะตัวคนเดียว เอมิเลียคิดว่าเขาอาจจะเพิ่งเสียครอบครัวไปหมดแล้วก็ได้.
เอมิเลียจึงเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเองและเลือกจะปกป้องทารกนั่นโดยไม่สนว่าเขาจะมาจากเผ่าพันธุ์ใด. พวกดาร์คเอล์ฟเองก็มีรูปร่างคล้ายคลึงกับมนุษย์ด้วย. ตอนนี้เขากำลังนอนอยู่บนพื้น หายใจก็แผ่วแถมร่างเล็กๆนั่นก็เต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ที่ลึกมากๆ. เขาอาจจะตายได้ในไม่กี่วินาทีนี้.
หัวใจของเธออ่อนลงทันทีที่เห็นภาพน่าสงสารนั่น.
มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรด้วย เอมิเลียสัญญากับตัวเองว่าเธอจะช่วยเจ้าดาร์คเอล์ฟนี้แค่ครั้งเดียว.
เอมิเลียเพ่งความสนใจไปที่เสียงในตรอกนั่น เธอพยายามฟังเสียงพวกอัศวินคุยกัน.
เธอรู้ว่าตัวเองเก่งถ้าเป็นเรื่องเวทย์มนต์ดังนั้นเธอเลยไม่ประหม่าแม้แต่น้อย. เธอคุยกับหัวหน้าอัศวินได้หน้าตาเฉยด้วยถึงแม้ว่าตอนนี้จะหัวร้อนก็ตาม.
พวกอัศวินที่ค้นตรอกเดินกลับมา. พวกเขาพยักหน้าให้หัวหน้าจากนั้นหัวหน้าอัศวินก็กล่าวลา “ท่านหญิงครับ มีบางอย่างที่กระผมต้องไปจัดการต่อ ขอตัวนะครับ” เขากล่าวพร้อมกับวันทยาหัตถ์แล้วเดินกลับไปทางม้าแล้วขึ้นขี่มันอย่างองอาจ. เขาควบม้าออกไปจากถนนแล้วเหล่าอัศวินก็ตามไปติดๆ.
เอมิเลียยืนนิ่งอยู่พักนึง. ถนนที่เต็มไปด้วยอัศวินตะกี้ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว มีแค่ชาวบ้านไม่กี่คนกับเอมิเลียที่อยู่ตรงนั้น.
ผ่านไปพักนึงเอมิเลียก็หันกลับแล้วเดินไปทางตรอกนั่น.
เหมือนกับตอนที่เธอเข้ามาที่นี่ครั้งแรกไม่มีผิด ตรอกนี้เต็มไปด้วยความหม่นหมอง บรรยากาศสลัวๆราวกับว่าแสงอาทิตย์สาดเข้ามาไม่ถึง. มีมอสชื้นๆเกิดขึ้นตรงกำแพงและทางเดินทั้งสองข้าง มีแอ่งน้ำขุ่นๆขังอยู่ตรงมุม. มีป้ายอยู่บนกำแพงฝั่งขวา เขียนชื่อถนนไว้ว่า ถนนโอย่า.
เจ้าดาร์คเอล์ฟที่ไร้สตินั้นอยู่ด้านใต้ป้ายพอดี เขายังอยู่ที่เดิมตั้งแต่ที่เอมิเลียเห็นครั้งแรก.
เอมิเลียนั่งลงแล้วเอนตัวเข้าไปหาเอล์ฟที่กำลังบาดเจ็บแล้วค่อยๆสำรวจ. เอมิเลียเห็นรอยแผลทั่วตัวเขาไปหมดและแผลนั่นก็เป็นแผลจากมีดอย่างเห็นได้ชัดด้วย. มันลึกมากจนเธอแทบจะเห็นกระดูกได้เลย.
อาการแบบนี้เขายังมีชีวิตรอดอยู่ได้ยังไงนะ?
ถ้าไม่ใช่เพราะลมหายใจน้อยๆของเจ้าเอล์ฟล่ะก็ เอมิเลียคงคิดว่าเขาตายไปแล้ว. ดูจากบาดแผลแล้วใครเห็นก็จะบอกว่าไม่รอดแน่นอน.
รอยฟันนั้นดูเจ็บมากๆ เอมิเลียก็อดสงสารไม่ได้.
เธอควรจะทิ้งเจ้าเอล์ฟไว้ที่นี่ บาดแผลเต็มตัวแบบนี้ดีมั้ย มันคงลุกขึ้นมาไม่ไหวจนกระทั่งหน่วยลาดตระเวนกลับมาสำรวจที่นี่อีกครั้งแน่.
เอมิเลียรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้าดาร์คเอล์ฟถูกหน่วยลาดตระเวนพบเข้า. มันคงจะถูกตัดหัวแล้วโยนลงหลุมไปไม่ก็โดนเสียบประจานแน่.
ไม่ว่ามันจะอยู่ในวัยไหนก็ตาม ศาสนาแห่งแสงก็บอกไว้ชัดเจนแล้วว่าไม่มีสิ่งมีชิวิตแห่งความมืดตัวไหนสมควรได้รับความเมตตาและพวกมันจะต้องถูกฆ่าทันที.
ไม่ว่าศาสนาแห่งแสงจะพูดอะไรก็ตาม. เอมิเลียตัดสินใจแล้วว่าเธอจะช่วยเจ้าเอล์ฟนี่จากความทรมาณ. เธออุ้มเจ้าเอล์ฟขึ้นมาแล้วลุกขึ้น.
เธอเสกหนังสือให้กลายเป็นรถเข็นเล็กๆจากนั้นก็ดึงผ้าห่มสีดำออกมาแล้วเอาไปห่อเจ้าเอล์ฟตั้งแต่หัวจรดเท้าโดยพยายามไม่ให้ผ้าไปโดนบาดแผล.
เธอสงสัยว่าเจ้าเอล์ฟนี่อายุเท่าไหร่กันนะ. แขนกับขาของเขาผอมมากๆ พอเธอห่อเขาเสร็จแล้วเธอก็วางเขาลงไปในรถ เขานอนในรถได้พอดีเป๊ะเลย.
ด้วยหูที่เฉียบแหลมของเธอ เธอจึงสามารถรู้ได้ว่าจะมีคนมาจากทางไหน. เธอรีบเอาผ้าคลุมทับเจ้าเอล์ฟไว้แล้วเสกรถให้กลับเป็นหนังสืออีกครั้ง - หนังสือนั่นหนักขึ้นกว่าเดิม5เท่าเห็นจะได้.
เอมิเลียเปลี่ยนท่าจับหนังสือหลังจากเดินไปได้ซักพัก. แขนเธอเริ่มชาแล้ว หนังสือนั่นทำให้ผิวหนังเธอแดงขึ้นเพราะน้ำหนัก. เธอเดาว่าหนังสือนี่น่าจะหนักประมาณ1ใน3ของน้ำหนักตัวเธอเลยมั้ง.
ทำไมเจ้าทารกนี่ถึงได้หนักจังนะ? กระดูกพวกเขาหนักกว่ามนุษย์ทั่วไปรึไง?