WS บทที่ 34 พบเจอ
ภายในนอกปราสาทนั้นหนาวมาก เมอร์ลินได้กระชับเสื้อคลุมไว้แน่นพลางเดินตามแพรตต์ไป
พวกเขาเดินไปประมาณ 100เมตร พวกเขาก็มาถึงกำแพงตรงหนึ่งที่มีรอยด่าง จากนั้นแพรตต์ก็หยุดเดินและหันไปพูดกับเมอร์ลินว่า
“คุณชายเมอร์ลิน เรามาถึงสถานที่ที่ว่าแล้ว”
เมอร์ลินจ้องมองภาพตรงหน้า เขารู้สึกได้ถึงสายลมแปลกที่พัดเข้ามา แม้แรงลมจะไม่มากนักแต่กระแสก็ได้หมุนวนโดยไม่หยุดนิ่ง เนื่องด้วยเหตุนั้นจึงทำให้เกิดเสียงร้องของทารกดังขึ้นมา
“แปลกจัง ทั้ง ๆ ที่ลมไม่แรงแต่ก็มีเสียงดังออกมา”
เมอร์ลินขมวดคิ้ว นี่เป็นสายลมที่แปลกจริง ๆ เขาได้ก้าวเดินไปสำรวจรอบ ๆ และพบว่าสายลมที่นี่ได้เคลื่อนที่อย่างสม่ำเสมอราวกับมีพลังงานลึกลับบางอย่างคอยควบคุมมันไว้
“คุณชายเมอร์ลิน เนื่องจากสายลมที่แปลกเกินไปจนมีอัศวินไม่กล้าที่จะมาตรวจสอบ มีอยู่ครั้งพวกอัศวินได้ถูกก้อนบินลอยมาชนพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงรอให้สายลมสงบและเข้ามาตรวจสอบ พวกเขากลับไม่สิ่งผิดปกติอะไรเลย นี่มันแปลกมาก” แพรตต์มองตามเมอร์ลินและกล่าวออกมา
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินไม่ได้ทันฟังแพรตต์ เขากำลังใช้พลังจิตของเขาตรวจสอบสายลมประหลาดพวกนี้
เขาสัมผัสได้ถึงพลังธาตุลมจำนวนมากและพวกมันได้ถูกจำกัดไว้ในสถานที่จำกัดราวกับมีบางอย่างสั่งให้พวกมันไปไหนไม่ได้
ตามปกติแล้วพลังงานธาตุเคลื่อนไหวและทำงานตามโครงสร้างเวทมนต์ที่ถูกเขียนขึ้นมาโดยพ่อมด
ยกตัวอย่างเช่น คาถาลูกไฟของเมอร์ลิน ที่เขาสามารถสั่งการพลังงานธาตุไฟให้มารวมตัวกันและให้เกิดพลังทำลายอันรุนแรง
ดูเหมือนว่าสายลมประหลาดพวกนี้จะเป็นคาถาของอะไรสักอย่าง
อย่างไรก็เมอร์ลินคิดว่าพลังงานธาตุลมนี้ไม่น่าจะเป็นฝีมือของพ่อมด มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะควบคุมพลังงานธาตุลมในวงกว้างขนาดนี้ เขาคิดมันน่าจเป็นอุปกรณ์เวทมนต์บางอย่างที่เปิดใช้งานอัตโนมัติโดยไม่มีผู้ใดควบคุม
อุปกรณ์เวทมนจ์นั้นเป็นเครื่องมือที่ถูกสร้างโดยพ่อมด มันมีไว้เพื่อช่วยในการร่ายเวทมนต์ อย่างเช่นพวกไม้เท้าเวทมนต์กับม้วนคัมภีร์
เมอร์ลินเคยอ่ายเจอในตำราเวทมนต์ของชายชราอีธาน มันเขียนไว้ว่าอุปกรณ์เวทมนต์พวกนี้เป็นของมีค่ามาก มีเพียงนักเวทย์ที่มีพลังเหนือว่าระดับหนึ่งที่ทรงพลังเท่านั้นที่จะสามารถสร้างอุปกรณ์เวทมนต์ได้ มันต้องใช้ความพยายามและวัสดุจำนวนมาก
แม้แต่ชายชราอีธานก็ยังไม่มีอุปกรณ์เวทมนต์เลย
เมื่อเมอร์ลินได้รู้เช่นนี้ก็ทำให้เขาตื่นเต้นมาก ไม่ว่ามันจะเป็นอุปกรณ์เวทมนต์แบบใด นั้นก็เป็นที่ใฝ่ฝันของเหล่าพ่อมดที่ต้องการจะครอบครัวพวกมัน
อย่างไรก็ตามเขาก็คงสีหน้านิ่ง ๆ ไว้ไม่ให้แพรตต์รู้ เขาหันไปพูดด้วยเสียงนิ่ง ๆ ว่า
“ลุงแพรตต์รออยู่ที่นี่ก่อนนะครับ ผมขอไปดูรอบ ๆ สักหน่อย”
“คุณชายอย่าออกไปไกลมากนะครับ เดี๋ยวท่านจะได้รับบาดเจ็บ” แพรตต์กล่าวเตือน
เมอร์ลินพยักหน้าพร้อมกับก้าวเดินข้างหน้าและเข้าไปยังจุดที่สายลมแปลก ๆ พัด
พลังของสามลมนั้นค่อนแรงรุนแรง ประจวบความหนาวเย็นที่พัดเข้ามาทำให้ใบหน้าของเจ็บปวดราวกับถูกใบมีดเฉือน ถึงอย่างนั้นเมอร์ลินก็ไม่หยุดเดิน เขาได้ปลดปล่อยพลังใจและค้นหาที่มาของสายลมประหลาดนี้
“ลุงแพรตต์และทหารคนอื่น ๆ ได้เคยออกค้นหาแล้วแต่พวกเขาไม่เจออะไร แสดงว่าอุปกรณ์เวทมนต์นั่นน่าจะถูกฝังอยู่ใต้ดิน”
เมอร์ลินทำการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ เนื่องจากเขาได้รับความช่วยเหลือจากพลังจิต ทำให้เขาพบต้นตอของมันได้อย่างง่ายดาย มันอยู่ตรงใต้มุมกำแพง มันต้องถูกฝังอยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน
แม้ว่าเมอร์ลินจะสามารถระบุตำแหน่งของมันได้แล้วแต่เขาก็ไม่สามารถไปหยิบมันขึ้นมาได้ในตอนนี้ เนื่องจากแพรตต์ใกล้ ๆ เขา ดังนั้นเขาเลยจดจำตำแหน่งของมันไว้และจะมาเก็บมันในภายหลัง
เมื่อตัดสินใจได้ เมอร์ลินถอยกลับไป ในตอนนี้เองแพรตต์ได้เดินมาหาเขาและพูดว่า
“คุณชายเมอร์ลิน ไม่เป็นอะไรนะครับ”
แพรตต์สังเกตเห็นเมอร์ลินยืนอยู่นิ่ง ๆ ไม่เคลื่อนอยู่พักหนึ่ง ทำให้เขาคิดว่าเมอร์ลินได้รับบาดเจ็บจากลมประหลาดรึเปล่า
เมอร์ลินส่ายหัวเบา ๆ “ไม่เป็นไร เรากลับกันเถอะ”
แพรตต์ได้ตรวจดูร่างกายของเมอร์ลินอย่างระมัดระวัง เขาไม่พบบาดแผลใด ๆ มันทำให้เขารู้สึกโล่งใจ จากนั้นก็เดินตามเมอร์ลินกลับไปที่ปราสาท
ในระหว่างทางที่พวกเขากำลังเดินกลับนั้น พวกเขาได้ยินเสียงกีบม้าข้างนอก ดูเหมือนกองอัศวินกำลังกลับมาที่ปราสาท
“ท่านบารอนคงกลับมาแล้ว รีบเร็วเข้าคุณชายเมอร์ลิน ไปรอต้อนรับท่านบารอนกันถอะ” แพรตต์กล่าวอย่างยินดี
“ท่านพ่อกลับมาแล้วสินะ” เมอร์ลินพึมพำเบา ๆ นี่ก็เป็นเวลานานแล้วที่เขามายังโลกนี้ ในที่สุดเขาก็ได้พบกับเลห์แมน ซะที
เลห์แมนนั้นเป็นคนที่ใกล้ชิดกัเมอร์ลินมากที่สุด เขาไม่รู้ว่าเลห์แมนจะจับพิรุจเขาได้มั้ย
“คุณชายเมอร์ลินเร็วเข้า แม้ว่าท่านบารอนจะอยู่ที่นี่แต่ท่านมักจะพูดถึงท่านตลอดเวลา”
เมื่อแพรตต์เห็นว่าเมอร์ลินยืนนิ่ง เขาเลยเร่งเมอร์ลิน
“อืม ไปกันเถอะ ถึงเวลาที่จะได้พบกันแล้ว...”
แพรตต์ไม่ทันสังเกตท่าทีที่เปลี่ยนของเมอร์ลิน เขารีบตรงไปที่ปราสาท
หลังจากนั้นไม่นานก็มาถึง ตอนนี้มีคนรับใช้หลายคนออกมานอกปราสาท พวกเขาได้จุดไฟที่ด้านในของปราสาม ทำให้สถานที่แห่งนี้สว่างไสวเพื่อต้อนรับการกลับมาของเลห์แมน
“ท่านบารอนครับ” แพรตต์ได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและคุกเข้าข้างหนึ่งลงไปพื้นพร้อมกับโค้งคำนับ
เลห์แมนที่กำลังขึ่ม้าอยู่ในขณะนี้ เขาสวมชุดเกราะสีดำ ร่างกายกำยำ คิ้วหนา ดวงตากลมโต บรรยากาศรอบตัวที่เขาได้แพร่ออกมาช่างน่ากลัวราวกับสัตว์ร้ายเลย
ที่มือของเขาถือดาบขนาดใหญ่ไว้ มีร่องรอยของเลือดหลงเหลืออยู่บนตัวดาบ ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะผ่านการต่อสู้อันดุเดือดมา
“หื้ม? นั่นเมอร์ลินนี่”
สายตาของเลห์แมนได้จ้องมาที่เมอร์ลิน นั่นทำให้ออร่าสัตว์ร้ายของเขาได้หายไปและกลายเป็นออร่าอันอบอุ่นมาแทนที่ทันที
“ครับ ท่านพ่อ”
เมอร์ลินสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะก้าวเดินไปข้างหน้า