Ep.808 - แม้รอดจากภัยพิบัติ แต่จะอยู่ต่อไปอย่างไร?
2/5
Ep.808 - แม้รอดจากภัยพิบัติ แต่จะอยู่ต่อไปอย่างไร?
ระหว่างฉินเฟิงไล่สังหาร ในโลกภายนอก สถานการณ์ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เนื่องจากอุปกรณ์สื่อสารจำเป็นต้องใช้พลังงาน แต่ภายในมิติทับซ้อนถูกยับยั้งเอาไว้ ดังนั้นมันเลยกลายเป็นสิ่งไร้ค่า แต่หลังจากสามารถออกมาได้ ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ!
ผู้ใช้พลังสามารถเรียกคืนความแข็งแกร่งของพวกเขา คนธรรมดาเริ่มติดต่อกับคนอื่นๆ เริ่มบอกเล่าถึงหายนะที่เกิดขึ้น และประสบการณ์ที่รอดชีวิตมาได้
ทั้งหมดต่างรู้สึกว่าได้กลับมายังโลกของตนอีกครั้ง อุ่นใจขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม ในความอุ่นใจยังแฝงไว้ซึ่งความกังวลเล็กน้อย
“อุปกรณ์สื่อสารของลูกสาวฉันไม่ทำงาน แล้วแบบนี้จะทำอย่างไรดี? นี่ลูกสาวฉันไม่ได้ออกมาด้วยกันหรอกเหรอ?”
“วันที่เกิดเรื่อง ฉันไม่น่าแยกกับเขาเลย ถ้าตอนนั้นฉันไม่ปล่อยมือ บางทีตอนนี้พวกเราอาจได้ออกมาพร้อมกัน!”
“ท่านผู้ใหญ่ แผนช่วยเหลือจะเริ่มอีกครั้งเมื่อไหร่กัน?”
“แง .. แม่จ๋า แม่อยู่ไหน!”
เสียงระงมวุ่นวายกลืนกันเป็นเสียงเดียว
แม้รอดจากหายนะ แต่ชีวิตของพวกเขาก็ถูกทำลายลงไปแล้วเช่นกัน
เมืองที่พวกเขาอาศัย … เมืองฉงโหลวน่ะเคยเป็นเมืองที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงมาโดยตลอด ชนิดที่ว่าอยู่ยงคงกระพันมานานกว่า 50 ปีเต็ม
อาจกล่าวได้ว่า ชาวเมืองส่วนใหญ่อยู่ข้างในนั้นทั้งชีวิต ไม่ทราบถึงอันตรายภายนอก ตั้งแต่เกิดมาก็ดำเนินชีวิตไปอย่างราบรื่น
แต่ตอนนี้ เมืองที่ว่าล่มสลายลงไปแล้ว พวกเขาไม่มีที่อยู่อีกต่อไป ไร้บ้าน ไร้ที่ดินเป็นของตัวเอง
แม้พอมีเงินฝากในบัญชีอุปกรณ์สื่อสาร แต่คนส่วนใหญ่ไม่เคยออกจากเมือง ดังนั้นไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน แล้วจะทำอย่างไรต่อไป
แต่ในตอนนั้นเอง บนอุปกรณ์สื่อสารของทุกคน ฟังก์ชันแจ้งเตือนอัตโนมัติเด้งขึ้นกลางจอภาพ หญิงสาวคนหนึ่งที่งดงามจนยามมองชวนให้รู้สึกหายใจติดขัดปรากฏตัวขึ้น
“เรียนชาวเมืองฉงโหลวทุกท่าน ฉันคือรองผู้การรัฐทะเลเหนือแห่งพันธมิตรมนุษย์ เป็นผู้รับผิดชอบในภารกิจช่วยเหลือครั้งนี้ และขอเป็นตัวแทนเสนอความคิดเห็นส่วนตัวแก่พวกคุณ”
“ขอบอกว่าฉันรู้สึกเห็นใจอย่างสุดซึ้ง พวกเราจะติดต่อรถไฟล่องเวหาของกลุ่มซ่งเฉิง ให้มารับพวกคุณเดินทางไปยังอีกสามเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองฉงโหลว พวกคุณสามารถเลือกลงในเมืองไหนก็ได้ตามต้องการ”
“และยังมีทางเลือกอื่นอีกเช่นกัน นั่นคือติดตามกลุ่มเฟิงหลี เดินทางสู่รัฐทะเลเหนือ เรือเหาะของกลุ่มเฟิงหลี จะนำคุณสู่เมืองเฟิงหลีโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และเพื่อแทนคำปลอบโยนจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้น พวกคุณจะได้รับยกเว้นภาษีเป็นเวลาสิบปี ได้สิทธิ์เข้าพักอาศัยฟรี เดี๋ยวจากนี้ จะมีข้อความแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาให้พวกคุณเลือก”
สิ้นเสียงไป๋หลี บนอุปกรณ์สื่อสารของทุกคน จอภาพถูกสับเปลี่ยนไป ปรากฏตัวเลือกเป็นเมืองต่างๆรอบฉงโหลว นอกจากนี้ยังมีเมืองเฟิงหลีให้เลือกด้วยเช่นกัน
แต่ประเด็นก็คือ หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าเมืองเฟิงหลีอยู่ที่ไหน!
กระนั้น พวกเขาก็ยังจดจำได้ ว่าบันไดเหล็กก่อนหน้านี้ มีอักษรสลักไว้บนผืนผ้าที่ปลิวไสวตามแรงลม ‘เฟิงหลี!’
ไม่หมดแค่นั้น ช่วงเวลานี้ เพียงพวกเขาเงยหน้าขึ้น ก็จะพบกับเรือเหาะสี่ลำลอยอยู่บนท้องฟ้า ขนาดแต่ละลำล้วนใหญ่โต แต่ที่เหมือนกันคือทุกลำสลักอักษรหงส์ร่อนมังกรรำว่าเฟิงหลี!
นั่นทำให้ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ พวกเขาต่างจดจำชื่อเฟิงหลีไว้ในหัวใจ หากต้องให้เลือกเดินทาง เว้นแต่ว่าในเมืองอื่นๆจะมีญาติหรือคนสนิทที่พึ่งพาได้ เกือบทั้งหมดตัดสินใจเลือกเมืองเฟิงหลี
ขณะเดียวกัน มีคนอีกกลุ่มหนึ่งได้มารวมตัว ไม่กระจัดกระจายเหมือนพวกชาวเมือง
บริเวณรอบๆรถบัญชาการหลัก กลุ่มคนที่มารวมตัวกันทั้งหมดล้วนเป็นผู้ใช้พลัง คนพวกนี้มีไม่เยอะหากเทียบกับชาวเมือง แต่จำนวนมากถึง 1,000 คน
แน่นอน ว่ายังจัดระเบียบตามความแข็งแกร่งและอ่อนแอ เลเวล E ที่อ่อนแอสุดให้อยู่รอบนอก ส่วนคนแข็งแกร่งเท่านั้นจึงมีคุณสมบัติเข้าใกล้ที่นี่
มีเลเวล D C มากมายกำลังรออยู่แถวรอบใน เฝ้ารอคำสั่งจากในรถบัญชาการ
โดยข้างในรถ มีเลเวล B ทั้งสิ้น 6 คนกำลังหารือกันอยู่
เจียงเฮ่าหลินเป็นคนแรกที่ออกมา ตามด้วยหลงเถากับโจวเจ๋อซึ่งเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ เลยมีสิทธิ์เป็นคนกลุ่มแรกที่ให้หลบหนีขึ้นมาทางบันได ส่วนหลี่หยวนซาน , กวนฉาน , หนิงซิน เป็นกลุ่มสุดท้ายที่ออกมา
ทั้งหมดได้มารวมตัวกันที่นี่
แต่บรรยากาศกลับตึงเครียดเล็กน้อย
“เจียงเฮ่าหลิน นายคิดทรยศท่านผู้ใหญ่รุ่ยงั้นหรือ! ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วรึไง?” หลี่หยวนซานกล่าวเสียงหม่น
“นี่ไม่ได้เรียกว่าการทรยศ ฉันแค่จะลาออก แค่นี้มันผิดหรือ?” เจียงเฮ่าหลินกล่าวอย่างไม่แยแส
จากบรรดาทั้งหมด เขาเป็นคนแรกที่ออกมา และเห็นเรื่องราวได้ชัดเจนที่สุด
รุ่ยฉงน่ะละทิ้งเมืองฉงโหลวแล้ว กระทั่งจ้าวพรมแดนยังเห็นดีเห็นงามไปด้วย มีเฉพาะฉินเฟิงที่ยังไม่ยอมแพ้
ดังนั้นเขาเลยตัดสินใจ ว่าหลังจบเรื่องนี้ จะติดตามฉินเฟิง
เพราะอย่างไรเสีย เจียงเฮ่าหลินไม่ได้เป็นสมาชิกระดับสูงของพันธมิตรมนุษย์ เขาเป็นแค่นายพลลาดตระเวนประจำเมือง และไม่ได้เป็นรองเจ้าเมืองอย่างกวนฉาน หรือรัฐมนตรีคลังอย่างหลี่หยวนซาน ดังนั้นไม่มีพันธะผูกพันธ์
“ท่านผู้ใหญ่น่ะครอบครองอำนาจเกินอาจเอื้อม ดังนั้นเลยไม่สามารถเสี่ยงมาช่วยเหลือได้ ส่วนนายเป็นแค่ตัวอะไร? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าหนีออกมาได้เป็นคนแรก แต่ยังมัวคิดน้อยเนื้อต่ำใจแบบนี้อีก!” หลี่หยวนซานคำรามด้วยความโกรธ
ก่อนหน้านี้หลี่หยวนซานกับฉินเฟิงผิดใจกัน เลยเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ชอบฉินเฟิง และไม่ต้องการให้กลุ่มกับเมืองของฉินเฟิงรุ่งเรือง ได้รับกำลังรบที่แข็งแกร่งไปครอง กระทั่งเกิดความคิดในใจ ว่ามันจะดีมากๆ หากฉินเฟิงตายซะให้จบๆในมิติทับซ้อน
เจียงเฮ่าหลินผุดยิ้มเย็นชา กล่าวว่า “จริงอยู่ว่าอำนาจการตัดสินใจของท่านผู้ใหญ่รุ่ยฉง ฉันไม่สามารถโต้แย้งได้ แต่ยังไงฉันก็ไม่ต้องการจะกลับไป เห็นได้ชัดว่าชาวเมืองก็คิดเช่นนั้น ในสายตาของพวกเขา พวกเรามันไร้ความสามารถ และสิ่งที่คุณควรรู้สึกขอบคุณที่สุด ไม่ใช่โชคชะตาที่สามารถรอดชีวิตมาได้ แต่เป็นนายพลฉินที่ยังไม่ยอมแพ้! ไม่อย่างนั้นคุณคงเน่าตายอยู่ข้างในมิติทับซ้อนแล้ว!”
“พี่ใหญ่เจียง โปรดคิดดูดีๆอีกครั้งเถอะ”
“ใช่ อย่าเพิ่งใช้อารมณ์เลย”
หลงเถากับโจวเจ๋อเริ่มโน้มน้าว แม้พวกเขาจะเอนเอียงไปทางฉินเฟิงเช่นกัน ทว่าหากรุ่ยฉงปรากฏตัวขึ้นที่นี่ มันจะเกิดอะไรขึ้น?
แม้รู้สึกสำนึกบุญคุณฉินเฟิง แต่ฉินเฟิงเป็นเพียงผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล B ที่ฝึกฝนเทคนิคคู่ขนาน
ขณะที่ฐานะของเจียงเฮ่าหลินก็เป็นเลเวล B เช่นเดียวกัน แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจู่ๆกลับอยากไปเป็นลูกน้องอีกฝ่าย พวกเขาคิดว่าเจียงเฮ่าหลินเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ
เหตุใดพวกเขาถึงยอมติดตามรุ่ยฉงน่ะหรือ? มิใช่เพราะทรัพยากรของรุ่ยฉงหรือไร? หยิบฉวยมาแค่บางส่วน ก็มากพอให้สามารถจัดหาวัตถุดิบฝึกฝนได้แล้ว ถ้าจะให้เทียบกัน ฉินเฟิงสามารถช่วยเรื่องนี้พวกเขาได้หรอ?
เจียงเฮ่าหลินมองไปยังสีหน้าไม่เห็นด้วยของทั้งสองคน ก็พอคาดเดาได้ว่าลึกๆอีกฝ่ายคิดอะไร ปรากฏรอยยิ้มเยาะตรงมุมปากเขา สองคนนี้ คงยังไม่รู้ว่าฉินเฟิงทรงพลังขนาดไหน
ในเวลานั้นเอง อีกเสียงหนึ่งได้ดังขึ้น
“ฉันตั้งใจจะตามพี่ใหญ่เจียงไปด้วย!”
เป็นเสียงของหนิงซิน!
หนิงซินรู้สึกทึ่งมากๆกับความสามารถของฉินเฟิง
ก่อนหน้านี้หนิงซินเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับฉินเฟิงมาก่อน ว่าอีกฝ่ายเป็นทั้งผู้ใช้วรยุทธโบราณและผู้ใช้อบิลิตี้ สามารถใช้ได้ทั้งธาตุมืดและธาตุไฟ ได้รับอันดับหนึ่งในงานประลองลูกรักของพระเจ้า แต่เกรงว่าที่กล่าวมาจะเป็นแค่ชื่อเสียงเล็กน้อยที่สุด ที่อีกฝ่ายมีเท่านั้น
ประเด็นสำคัญก็คือ ในช่วงเวลาที่คนอื่นต่างหมดหนทาง ฉินเฟิงได้ทำตัวเป็นผู้ใช้วรยุทธเทคนิคคู่ขนาน กระโจนเข้าสู่พื้นที่ต้องห้าม เพื่อช่วยชีวิตพวกเขา
ในการต่อสู้เมื่อครู่ที่เกิดขึ้น การเล็งยิงของฉินเฟิงแม่นยำอย่างหาผู้ใดเปรียบ นี่ยิ่งทำให้หนิงซินรู้สึกทึ่งไปอีกขั้น
ชายคนนี้ เหนือล้ำกว่าอัจฉริยะคนอื่นๆ อาจเป็นสัตว์ประหลาดของโลกใบนี้เลยก็ได้
แม้ฉินเฟิงอาจเป็นแค่เลเวล B ในตอนนี้ แต่จะก้าวขึ้นสู่เลเวล A เมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึง เขาอาจไปได้ไกลกว่านั้น ไปยังระดับที่พวกเขาทำได้แค่แหงนมอง--
--เลเวล S!!!