ตอนที่ 3 นิสัยแย่ๆ
หลังจากชิชิโอะเข้ามานั่งในรถ เขาก็ปิดประตูลงและจากนั้นจิฮิโระก็ขับรถออกไปจากลานจอดรุ ในขณะที่ชิชิฮ กำลังเฝ้าดูตึกสูงใหญ่และผู้คนจำนวนมากที่ด้านนอก เขาก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ทิวทัศน์ของโตเกียวนั้นค่อนข้างเหมือนกับเมืองที่เขาอาศัยอยู่เมื่อชาติก่อนซึ่งไม่เหมือนกับเมืองเกียวโตที่ตึกอาคารและถนนส่วนใหญ่นั้นเป็นแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม เมืองแห่งนี้ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกแปลกๆอันเจือจางที่วนเวียนอยู่ในใจเพราะแม้ว่าเขาจะยอมรับตัวตนใหม่ของเขาแต่มันก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดี
โชคดีที่โองะ ชิชิโอะคนก่อนนั้นเป็นจูนิเบียว(โรคป่วยม.2)
แม้ในโลกภายนอกคำว่า ‘จูนิเบียว’มันจะฟังดูไม่รู้เรื่องว่ามันคืออะไร แต่มันเป็นคำปกติในประเทศแห่งนี้
สั้นๆ จูนิเบียวนั้นคือคำพูดชนิดหนึ่งในภาษาญี่ปุ่นที่อธิบายถึงคนที่แสดงพฤติกรรมประสาทหลอนซึ่งคิดว่าตัวเองนั้นมีพลังที่คนอื่นไม่มี ดั้งเดิมนั้นใช้กับเด็ก มัธยมต้นปี2ที่ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่และได้ถูกนำมาใช้กับคนที่แสดงท่าทางบ้าๆ
นั่นคือเหตุผลที่พ่อแม่ของเขาไม่รู้สึกแปลกเมื่อเขาอยากย้ายมาอยู่โตเกียวเนื่องจากชีวิตในโรงเรียนมัธยมต้นของเขานั้นน่าอับอายจนพ่อแม่ของเขาดุด่าว่ากล่าวเขา เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อนิสัยของเขากลับมาเหมือนคนปกติ พ่อแม่ของเขากลับรู้สึกดีใจจนพาเขาไปที่วัดเพื่อไหว้พระซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าพวกเขานั้นมีความสุขแค่ใหนแต่ทว่าการกระทำหลังจากนั้นกลับทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมาเนื่องจากนักบวชที่อยู่ในวัดนั้นกลับเดินมาสวดมนตร์อะไรบางอย่างใส่เขาแต่เขาก็ดีใจที่เขาไม่ใชวิญญาณชั่วร้าย ดังนั้นเขาจึงรู้สึกโล่งอกมาก
ชิชิโอะนั้นเข้าใจว่าตัวเองนั้นมาเกิดใหม่แล้วซึ่งทำให้เขาไม่สามารถย้อมกลับไปโลกเดิมได้ ดังนั้นแล้วเขาจึงทำได้เพียงยอมรับตัวตนใหม่ของเขาอันนี้
เมื่อครุ่นคิดถึงพ่อแม่ใหม่ของเขา ชิชิโอะนั้นดีใจที่พ่อแม่ใหม่ของเขาเป็นคนใจดีซึ่งนั่นทำให้เขาสามารถยอมรับพวกเขาได้เร็วเนื่องจากความห่วงใยของพวกเขาที่มี่ต่อชิชิโอะนั้นทำให้เขารู้สึกประทับใจมากและเนื่องจากเขาได้กลายเป็นชิชิโอะ เขาก็จะทำให้พ่อแม่ของเขามีความสุขที่สุดแทนที่โองะ ชิชิโอะคนก่อน
นั่นก็คือสิ่งที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้
รับเข้าเรียนต่าอมัธยมปลาย เรียนให้หนัก เข้ามหาลัยดีๆและทำงานอย่างนั่นก็คือสิ่งที่เขาสามารถทำได้ในชีวิตนี้
“ชิชิโอะ พรุ่งนี้ น้าจะไปโรงเรียนกับเธอด้วย เธอจะได้เข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายที่เป็นโรงเรียนย่อยของมหาวิทยาลัยซุยเมย์(Suimei University)ซึ่งรู้จักในนามมหาวิทยาลัยศิลป์ นอกจากนี้ฉันเองก็ทำงานอยู่ที่นั่นด้วยซึ่งฉันเป็นอาจารย์ในหมวดศิลปะ พิธีเปิดเรียนจะจัดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า อย่าลืมหล่ะ”
“ครับ พี่จิฮิโระ”ชิชิโอะก็พยักหน้าแล้วถามว่า “งั้นเราจะไปโรงเรียนกันต่อนนี้เลยใหม?”เขานั้นรู้ดีว่าเขาไม่ควรจะมัวมาครุ่นคิดเรื่องระบบโกงในตอนนี้ แต่ก่อนอื่นเขาจะต้องมานั่งเรียบเรียงความทรงจำของโองะ ชิชิโอะคนก่อนเสียก่อน โดยเฉพาะความทรงจำเรื่องการเรียนและความรู้ระดับมัธยมต้นเนื่องจากวันสอบเข้านั้นคือวันพรุ่งนี้
“ยังไม่ต้อง ตอนนี้เราจะไปที่ที่เธอจะต้องอยู่ตั้งแต่นี้ไปต่างหาก ซึ่งมันก็คือหอพักที่ติดกับโรงเรียนและน้าก็เป็นผู้ดูแลหอด้วย ส่วนชื่อหอพักนั้น เดี๋ยวอีกไม่นานเธอก็จะรู้เอง แล้วก็ทำตัวดีๆกับเพื่อนร่วมหอพักคนอื่นด้วยหล่ะ”
จิฮิโระก็เหลือบมองชิชิโอะและรู้สึกแปลกๆขึ้นมาเนื่องจากเธอนั้นรู้ว่าเขานั้นไม่มีเพื่อนอยู่ในเมืองเลย เธอจึงกลัวว่าเขาจะต้องเหงาซึ่งเธอนั้นสงสัยว่าทำไมพี่สาวของเธอถึงปล่อยให้เขามาโตเกียวเพียงลำพังกัน
“ครับ เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงไป พี่จิฮิโระ”
ชิชิโอะนั้นเข้าใจถึงเรื่องที่น้าของเขาอยากจะสื่อเป็นอย่างดี จิฮิโระนั้นกังวลว่าเมื่อเขาย้ายเข้าอยู่ในหอ เขาจะไม่สามารถเข้ากลับใครได้เลย ซึ่งที่นี่ก็คือญี่ปุ่นซึ่งการเข้ากับคนอื่นนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากแต่ทางชิชิโอะนั้นกลับสงสัยว่าทำไมชื่อโรงเรียนนี้มันดูคุ้นเคยจัง แม้จะเป็นแบบนั้นแต่เขาก็ไม่เคยมาที่โตเกียวก่อนเลย
“โอ่ ใช่แล้ว แม่ของเธอบอกกับฉันว่าเธอมีนิสัยแย่ๆด้วยหล่ะ”
ครั้งนี้ จิฮิโระก็จ้องมองชิชิโอะด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“นิสัยแย่ๆ?”
ชิชิโอะก็เบ้ปากทันทีเพราะเขารู้ว่าจิฮิโระหมายถึงอะไร
“ถ้าเรื่องนั้น คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พี่จิฮิโระ ผมไม่ทำเรื่องแบบนั้นอีกแล้วหล่ะ”
นิสัยแย่ๆของโองะ ชิชิโอะคนก่อนก็คือการเล่นพนัน ซึ่งมันเป็นที่มาของเงิน 15 ล้านในบัญชีเขาด้วย
โองะ ชิชิโอะนั้นรู้ดีว่ามันไม่ใช่เพราะโองะ ชิชิโอะคนก่อนติดพนันแต่มันกลับเป็นเพราะส่วนหนึ่งของนิสัยชิชิโอะ เมื่อตอนเขายังเป็นจูนิเบียว(โรคป่วยม.2) แม้เขาจะรู้สึกตกใจกับเรื่องนี้แต่เขาก็ยอมรับเลยว่าโองะชิชิโอะคนก่อนนั้นเป็นนักพนันที่เก่งกาจเลยเพราะเขาสามารถเปลี่ยนเงินเก็บ 5แสนเยนให้กลายเป็นเงิน 15 ล้านได้
จิฮิโระก็รู้สึกแปลกๆกับคำตอบของชิชิโอะ เธอจึงถามออกมาว่า “มีอะไรหรอ? นี่เธอเสียเงินไปกับการพนันจนคิดจะหยุดเลยงั้นสินะ?”เธอนั้นไม่คิดว่าหลนของเธอจะบอกกับเธอว่าเขาจะเลิกเล่นพนันแถมเธอก็สงสัยว่าทำไมเขาไม่ต่อรองหรือคัดค้านเลยสักนิดเนื่องจากเธอรู้ดีว่าสพี่สาวของเธอนั้นลำบากใจกับนิสัยติดเล่นพนันของชิชิโอะมากเพียงใด
“….”
ทางชิชิโอะกลับรู้สึกพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดของน้าของเขาซึ่งเขาสงสัยว่าน้าของเขานั้นอยากจะให้เขาติดเล่นพนันต่อไปหรือไงกันแต่สุดท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจตอบออกไป
“ก็ผมจะเป็นนักเรียนม.ปลายแล้วหนิ ผมจึงคิดว่าเลิกนิสัยพวกนี้จะดีกว่า”
“โอ้? ไม่ใช่เพราะว่าเธอหมดเงินไปกับการพนันหรอกหรอ?”จิฮิโระก็ถามย้ำเพื่อจะแกล้งเขาเพราะเธอนั้นคิดว่าการพนันระหว่างเด็กนักเรียนมัธยมต้นนั้นเพียงแค่ 100 เยนหรือมากสุดที่ 500 เยนเท่านั้น
“เปล่าหรอก ผมชนะได้มาเยอะเลยต่างหาก”ชิชิโอะก็ตอบออกมาทันทีในขณะเฝ้าดูทัศนียภาพของกรุงโตเกียวเนื่องจากเขารู้สึกสนใจมาก
“หืม? แล้วได้มาเท่าไหร่หล่ะ?”
จิฮิโระนั้นคิดว่าบางทีหลานของเธอคงชนะได้เงินมาประมาณ 1 หมื่นเยน
“15 ล้านเยน”
“….”
เมื่อได้ยินคำพูดของชิชิโอะ จิฮิโระก็กระพริบตาอย่างสับสนและคิดว่านี่เธอได้ยินอะไรผิดหรือเปล่ากัน
“ว่าไงนะ ชิชิโอะ เธอช่วยบอกอีกทีสิว่าเธอได้มาเท่าไหร่กัน?”
“ก็ 15 ล้านหน่ะ”
ชิชิโอะนั้นไม่ได้คิดจะปิดบังเงินจำนวน 15 ล้านเยนอยู่แล้วเนื่องจากในบัญชีของเขานั้นมีอีกตั้ง 500 ล้านเยน แม้ว่าเขาจะบอกความจริงทั้งหมดไป น้าของเขาก็คงจะไม่เชื่ออยู่ดี อย่างไรก็ตาม เขากลับรู้เสียใจที่ต้องพูดออกมาให้น้าของเขาฟังเพราะเขากลัวว่าเขาจะไม่ได้ไปถึงหอพักของเขาหน่ะสิ
“พี่จิฮิโระ!!พี่จิฮิโระ! ข้างหน้า!!!! เราจะชนแล้วนะ!!”
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของชิชโอะ จิฮิโระก็รีบหักพวงมาลัยไปจอดข้างทางแล้วถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเนื่องจากเธอเกือบจะขับรถไปชนแล้ว จากนั้นแล้วเธอก็หันมามองหลานของเธอด้วยดวงตาสีแดงแล้วถามว่า “เธอพูดจริงหรอ?!”
“….”
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของจิฮิโระ ชิชิโอะก็แทบจะพูดอะไรไม่ออก
ทั้งๆเมื่อครู่นี้พวกเขานั้นเกือบจะขับรถชนแต่ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้กลับมาถามว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่?
ทันใดนั้นชิชิโอะก็เข้าใจแล้วว่าทำไมน้าของเขาถึงยังไม่ได้แต่งงานสักที
“ใช่แล้วครับ”
“…..”
ทันทีที่จิฮิโระได้ยินคำพูดนี้ เธอก็รู้สึกอยากจะระเบิดตัวตาย เงินเดือนของเธอนั้นแค่ 3 แสนเยน เธอนั้นได้ทำงานมา 7 ปีแล้วซึ่งแต่ละปีนั้นเธอะจะได้เงินเดือนทั้งหมด 3.6 ล้านเยน ซึ่งเงินเดือนทั้งหมดที่เธอได้มาจากการทำงาน 7 ปีนั้นคือ 25.2ล้านเยน
อย่างไรก็ตาม เงินทั้งหมดของเธอนั้นก็จะถูกหักไปสำหรับค่าอาหาร ค่าผลิตภัณฑ์แต่งหน้า ค่าเที่ยว ค่าแก๊ซ ค่าชุด ค่าผประกัน ค่าภาษีและอื่นๆ
แม้ว่าจิฮิโระจะไม่ต้องจ่ายค่าเช่าสำหรับที่อยู่เพราะเธอเป็นผู้ดูแลหอ แต่ค่าใช้จ่ายของเธอก็สูงมากและนั่นทำให้เธอเธอไม่มีเงินเก็บมากเท่าไหร่
จิฮิโระจึงได้รู้สึกอายขึ้นมาทันทีเนื่องจากเงินเก็บของเธอนั้นมีอยู่ประมาณ 1 ใน ส่วนของเงินเก็บหลานของเธอเลย จากนั้นเธอก็หันกลับมาขับรถพร้อมกับตบไหล่ของหลานของเธอ
“เก็บไว้ให้ดีหล่ะแล้วอย่าเอาไปเล่นพนันด้วยรู้ใหม”
“ครับ”
จิฮิโระนั้นคิดว่าการพนันนั้นเสี่ยงมากซึ่งการเก็บเงินไว้จะดีกว่าเพราะไม่มีใครรู้ว่าหลานของเธอนั้นจะดวงดีไปถึงเมื่อไหร่
เมื่อได้ยินคำพูดของจิฮิโระ ชิชิโอะก็รู้สึกประทับใจในตัวของน้าเขาขึ้นมาและคิดว่าเธอจะต้องเป็นห่วงเขามากแน่
อย่างไรก็ตาม…
ทางจิฮิโระนั้นกลับแอบมองชิชิโอะที่กำลังจ้องมองนอกหน้าต่าและถอนหายใจออกมา
‘ถ้าหากแกอายุมากกว่านี้หล่ะก็ เราก็คงจะแต่งงานกันได้แล้ว’
แม้ว่าน้าของเขาจะคิดแบบนี้ แต่ทางชิชิโอะกลับไม่รู้เรื่องที่น้าของเขาคิดอยู่เลย