บทที่ 39 หอคอยเวทมนตร์(1)
เชพเพิร์ดบอกเขาว่ามีที่รังของเซอร์เคิลที่อยู่ใกล้ๆแถวๆนี้ และก่อนที่เฟรย์จะออกเดินทางไปที่หอคอยเวทมนตร์เชพเพิร์ดเสนอให้เขาไปที่นั่นครั้งหนึ่งก่อน
แต่เฟรย์ปฏิเสธ
แม้ว่าเขาจะยังคงสงสัยเกี่ยวกับเซอร์เคิล แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูสภาพร่างกายของเขาและเข้าการสู่ขั้น 7 ดาวอย่างสมบูรณ์
‘เพราะฉันไม่อยากให้สิ่งที่เกิดตอนปะทะกับทอร์กุนทาเกิดขึ้นอีกแล้ว’
ความภาคภูมิใจและความประมาททำให้เขาต้องพบกับวิกฤต ประสบการณ์ดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็เกินพอสำหรับเขา
“ขอให้โชคดีในการทดสอบ”
เมื่อเขาพูดอย่างนั้นเชพเพิร์ดก็ให้ไพ่สี่เหลี่ยมแก่เขา
บนนั้นมีวงกลมยาวๆหลายวงซ้อนทับกันจนกลายเป็นรูปวงแหวนแปลกๆ
“ภายในครึ่งปีหลังจากนี้เซอร์เคิลจะรับสมัครสมาชิก คุณจะต้องผ่านการทดสอบบางอย่าง แต่คุณคงจะผ่านมันไปได้อย่างง่ายดาย”
“มันเหมือนกับการสอบในสถาบันหรือเปล่า?”
“มันเป็นแนวคิดเดียวกัน ตราบเท่าที่คุณมีการ์ดใบนั้นคุณจะสามารถเข้าร่วมการทดสอบได้”
เวลาครึ่งปีจึงเป็นเวลาที่เหลือเฟือ
“แน่นอนว่ามันไม่เป็นไรหากคุณไม่ต้องการเข้าร่วม ฉันไม่ได้บังคับคุณ”
จากนั้นเขาก็มองไปที่การ์ดที่เขาวางไว้ในมือของเฟรย์ก่อนจะพูด
“นอกจากนี้ยังมีการ์ดมีชื่อของฉันอยู่ด้วย มันจะมีประโยชน์มากมายแต่…”
เขามองกลับไปที่เฟรย์และยิ้มกว้าง
“คุณคงไม่ต้องการมันใช่ไหม?”
"ใช่ครับ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
“ฮูฮู ฉันรู้อยู่แล้ว แล้วคุณจะอยู่ที่หอคอยเป็นเวลาครึ่งปีเลยมั้ย?”
“ก็เว้นแต่จะมีอะไรพิเศษเกิดขึ้น”
“ถ้าคุณต้องการเข้าร่วมการสอบให้มองหาผู้ชายที่ชื่อลูก้าหรือมิเคเอล พวกเขาไม่ใช่คนของสโตรว์เน็คลิซหรอก แต่ก็เป็นสมาชิกของเหล่าเซอร์เคิลดังนั้นพวกเขาอาจจะสามารถช่วยได้”
เฟรย์ก้มหน้า
“ขอบคุณสำหรับความห่วงใยครับ”
"ไม่มีปัญหา"
ก่อนออกจากคฤหาสน์เฟรย์ได้ไปเยี่ยมโซเนียเป็นคนสุดท้าย
ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะออกจากคฤหาสน์นี้เช่นกัน แม้ว่าการสู่ขอจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงใดๆ ระหว่างทั้งสองฝ่าย
ในที่สุดเฟรย์ก็ถามเธอถึงคำถามที่เขาอยากจะถามเมื่อนานมาแล้ว
“โซเนียฉันอยากรู้เกี่ยวกับเพลงดาบที่คุณใช้”
“คุณหมายเพลงดาบเดรดเมน ?”
"ใช่ มันเป็นวิชาดาบที่สืบทอดโดยอาณาจักรลัวโนเบิลหรือเปล่า?”
“ไม่ มันเป็นวิชาดาบของตระกูลฉันนะ”
มันไม่ใช่เพลงดาบของอาณาจักร แต่เป็นเทคนิคของตระกูลแทน
เป็นไปได้ไหมที่ลูซิดคือบรรพบุรุษของตระกูลอควาริด ?
เฟรย์ต้องการถามมากกว่านี้ แต่ความลับของครอบครัวเป็นหัวข้อที่ละเอียดอ่อนเขาจึงไม่ได้ขุดคุ้ยเพิ่มเติม
'อาจเป็นลูกศิษย์ของลูซิดก็ได้'
ซึ่งแตกต่างจากตัวเขาเอง ชไวเซอร์ไอริสและลูซิดต่างก็มีลูกศิษย์มากมาย
หนึ่งในนั้นอาจมาจากตระกูลอควาริด
"บางทีโซเนียก็อาจจะเกี่ยวพันธ์กับเซอร์เคิลด้วย"
หนึ่งในสามเซอร์เคิลขนาดใหญ่ที่เชพเพิร์ดพูดถึงมีชื่อว่าลูซิดซอร์ด
แต่เฟรย์ไม่สามารถข้ามไปสู่ข้อสรุปได้
เฟรย์จึงบอกลาโซเนียที่กำลังเศร้าใจ
ไม่มีอะไรเหลือให้เขาทำในอยู่ในตระกูลจุนแล้ว
เฟรย์ได้ออกจากคฤหาสน์
หอคอยเวทย์มนต์ที่ 3 ตั้งอยู่ในเมืองทางตอนใต้ของเคาซิมโฟนีที่เรียกว่า "อูเธียโน"
ในฐานะเมืองที่มีหอคอยเวทมนตร์อูเธียโนมีหินวาร์ปของตัวเองซึ่งทำให้เฟรย์เดินทางมาถึงที่นั่นถายในวันเดียวกัน
* * *
มัสเกลเบลคลูกชายคนโตของตระกูลเบลคมองแพทริคขมวดคิ้ว
“หรือ…เฟรย์เป็นเพื่อนของเพเรียนจุนเหรอ?”
"ใช่ครับ มันทำให้งานเลี้ยงกลับตาลปัตรหมดเลย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสนิทกันมากด้วยครับ”
“…”
“…ผมคิดว่าหัวหน้าชั้นจำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ผมจึงมาบอกคุณ ผมขอลานะครับ”
“อืมขอบใจ”
แพทริคโค้งคำนับและออกจากห้องไป
มัสเกลที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในห้องขมวดคิ้ว
“เฟรย์…เป็นเพื่อนกับเพเรียนจุน”
เฟรย์เบลค
ไม่เคยมีใคร และจะไม่มีใครที่จะไร้พรสวรรค์ได้น่ากลัวเช่นนี้ในตระกูลเบลคอีกแล้ว
เขาเป็นคนที่น่าอับอายของตระกูลที่ไม่สามารถรู้สึกถึงมานาได้ บุคลิกขี้อายและว่านอนสอนง่ายที่ไม่มีความดื้อรั้นไม่หลงใหลและไม่มีความทะเยอทะยาน
‘ชายแบบนั้นจะมาเป็นเพื่อนกับเพเรียนได้ยังไง?’
มัสเกลเคยพบกับเพเรียนมาก่อน
แม้ว่าเขาจะเป็นขุนนางที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเคารพในตัวของเพเรียน
ไม่ว่าเขาจะคิดถึงเรื่องนี้มากแค่ไหนเขาก็นึกไม่ถึงว่าคนๆ นั้นกำลังคบหาอยู่กับเฟรย์จอมขี้อาย
“นายคิดว่าไงละไฮนซ์?”
“…”
ไฮนซ์เบลคซึ่งยืนพิงหน้าต่างได้ฟังการสนทนาและตอบกลับราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจคำพูดของมัสเกล
“…ทั้งคู่เรียนอยู่ที่สถาบันเวสต์โร้ดนิ ไม่มีอะไรแปลกหากพวกเขาถ้าจะมีความสัมพันธ์แบบเพื่อนหากเขาโชคดี”
“อืม ไอ้ขี้แพ้นั้นทำได้ดีเลยทีเดียว”
ดูเหมือนว่าจะมีผลดีจากน้องชายที่เขาไม่เคยคาดหวังมาก่อน
มัสเกลครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่ง
‘ฉันควรบอกพ่อดีไหม?’
อาจจะมีบางอย่างที่พวกเขาสามารถใช้ได้จากสิ่งนี้
มัสเกลเดินออกจากห้องไปอย่างช้าๆ
ไฮนซ์จ้องไปที่หลังของพี่ชายด้วยสีหน้าเฉยเมย
* * *
เฟรย์มาถึงอูเธียโนและเริ่มมองไปรอบ ๆ
ดูเหมือนจะเป็นเมืองที่พลุกพล่านพอสมควร แต่เนื่องจากเขาอยู่ในเมืองหลวงมาระยะหนึ่งจึงไม่มีความประทับใจมากขนาดนั้น
แต่มีบางอย่างที่เคาซิมโฟนีไม่มี
เขามองขึ้นไปที่หอคอยขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางเมืองซึ่งอาจมองเห็นได้จากทุกทิศทางภายในเมือง
มันสูงและกว้างมาก
เฟรย์มุ่งหน้าไปที่หอคอยทันที จากระยะใกล้เขารู้สึกว่ามันใหญ่กว่าที่เขาคิด
เฟรย์เต็มไปด้วยอารมณ์
“ตอนนั้นฉันอายุ 20 หรือเปล่านะ”
สถานที่แรกที่เขาหมกมุ่นอยู่กับเวทมนตร์อย่างจริงจังคือในหอคอยเวทมนตร์
ที่นั่นเขาได้พบกับชไวเซอร์แล้วก็ไอริส
หอคอยในตอนนั้นโทรมมากเมื่อเทียบกับตอนนี้และมันก็ยังเป็นที่ที่สนุก
การมีเพื่อนคอยเรียนเวทมนตร์ด้วยกันเป็นเรื่องที่ดี เขาหมกมุ่นจนไม่อยากจะเสียเวลานอนเลยด้วยซ้ำ
พวกเขาทั้งสามให้กำลังใจเชิงบวกซึ่งกันและกัน การแข่งขันเป็นเรืองที่ยอดเยี่ยมและทำให้พวกเขากลายเป็นพ่อมดที่เก่งที่สุดได้
รอยยิ้มเหยียดไปทั่วริมฝีปากของเฟรย์
ในทางหนึ่ง วันเวลาที่เขาอาศัยอยู่ในหอคอยเวทมนตร์นั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาเลย
ช่วงเวลาที่เขาสามารถรอวันพรุ่งนี้ได้อย่างมีความสุขโดยไม่ต้องกังวล
เมื่อเขามองขึ้นไปบนหอคอยมันก็เต็มไปด้วยความคิดถึง จากนั้นเขาสังเกตเห็นกลุ่มคนที่เดินผ่านเขาไป
พวกเขาทั้งหมดสวมเสื้อคลุมสีน้ำตาล แต่ร่างกายที่แข็งแกร่งของพวกเขาทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ใช่พ่อมด
พวกเขาไม่ใช่มนุษย์ด้วยซ้ำ
พวกเขาสะดุดตาเพราะผิวสีเข้มผมสีเงินตัดกับหูที่แหลม
‘เอลฟ์?’
พวกเขาเป็นดาร์กเอลฟ์ซึ่งกล่าวกันว่ามีกันอยู่น้อย
ดาร์กเอลฟ์อยู่ในเมืองมนุษย์?
นี่เป็นภาพที่คิดไม่ถึงหากเป็นเมือ 4,000 ปีก่อน
'ดูเหมือนกำแพงระหว่างกลุ่มเชื้อชาติได้ถูกทำลายลงแล้ว'
เมื่อเขาอยู่ในสถาบันการศึกษาเขาได้อ่านบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ในหนังสือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาได้เรียนรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเอลฟ์และคนแคระนั้นดีมากจนพวกเขาเดินทางไปมาระหว่างดินแดนของกันและกันได้อย่างต่อเนื่อง
‘และดูเหมือนว่าพวกเอลฟ์จะสามารถบรรลุความสามัคคีและความสมานฉันท์ได้สำเร็จ’
ดูเหมือนว่าปลายทางของเอลฟ์นั้นคือหอคอยเวทมนตร์เช่นกัน
เฟรย์จึงเดินตามหลังพวกเขาไปอย่างเป็นธรรมชาติ