Chapter 30: เป็นเจ้าชายนี่มันโคตรเหนื่อยเลยจริงๆ - 3 (ส่วนที่ 2)
ในตอนนั้นเอง ก็มีอะไรใหญ่ๆลอยเข้ามาและชนบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ มันขัดจังหวะการพูดของเจนาลอย่างหยาบคาย อิฐร่วงลงมาเหมือนกับเศษซากที่กระจายไปทั่วทุกที่
ทั้งฉันและเจนาลต่างก็สะดุ้งกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันนี้
ในตอนแรก ฉันคิดว่ามันเป็นหินก้อนใหญ่หรืออะไรเทือกๆนั้น แต่กลับกลายเป็นว่ามันคือ ‘เนื้อ’ ที่เอามามัดรวมกันเป็นก้อน มันเริ่มกระดิกไปมาก่อนที่จะกระจายเป็นชิ้นเล็กๆ
แขนกับขาที่พันเข้าด้วยกันได้ยื่นออกมาแล้วสัมผัสกับพื้นแข็งๆ ร่างที่เคยถูกมัดรวมเข้าด้วยกันเริ่มคลานออกมาที่พื้น พวกมันพยายามปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ พวกซอมบี้ที่คลานโซซัดโซเซออกมาได้กลับมายืนขึ้นจนสุดตัวอีกครั้ง ดวงตาสีแดงก่ำหลากหลายคู่กำลังสอดส่องไปรอบๆ พร้อมกับฟันกรามของพวกมันที่พะงาบๆไปมา
ฉันตกตะลึงมากจนเผลอสบถออกมาโดยไม่รู้ตัวพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง “...นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย? พวกมันเอาซอมบี้ใส่เข้าไปในเครื่องยิงหินจริงๆหรอ?”
“เหวอ.... อันเดดพวกนี้เข้ามาในดินแดนได้ยังไงกันเนี่ย....?”
แม้กระทั่งเจ้าเมืองก็ยังมีสีหน้าสับสน
“นั่นมันอันเดดนี่!”
เสี่ยงกรีดร้องวุ่นวายดังสนั่นไปทั่วในเวลาไม่นาน ผู้คนตกอยู่ในความตื่นตระหนกและวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง
แบบนี้ไม่ดีแล้วสิ
ถ้าซอมบี้พวกนี้สามารถล่าประชาชนที่กำลังตื่นตระหนกได้ ก็จะมีซอมบี้วิ่งพล่านอยู่ที่ชั้นในของป้อมมากขึ้นไปอีก จากที่ฟังมาแค่พวกอันเดดที่อยู่นอกกำแพงก็อันตรายมากพอแล้ว ดังนั้นถ้าเกิดข้างในยังเต็มไปด้วยพวกมันอีกหล่ะก็เกมส์โอเวอร์แน่
“ประจำตำแหน่ง!”
พวกทหารรีบมารวมตัวกันรอบๆเพื่อต่อสู้กับซอมบี้
“ด..เดี๋ยว! ฟังก่อนทุกคน! ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว! ไปที่อื่นมันอันตราย! เร็วเข้าเถอะ มุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ของฉัน!”
ไวส์เคานต์เจนาลตะโกนบอกชาวเมืองของเขา อย่างไรก็ตาม พวกเขาถูกความกลัวครอบงำจิตใจจนไม่ได้ยินเสียงเขาแล้ว
เขากัดฟันแล้วพูดกับอัศวิน “ฉันจะฝากฝังงานใหม่ให้เจ้า ปกป้องประชาชนแล้วพาพวกเขาไปยังที่ของฉัน”
“แต่ว่านายท่าน! พวกเราอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องท่านนะครับ...”
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือการที่เจ้าปกป้องพวกเขาก่อน!”
น้ำเสียงของเจนาลดังขึ้น
อัศวินรีบก้มศีรษะให้ จากนั้นเขาก็พาทหารส่วนนึงไล่ตามผู้คนที่วิ่งแตกตื่นไปคนละทิศละทาง
“วางใจได้ครับเจ้าชาย” เจนาลพูดในขณะที่เขาชักดาบออกมา
ฉันไม่ได้พูดอะไรแล้วจ้องเขาเฉยๆ
“ถ้าไม่นับพละกำลังทางกายภาพที่สูงของพวกมัน พวกซอมบี้ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ”
ฟังดูน่าพึ่งพาจังเลยนะ
“ถ้าพวกเราใช้ความเชื่องช้าของพวกมันเป็นข้อได้เปรียบ พวกเราก็จะสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย...”
เจนาลน่าจะพูดเรื่องพวกนี้ออกมาเพื่อทำให้ฉันใจเย็นลง แต่ว่า...
ตูมม!!!
โครม! ครืน!!
ประตูของหลายๆบ้านถูกทะลวงไปหลังแล้วหลังเล่า ฉันรีบหันไปมองหน้าประตูบ้านหลังนึง เพียงเท่านั้นฉันก็ได้พบรูอยู่ที่พื้นของมันและฝูงอันเดดก็โผล่ออกมาจากรูที่ว่านี้
เจ้าพวกนี้คืออันเดดที่มีใบหน้าเละเทะ ร่างกายผอมบาง มีแขนยาวเหยียดและมีกรงเล็บที่คล้ายกับเคียว พวกมันคือกูล
เจ้าเมือง ไวส์เคานต์เจนาล ริปปังค์ ทิ้งดาบในมือของเขาลง บรรยากาศอันน่าพึงพาที่เขาแผ่ออกมาเมื่อครู่ก่อนตอนนี้ได้หายไปหมดแล้ว สีหน้าของเขาซีดยิ่งกว่ากระดาษ ทันใดนั้นเองเขาก็ได้สติขึ้นมาจากความสับสนแล้วรีบหยิบอาวุธของเขากลับขึ้นมา
“ป..โปรดวางใจได้ครับเจ้าชาย! ต่อให้เป็นกูล ตราบใดที่พวกเรามีสมาธิเข้าไว้....!”
ขอโทษนะ....แต่ฉันคิดว่าฉันคงไว้ใจเจ้าไม่ได้แล้วหล่ะ
ฉันนวดขมับแล้วหวนนึกถึงกลิ่นอายแห่งความตายที่ฉันสัมผัสได้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน ดูเหมือนว่าสิ่งที่ฉันรู้สึกได้เมื่อตอนนั้นคงเป็นของเจ้าพวกนี้สินะ
ไม่นึกเลยว่าพวกมันจะโผล่มาผ่านท่อใต้ดิน....!
กรืดดด
กรามของกูลส่งเสียงกระทบกันจนหนวกหู ตอนนี้สายตาของพวกมันกำลังจดจ้องไปที่พวกทหารซึ่งดวงตาที่น่าเกลียดของพวกมันนี้ทำให้ดูเหมือนกับลอยยิ้มที่น่าขนลุก นี่คืออาการหลังจากที่ค้นพบเหยื่ออันโอชะ
ในอีกด้านนึง พวกทหารกำลังตั่วสั่นเหมือนกับฝูงกระตายที่วิ่งมาเจอผู้ล่าที่ดุร้าย
ฉันหลี่ตามอง
ดูเหมือนว่าวันหยุดพักผ่อนสบายๆตลอดหนึ่งสัปดาห์ของฉันจะเป็นลางบองเหตุที่จะมาถึงสินะ จากรูปการณ์แล้วท่านเทพีไกอาของพวกเราต้องอยากให้ฉันมาเจอนรกนี่ใจจะขาดแล้วแน่ๆ
**
(ในมุมมองบุคคลที่ 3)
“...ห้ะ? เหวออ...!”
ข้างหน้าของพวกเขาคือซอมบี้ ส่วนข้างหลังก็คือกูล
พวกทหารรีบหันไปเผชิญหน้ากับพวกตัวที่อยู่ข้างหลัง เนื่องจากประเมินแล้วว่าพวกมันมีอัตราความอันตรายที่สูงกว่าซอมบี้ทั่วๆไป
กูลจำนวนมากเริ่มโผล่ออกมาจากบ้านเพื่อกระโจนเข้ามายังตำแหน่งที่พวกทหารอยู่ มีชายคนนึงถูกกดลงกับพื้น จากนั้นไหล่ของเขาก็ถูกกรงเล็บเจาะทะลวง
“อ้ากกก!!”
“ฆ่ามันซะ!”
ทหารคนอื่นแทงหอกของพวกเขาไปที่ร่างของกูลตัวนั้น ทันใดนั้นเองกูลอีกตัวนึงก็วิ่งเข้ามาแล้วปะทะกับพวกเขา มันเหวี่ยงพวกทหารมนุษย์ออกไป จากนั้นก็ฟาดฟันกรงเล็บของมันไปทั่วทุกที่อย่างดุร้าย
แนวป้องกันได้ถูกทำลายลงแล้ว
“รวมตัวกันไว้! อย่าแตกแถว! พวกเราต้องลากตัวคนเจ็บเข้ามา...!”
พวกทหารทำการตอบสนองในทันทีหลังจากได้ยินเสียงตะโกนของไวส์เคานต์เจนาล ซึ่งมันก็ไม่น่าแปลกใจอะไรเนื่องจากพวกเขาเป็นทหารที่ได้รับการฝึกมาอย่างเหมาะสมไม่ใช่พวกห่วยแตกอย่างนักโทษ พูดอีกนัยนึงก็คือ พวกเขาเป็นทหารระดับสูงที่สั่งสมประสบการณ์ต่อสู้จริงมามากพอ และผ่านการฝึกฝนเพื่อจัดการกับอันเดดประเภทต่างๆ
พวกเขาจัดแนวป้องกันรูปแบบวงกลมขึ้นมาอย่างรวดเร็วโดยมีเจ้าเมืองและเจ้าชายเป็นศูนย์กลางของพวกเขา ซึ่งแถวแรกถือโล่และดาบ ในขณะที่แถวที่สองใช้หอก
เจ้าเมืองเจนาลลากหนึ่งในคนเจ็บเข้ามา และฉีกเสื้อผ้าของเขาออกเพื่อใช้ห้ามเลือดและหยุดมันไม่ให้ทำอันตรายกับชีวิตของทหารไปมากกว่านี้
‘พวกเราตกอยู่ในอันตราย!’
ร่างกายของเขาสั่นไม่หยุดเนื่องจากหวาดกลัวสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า เขาควรทำยังไงดี? เขาทำอะไรได้บ้าง พูดออกไปตามความจริงหรอ?
เขาก็เป็นแค่เจ้าเมืองที่ปกครองดินแดนเล็กๆในแนวหน้า มันผ่านมาสองปีแล้วตั้งแต่ที่ถูกลดขั้นมายังที่แห่งนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่คุ้นเคยกับดินแดนหรืองานของเขาซักเท่าไหร่เลย
เขารู้สึกสับสนไม่รู้ว่าจะสั่งการทหารยังไงดีในเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าแค่มีอัศวินที่มากประสบการณ์อยู่กับเขาด้วยมันก็คงจะช่วยให้โล่งอกเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่เขาส่งคนๆนั้นออกไปแล้วเนื่องจากขาดแคลนกำลังคน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อต่อสู้กับซอมบี้ที่พยายามบุกเข้ามาในป้อม
และนี่ก็หมายความว่าเขาต้องเป็นคนบัญชาการ
‘แต่ฉัน...’
ข้างในหัวของเขาว่างเปล่าเหมือนกระดาษและไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงต่อไปดี
ในตอนนั้นเอง กลุ่มอันเดดก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขาในที่สุด ซอมบี้ตัวนึงได้กัดไหล่ของทหารคนนึง ด้วยการพึ่งพาพละกำลังของมัน มันได้ลากชายที่น่าสงสารคนนั้นออกมาแล้วเริ่มกัดเขา
“อ้ากกก!?”
ไหล่ของเขาฉีกขาด ผิวหนัง กล้ามเนื้อ เนื้อสดๆพวกมันถูกกระชากออกไปในขณะที่มีเลือดจำนวนมากพุ่งออกมา
“ป..เป็นไปได้ยังไงกัน...! ฉ..ฉันทำอะไรได้บ้าง...?”
เจนาลตกอยู่ในสภาพสับสน
“อึ้ก... อ้ากกก...!!”
หนึ่งในทหารที่ได้รับบาดเจ็บร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดและยืนโซเซไม่มั่นคง เขาฝืนตัวเองเพื่อรักษาแนวป้องกันเอาไว้ และยกโล่ขึ้นมาไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม
อันเดดเน้นการโจมตีมาที่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บคนนี้ เนื่องจากถูกดึงดูดด้วยกลิ่นของความตายที่กำลังใกล้เข้ามา พวกมันจับโล่และพยายามที่จะทำลายแนวป้องกันด้วยการกระชากมันออกไป
ทหารที่สนับสนุนข้างหลังเขารีบแทงหอกออกมาแล้วเจาะทะลวงอันเดดเพื่อให้มันหมดสภาพ อย่างไรก็ตาม ซอมบี้ตัวอื่นก็เข้ามาจับอาวุธแล้วทำการโจมตีต่อ
ตอนนี้ทหารถือโล่ควรจะช่วยเหลือตัวเองด้วยการเหวี่ยงดาบของเขาแล้ว แต่น่าเสียดาย เขาไม่สามารถยกอาวุธขึ้นมาได้เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ไหล่ของเขา
และ...พวกซอมบี้ก็ไม่ได้พลาดช่องโหว่วนี้
แคว้กกก!!
สัตว์ประหลาดอันเดดเข้ามาดึงโล่ออก สี่ตัวในนั้นจับมันเอาไว้พร้อมกัน ทหารคนนั้นกัดฟันแล้วพยายามยื้อเอาไว้อย่างสุดความสามารถ แต่ก็ตามที่คาดเอาไว้ เขาแค่คนเดียวมันไม่พอหรอก
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่โล่จะถูกดึงออกไปจากมือของเขานั้นเอง
“...หนองน้ำแห่งความตาย”
[พรวงกว้างถูกเปิดใช้งาน]
ทันใดนั้น มือของซอมบี้ที่จับโล่เอาไว้อยู่ก็เริ่มละลาย
แคว้ก?
ซอมบี้พวกนี้ถอยกลับไปอย่างกล้าๆกลัวๆ พวกมันจ้องไปที่แขนของตัวเองซึ่งถูกละลายไปจนถึงต้นแขน จากนั้นก็มองกลับไปที่ทหารคนนั้น
มนุษย์ที่เกือบจะถึงที่ตายเริ่มเปล่งแสงสดใสออกมา ไหล่ที่ฉีกขาดของเขาปูดขึ้นแล้วระเบิด มันคือภาพของอาการที่ตามมาหลังจากที่พลังศักดิ์สิทธิ์แทรกแซงพลังมารที่พยายามบุกเข้าไปในร่างกายของคนๆนึง
หลังจากนั้นไม่นาน ส่วนของร่างกายที่เป็นร่องลึกก็ถูกเติมเต็มด้วยกล้ามเนื้อ และชั้นผิวหนังที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วเหมือนกับหนวดที่กำลังเต้นระบำ หลังจากนั้นผิวหนังใหม่ก็ปกคลุมทั้งหมดในทันที
ทั้งหมดนี้มันอะไรกัน?
เหตุการณ์ที่คล้ายๆกันนี้กำลังเกิดขึ้นกับทหารคนอื่นๆด้วยเหมือนกัน
บาดแผลที่เกิดขึ้นตามร่างกายของพวกเขาในขณะที่ฝืนรักษาแนวป้องกันเอาไว้ได้รับการรักษาด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ความเหนื่อยล้าของพวกเขาเองก็ถูกขจัดออกไปในเวลาไม่นาน จากนั้น แสงสดใสก็เปล่งออกมาจากโล่ ดาบ และชุดเกราะ
“...!!”
จิตใจที่หวั่นไหวของพวกเขาได้รับการฟื้นฟูในทันที
ทหารที่เกือบตายไม่สามารถทำความเข้าใจกับสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นได้และทำได้แค่ยืนงงอยู่เฉยๆ ทันใดนั้นเอง เขาก็สังเกตเห็นว่ากูลตัวนึงกำลังเหวี่ยงกรงเล็บมาใส่เขาซึ่งเขาก็ได้ยกโล่ขึ้นมาป้องกันเป็นการตอบสนอง
กรงเล็บปะทะเข้ากับโล่ และมันก็กระเด็นออกไปก่อนที่จะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
หืมม??
คนที่สับสนไม่ใช่กูล แต่เป็นทหารแทน
“น..นี่ฉันกันมันได้หรอ??”