ตอนที่ 136 ฝูงสัตว์น้ำกลายพันธุ์ 4
ตอนที่ 136 ฝูงสัตว์น้ำกลายพันธุ์ 4
เต่ายักษ์ฉีกเนื้อตรงหัวของปูยักษ์ ออกมาเคี้ยวดัง กรวบ ๆ กลืนลงท้องไป ร่างของปูตัวใหญ่ที่โดนทั้งไนเรลกระทืบและเผาดวงตาทิ้ง ตอนนี้มันยังโดนกัดกินทั้งเป็นจากเต่ายักษ์ที่มีระดับต่ำกว่าอีก
ต่อให้มันไม่ตายทันที แต่ก็คงอีกไม่นาน ปูยักษ์ขนาดใหญ่ยักษ์ตัวนี้เมื่อมันกำลังจะตายจึงปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา
ร่างขนาดใหญ่พังทลายทุกสิ่งรอบตัว แม้แต่ปูกลายพันธุ์ระดับต่ำก็พากกันโดนลูกหลงเหยียบตายไป กล้ามขนาดใหญ่ของมันจับรอบ ๆ อย่างมั่วซั่ว แต่ไม่รู้เพราะโชคดีของปูยักษ์หรือโชยร้ายของเต่ายักษ์กันแน่
กล้ามของปูหนีบเข้าไปที่ขาของเต่ายักษ์ที่โผล่ออกมานอกกระดองอย่างรุนแรง แรงหนีบยังคงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนส่งผลให้ขาของเต่าโดนหนีบจนขาด
เต่ายักษ์ร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดร่างกายสั่นเทา พยายามจะดิ้นออกจากกล้ามที่หนีบอยู่
ไนเรลที่หลบไปมาจากการโจมตีมั่ว ๆ ของปูยักษ์ก็ต้องหันไปรับมือกับปูกลายพันธุ์ระดับ 4 ที่ไม่รู้ไปเอาความกล้าที่ไหนมาพากันโจมตีเขา
เขายกเท้ากวาดลูกแตะออกไปเพียงครั้งเดียวปูยักษ์ระดับ 4 ร่างระเบิดไปพร้อมกับกระดองที่พวกมันภูมิใจว่าแข็งทนทาน
ขณะที่ยังคงจับตาดูเต่ายักษ์ที่ดิ้นลนด้วยความเจ็บปวด ไนเรลยังคงสังหารปูยักษ์ที่วิ่งเข้ามาตายต่อโดยใช้ความสามารถ [เพลิง A] ในทุก ๆ การโจมตีเสริมเข้าไป
และแล้วโอกาสในการฆ่าเต่ายักษ์ก็มาถึง เมื่อร่างของปูยักษ์ระดับ 5 ล้มลงตาย เหลือเพียงเต่ายักษ์ แต่ก่อนที่จะตายปูยักษ์ก็สามารถฉีกขาขวาของเต่าหนังเหนียวออกจากกันได้สำเร็จ
สร้างความเสียหายให้กับเต่ายักษ์อย่างรุนแรง เต่ายักษ์ที่เหลือเพียงสามขาพยายามคลานไปที่รางวัลของมัน แต่ดูเหมือนมันจะลืมอะไรไปอย่างนั้นก็คือไนเรล
ไนเรลเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วหาเต่าขนาด 100 เมตร มันมองไนเรลด้วยความตกใจพยายามใช้ปากที่หน้ากลัวจูโจมสายฟ้าแลบกัดไนเรล แต่ไนเรลเร็วกว่าสามารถหลบได้ของสบาย ทำให้ปากของเต่ากัดไปที่ตัวอาคารแถวนั้น
ขณะที่เต่ายักษ์คิดจะดึงคอกลับมาเพื่อเตรียมจะโจมตีอีกครั้ง ไนเรลก็ประชิดตัวมันแล้ว ร่างของไนเรลที่ขยายใหญ่ด้วยความสามารถ [กิ้งก่ายักษ์ B] นี่เป็นอีกครั้งที่เขาใช้ความสามารถนี้กัดไปที่คอของเต่าซึ่งกำลังหดกลับ
ในใจพลางคิดไปว่า ไม่ได้มีแค่แกที่สามารถกัดได้ตัวเดียว ฟันที่เหมือนใบมีดโกนจำนวนมากเฉือดเฉือนเนื้อที่เหนี่ยวเป็นพิเศษของมันไปมาสร้างความเจ็บปวดจนเต่ายักษ์ใช้ขาที่เหลือสามข้างดึงตัวถอยหลังด้วยความกลัว
ถึงกระดองของเต่าจะแข็งแกร่งทนทานสักแค่ไหน แต่เขาไม่ได้โจมตีกระดองเต่าของมันโดยตรง กระดองที่เป็นสุดยอดของป้องกันก็กลายเป็นของไร้ค่าในทันที
ตอนนี้เกิดการยื้อแย่งขึ้นอีกครั้ง แต่มันกลับเปลี่ยนจากแย่งซากปลากลายเป็นหะวของเต่ายักษ์แทน ไนเรลเชือดเฉือนไปมาด้วยฟันและยังมีกรงเล็บของกิ่งก่ายักษ์ที่คมกริบโจมตีไปที่คอยาว ๆ ของมันอย่างต่อเนื่อง
ในแววตาของเต่ายักษ์มันเต็มไปด้วยความกลัว แต่ก็สายไปแล้วเพราะตอนนี้ทั้งแต่คอของมันจนถึงหัวฉีกออกแยกตัวจากระดองเต่าและลำตัวของมัน
เริ่มจากผิวหนังจากนั้นก็เนื้อและกระดูกสุดท้ายก็เส้นเอ็นที่ยืดยาวแยกออก เลือดที่แสนล้ำค่าของมันพุ่งออกมาราวกับสายยางที่มีคนเปิดน้ำทิ้งไว้ไม่มีผิด
ส่วนคอที่อยู่ภายในปากของไนเรลก็เด็นไปกองกับซากปูที่เต่ายักษ์ฆ่าตายไป ตอนนี้มีซากของสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 5 จำนวน 3 ตัวนอนตายกันอยู่ที่เขตอุตสาหกรรม
ในตอนแรกก็เป็นปลาซักเกอร์กลายพันธุ์ระดับ 5 ที่ลอบโจมตีไนเรลตกตายไปตั้งแต่แม่น้ำ ต่อมาก็เป็นปูยักษ์กลายพันะดับ 5 อีกเช่นกันที่พยายามยื้อแย่งซากสัตว์ระดับ 5 กับเขาซึ่งมันก็โดนเต่าระดับ 5 ฆ่าตาย
แต่เต่ายักษ์ที่มีนิสัยชอบแย่งเหยื่อคนอื่น ๆ ก็คงไม่คิดว่าจะมาตายโดยน้ำมือของไนเรลแบบนี้เช่นกัน
สุดท้ายแล้วผู้ชนะก็ยังคงเป็นไนเรล ซึ่งมันถูกกำหนดไว้แล้ว เพราะใครใช้ให้พวกมันมาแยกเหยื่อจากเขากัน
ไนเรลยังคงไม่คืนร่างกลับเป็นคน แต่เลือกที่จะบินขึ้นท้องฟ้าท่ามกลางสายฝนและทำตัวเป็นดั่งมังกรไฟในตำนานอ้าปากแผดเผาสิ่งมีชีวิตเบื้องล่างหรือก็คือพวกปูกลายพันธุ์ระดับต่ำที่ยังคงไม่ถอยกลับลงไปในแม่น้ำ แม้ว่าปูยักษ์ระดับ 5 ตายแล้วก็ตาม
เปลวไฟสุดกำลังของไนเรลรุนแรงมากจนน้ำฝนยังต้องระเหยกลายเป็นไอ ส่งผลให้ปูที่ไม่โดนเผาจนเป็นขี้เถ้าก็โดนต้มด้วยน้ำเดือด ๆ จนสุกเปลี่ยนจากสีดำของกระดองปูเป็นสีส้ม
ในใจของเขามองไปภาพตรงหน้าแล้วก็คิดว่า แม้พวกมันจะเป็นสัตว์กลายพันธุ์กันแล้ว แต่พอทำให้สุกก็ยังคงไม่ต่างจากปูธรรมดา
ไนเรลสังหารเข่นฆ่าตั้งแต่เขตย่านอุตสาหกรรมไปจนถึงเขตการค้าบริเวณลานกว้างติดแม้น้ำที่มีต้นกาบหอยแครงปีศาจจับปูพันกันไปมาอย่างเมามัน
ถึงจะรู้ว่ามีต้นกาบหอยแครงปีศาจอยู่ด้านล่าง แต่ไนเรลก็ไม่ได้หยุดเผาพวกมันไปพร้อม ๆ กับปูยักษ์พวกนี้ เพราะไนเรลรู้ดีว่าต้นกาบหอยแครงปีศาจนั้นสามารถทนไฟที่ออกมาจากเขาได้ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
ทางด้านของคูเปอร์และกองกำลังทั้งหมดเมื่อเห็นว่าสิ่งมีชีวิตที่เหมือนจะเป็นทั้งกิ้งก่ามีปีก หรือมังกรนั้นกำลังฆ่าปูยักษ์อย่างเมามันจนพวกมันเริ่มวิ่งหนีกันกระเจิง พวกมันก็โห่ร้องด้วยความยินดี
พากันเก็บกวาดสังหารปูยักษ์ที่แตกกระจายกันออกไปด้วยความคับแค้นใจที่ต้องตั้งรับมาตลอดการบุกของพวกมัน
โดยเฉพาะกองกำลังหมาป่าที่ถนัดในการไล่ล่าอยู่แล้ว เมื่อโอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้วพวกมันก็ตรงเข้าหาเหยื่อกันอย่างเต็มที่
ไนเรลเมื่อเห็นว่าจัดการปัญหาส่วนใหญ่แล้วเขาก็คืนร่างกลับเป็นมนุษย์ พร้อมกันนั้นเขายังคงประกาศออกไปอีกว่า
“แก่นพลังงานที่ใครหามาได้ก็จะเป็นของคนนั้น” นั้นยิ่งทำให้พวกเลือดร้อนยิ่งเลือดลมฉูบฉีดกันเข้าไปอีก
ตอนนี้ในสายตาของทุกคนพวกปูกลายพันธุ์พวกนี้ก็เหมือนกล่องสุ่มที่ข้างในมีแก่นพลังงานเป็นรางวัล และที่สำคัญมันฟรีด้วย เพียงแค่ใครอยากได้ก็สามารถไปเก็บกลับมาได้ด้วยตัวเอง แล้วแบบนี้ใครบ้างที่ไม่อยากได้
การล่าของพวกเขายังคงดำเนินไปจนถึงเช้า กองกำลังทั้งหมดก็กลับมารวมตัวกัน ไนเรลแจ้งให้ผู้นำกองกำลังทั้งหมดบอกคนของตัวเองให้ไปพักผ่อนหนึ่งวันแล้วค่อยกลับมารวมกันอีกครั้ง
ถึงพวกทหารในกองกำลังทั้ง 3 จะได้หยุดพัก แต่คนที่รับผิดชอบทั้ง 5 อย่างคูเปอร์ โลแกน แอมเบอร์ เฒ่าไมเคิลและอลิสซ่านั้นยังไม่ได้พัก เพราะไนเรลให้พวกเขาหาคนที่ยังคงพอไหวอยู่ ออกไปสำรวจดูความเสียหาย
พร้อมกันนั้นก็ให้พาเจ้าหน้าที่ไปด้วย ไนเรลยังคงติดต่อไปที่สมาพันธุ์นักล่าเมืองย่อย 101 ว่าให้รีบส่งกำลังคนมาช่วยเหลือ เพราะตอนนี้แผนทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว
ในขณะเดียวกันคนงานราว ๆ หมื่นกว่าที่ปกติทำงานขนย้ายซากศพ ก็เปลี่ยนมาเป็นขนย้ายซากปูและสัตว์กลายพันธุ์ตัวอื่น ๆ แทน
หลังจากนั้นหนึ่งวันความเสียหายทั้งหมดก็สรุปออกมาว่ามีคนทั้ง 4 กองกำลังตายรวมกันประมาณ 100 คน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น้อยมากในความคิดของไนเรล แต่สำหรับคนอื่น ๆ นั้นกลับคิดว่ามันมากนัก เพราะทั้ง 100 คนนั้นเป็นมนุษย์ชั้นสูง
คนที่ตายส่วนใหญ่เป็นกองกำลังพยัคฆ์และลองลงมากองกำลังหมาป่า ส่วนทางด้านของเมืองนั้นความเสียหายไม่ต้องพูดถึงโดยเฉพาะตรงเขตอุตสาหกรรมที่มีสภาพเป็นเศษซากเลยก็ว่าได้ แต่ก็มีเรื่องดี ๆ อยู่นั้นก็คือซอมบี้ในเขตนั้นโดนพวกสัตว์กลายพันธุ์กินไปหมดแล้ว
นั้นทำให้ไนเรลสั่งให้พวกเขาพากองกำลังพยัคครึ่งหนึ่งไปช่วยกองกำลังหมาป่าฆ่าซอมบี้ในเขตอาศัย ส่วนที่เหลือให้มาช่วยกันขนย้ายซากของสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 5 ทั้ง 3
มันถือว่าเป็นงานที่ยากมากในการจัดการกับเนื้อกองเป็นภูเขาทั้ง 3 ตัว แต่พอดีขณะที่เขากำลังกลุ่มใจ ตาเดียวและกลุ่มของชารอนก็มาถึง
ไนเรลที่นั่งอยู่ในห้องทำงานชั่วคราวของเขากำลังต้อนรับคนทั้ง 10 อยู่
เมื่อพวกเขาเห็นไนเรลก็รีบทำความเคารพกันทันที ในตอนที่แยกจากกันที่คฤหาสน์ตระกูลอาโรเดียก็คิดว่าคงยากที่จะมารวมกันแบบนี้
“ท่านไนเรล”
ทุกคนทักทายเป็นเสียงเดียวกันไนเรลก็หยักหน้าใช้อย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็ปรึกษาชารอนเรื่องการถนอมอาหาร
ที่เขาต้องคุยเรื่องนี้ เพราะเนื้อสัตว์กลายพันธุ์จำนวนมากที่ต่อให้กินกันทุกมื้อไปเป็นเดือนก็ยากที่จะหมด ชารอนจึงเสนอให้ไนเรลเอาเนื้อพวกมันทำเป็นเนื้อกระป๋อง
ไนเรลได้ยินก็คิดว่าดีเหมือนกัน เพราะในเขตอุตสาหกรรมถึงเมืองจะพังเสียหายไปเยอะ แต่ก็พอมีหลายโรงงานที่รอดมาได้ และหนึ่งในนั้นก็คือโรงงานเนื้อกระป๋อง ดังนั้นจึงให้เธอรับงานนี้ไป โดยมีเจ้าหน้าที่สมาพันธุ์นักล่ามาช่วยเหลือ
หลังจากที่คุยเรื่องนี้เสร็จไนเรลก็มาเรื่องต่อไปนั้นก็คือเรื่องผลยกระดับ เมื่อชารอนได้ยินก็ตาเป็นประกาย ด้วยความที่เธอเป็นนักวิจัยสาวอัศฉริยะดังนั้นจึงสนใจยายกระดับมาสักพักแล้ว ตั้งแต่ได้ยินว่ารัฐบาลมียายกระดับความสามารถ
ชารอนรีบคว้ากล่องที่ไนเรลหยิบออกมาให้เธอดูด้วยความสนใจ ไนเรลยังคงอธิบายอยู่สักพักก็หันพูดกับตาเดียวผู้เงียบขึม
“ถ้านายยังไม่มีที่ไปงั้นก็มาคอยสั่งการกองกำลังผู้พิทักษ์สมาพันธ์ให้ฉันก่อนก็แล้วกัน”
ไนเรลคิดมาสักพักแล้วว่ากองกำลังผู้พิทักษืสมาพันธ์ก็ควรจะมีคนมาคอยสั่งการ จะให้โยนหน้าที่ให้เซนก็ไม่ได้ ตัวเอาเองก็ไม่ว่างจะมาดูแล ดังนั้นคนที่เหมาะสมเท่าที่เขาคิดได้คือ ตาเดียว
ตาเดียวไม่ได้ปฏิเสธพยักหน้าตอบรับ พร้อมกันนั้นไนเรลยังคงส่งขวดที่ภายในบรรจุโลหิตแห่งชีวิตให้กับตาเดียวจำนวนหนึ่ง
“กินพวกมันแล้วตั้งตาและลิ้นนายจะกลับมาใช้งานได้รอยเปอร์เซ็นต์ ถึงอย่างไรจะควบคุมกองกำลังผู้พิทักษ์นายก็ต้องสื่อสารกับพวกมัน”
ตาเดียวพยักหน้า ยืนมือไปหยิบจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
“เวสลี่”
ไนเรลพูดออก
“เออ ท่านไนเรลมีอะไรใช้ฉันช่วย” เสียงตอบกลับของหญิงสาวที่อยู่ในกลุ่มโนเนทดังขึ้นมาด้วยความตกใจไม่คิดว่าอยู่ ๆ ไนเรลจะเรียกชื่อตนเอง เธอแต่งตัวธรรมดาที่คอมีกระรอกเกราะอยู่ตัวหนึ่ง
เธอคือเวสลี่ หนึ่งในกลุ่มโนเนทที่มีความสามารถ [เสียงแห่งสัตว์ป่า F] ความสามารถที่ใช้สื่อสารกับสัตว์ป่า
“เธอสื่อสารกับสัตว์กลายพันธุ์ได้ถึงระดับไหนแล้ว”
“ระดับ 2”
“แค่ระดับสอง”
“ใช่ค่ะ”
“ระดับพลังของเธอคือระดับสีเทาสินะ ถ้าเลือนไปเป็นระดับน้ำตาลเธอคิดว่าจะสามารถสื่อสารกับพวกสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 3 ได้ไหม”
“เออ...เรื่องนั้นก็น่าจะได้อยู่”
“เยี่ยม ถ้างั้นเธอไปเบิกแก่นพลังงานระดับ 3 จำนวน 20 ชิ้นได้เลย รีบเลื่อนระดับพลังในหนึ่งเดือน ส่วนชารอนยายกระดับถ้าทำเสร็จแล้วขวดแรกให้กับเวสลี่ใช้ก่อนเลย”
ประโยคแรกแน่นอนว่าไนเรลพูดกับเวสลี่ ส่วนประโยคหลังไนเรลพูดกับชารอน หลายคนแปลกใจที่ไนเรลบอกให้ชารอนนำยามาให้กับเวสลี่ก่อน
การที่ไนเรลทำแบบนี้แน่นอนว่ามีเหตุผล เพราะต่อไปพลังของเวสลี่จะช่วยพวกเขาโดยเฉพาะในเรื่องการเดินทางได้อย่างมหาศาล