WS บทที่ 31 ดินแดน PART 1
*ครึ่ก ครึ่ก*
ตอนนี้เมอร์ลินนั่งอยู่ในรถม้า เขานั่งตะแคงเล็กน้อยเพื่อปรับตัวตามแรงโคลงเคลงของรถม้า ในระหว่างที่เมอร์ลินนั่งอยู่เฉย ๆ นั้น เขาก็กำลังทำสมาธิไปด้วย
การทำสมาธินี้สามารถทำได้อย่างอิสระและทำได้ทุกที่ทุกเวลา
เมอร์ลินต้องการสร้างโครงสร้างเวทมนต์อันที่สองในจิตใต้สำนึกของเขาให้เร็วที่สุดซึ่งการจะทำแบบนั้นเขาจำเป็นต้องมีพลังจิตที่มากพอที่จะสองรับคาถาที่สองได้และวิธีเดียวที่จะเพิ่มพลังจิตได้นั้นก็คือการนั่งทำสมาธิ
*กึก กึก*
*พึ่บ*
“คุณชายเมอร์ลินครับ ตอนนี้ถึงที่หมายแล้ว” มอสส์กล่าวด้วยเสียงเบา ๆ
เมื่อเสียงได้ยินของมอสส์ เมอร์ลินได้ลืมตาขึ้นและประตูรถม้าออก จากนั้นก็กระโดดออกไป
นี่เป็นวันที่สามแล้วที่เมอร์ลินมาเรียนชั้นเรียนมารยาท ในช่วงสามวันที่ผ่านมานี้ที่จีอาได้หายตัว เริ่มทำให้คนเริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้ว
เมอร์ลินลอบสังเกตปฏิกิริยาจากรอบข้างอย่างใกล้ชิดเพราะเขาไม่รู้ว่าความสงสัยเหล่านั้นจะมาถึงเขาเมื่อไหร่ หากมาถึงเขาจำเป็นต้องรับมือให้ดี
เมอร์ลินเดินขึ้นอาคารไปชั้นสอง วันนี้เป็นวันที่มีเรียนวิชาดนตรี
เมื่อไปถึงเขาเห็นกัตต์ที่นั่งอยู่บริเวณหน้าห้อง เขากำลังใช้นิ้วมือที่อวบอ้วนบรรเลงดนตรีจากออร์แกนอยู่
แม้ว่าเมอร์ลินจะไม่มีความรู้เรื่องดนตรีมากนักแต่เขาก็ไม่สามารถทนฟังเพลงที่กัตต์เล่นได้
‘นี่มันไม่ได้ดนตรีแต่การเคาะให้เกิดเสียงมากกว่า นิ้วมือของเขาเหมาะสำหรับดีดลูกคิดมากกว่ามาเล่นดนตรีแบบนี้’
นอกจากเมอร์ลินแล้วก็ยังมีคนอื่น ๆ ทนฟังเสียงที่ทรมานนี้ไม่ได้เช่นกัน พวกเขาก่นด่าและบอกให้กัตต์เลิกเล่นเพลงซะที
แต่เจ้าอ้วนหาได้สนใจไม่ เขาได้บรรเลงต่อไป
ในระหว่างที่กัตต์กำลังเล่นออร์แกนอยู่นั้น เขาก็ได้เห็นเมอร์ลิน เขาได้ผุดลุกขึ้นและมาหาเมอร์ลินด้วยความร่าเริง เขาตบบ่าของเมอร์ลินและทักมายอย่างสบาย ๆ
“ไง เมอร์ลิน วันนี้นายก็มาเข้าเรียนตรงเวลานะ ฮี่ ๆ แปลกจังเลย ปกติไม่ค่อยเข้าเรียนนี่หรือว่าที่นายมาเรียนบ่อยเพราะอาจารย์จีอา” กัตต์กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ซุกซน
เมอร์ลินค่อนข่างเคยชินกับท่าทีตลกของกัตต์อยู่แล้ว เขาจึงไม่ว่าอะไรเขา
“ใช่แล้วกัตต์ นายเนี่ยรู้ใจฉันจริง ๆ ว่าแต่นายรู้มั้ยว่าอาจารย์จีอาไปไหน ฉันไม่เห็นอาจารย์เลยในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา”
กัตต์ส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน นายก็รู้ว่าอาจารย์จีอาลึกลับขนาดไหน ขนาดที่พักอาศัยของเธอยังไม่มีใครรู้เลย พออาจารย์หายตัวไปแบบนี้ พวกผู้ใหญ่ก็ไม่รู้จะตามตัวเธอยังไง
แต่ยังไงก็เถอะ ฉันได้ข่าวมาว่าตอนนี้มีอาจารย์สอนประวัติศาสตร์คนใหม่แล้วและจะมาสอนพวกเราในวันพรุ่งนี้ บางทีนะอาจารย์คนใหม่อาจจะทรงเสน่ห์และเย้ายวนมากกว่าอาจารย์จีอาก็เป็นได้”
เมอร์ลินไม่ได้ถามอะไรกัตต์เพิ่มเติม เขาลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่จีอาที่ถูกส่งตัวมาจากอาณาจักรแบล็กมูนมาเป็นสายลับนั้น ข้อมูลต่าง ๆ ของเธอเลยถูกปกปิดไว้อย่างดีจึงไม่มีใครสามารถสืบประวัติเธอได้
การที่เธอหายตัวไปแล้วไม่มีใครสามารถตามหาเธอได้แบบนี้ ถือว่าเป็นโชคดีอย่างมากของเมอร์ลิน เขาก็ได้แต่หวังว่าเมื่ออาจารย์คนใหม่เข้ามาคนอื่น ๆ จะค่อย ๆ ลืมเรื่องของจีอาไป
“จริงสิเมอร์ลิน นายต้องระวังทีรอธไว้ให้ดี ๆ นะ นับตั้งแต่ที่เขาถูกอาจารย์จีอาปฏิเสธคำเชิญไปงานวันเกิดของเขาอย่างไร้เยื่อใย เขาก็ไม่มาที่นี่อีกเลย คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างเขาคงไม่มีทางปล่อยนายไว้ง่าย ๆ แน่” กัตต์เตือนเมอร์ลินด้วยความเป็นห่วง
“ได้ ฉันจะระวังตัว” เมอร์ลินพยักหน้า
สำหรับเขาแล้ว เรื่องของทีรอธนั้นเขาไม่ค่อนกังวลเท่าไหร่นัก ในตอนนี้ เขากังวลเรื่องของพลังจิตมากกว่า เพื่อที่จะสามารถเพิ่มคาถาที่สองได้ เขาอยากจะได้พลังจิตเพิ่มขึ้นไว ๆ
...
หลังจากที่เมอร์ลินเรียนเสร็จ เขาก็ตรงกลับปราสาททันที เมื่อรถม้าถึงที่หมายเขาก็ตรงไปห้องนอนอย่างรวดเร็ว
ทุกวันนี้นอกจาหเวลากิน เวลานอนแล้ว เขาก็เอาเวลาที่เหลือไปให้กับการทำสมาธิเพื่อเพิ่มพลังจิต
การทำสมาธินั้นจำเป็นต้องทำให้ขณะที่มีสติอยู้ท่านั้น ไม่สามารถทำให้ตอนหลับได้
ถ้าหากเขาสามารถทำตอนหลับได้ พลังจิตของเขาคงจะพุ่งกระฉูดมากกว่านี้แน่นอน
ในระหว่างที่เมอร์กำลังเตรียมตัวทำสมาธินั้น จู่ ๆ พ่อบ้านได้เคาะประตูและพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“คุณชายเมอร์ลินครับ ตอนนี้มีอัศวินของกองกำลังป้องกันเมือนสองนายมารอยู่ข้างนอก พวกเขาต้องการพบท่านบารอนเพื่ออ่านคำสั่งจากทางคาสเทลแลนครับ”
“อัศวินจากกองกำลังป้องกันเมืองมาที่นี่งั้นเหรอ”
เมอร์ขมวดคิ้ว เขารู้สึกไม่ค่อยต่อพวกกองกำลังป้องกันเมืองเท่าไหร่นัก เนิ่งจากครั้งล่าสุดที่เขาเจอ พวกเขาได้พาตัวเขาไปหานักรบศักดิ์สิทธิ์เพื่อไปสอบปากคำ ในตอนนั้นเขาไปเผชิญหน้ากับพ่อมดเจสันที่สุดแสนจะอันตราย
โชคดีที่ผลการไต่สวนเป้นไปได้ด้วยดี ทำให้เขารอดจากภัยอันตรายได้
“ให้พวกเขาเข้ามา” เมอร์ลินกล่าวอย่างเย็นชา
แม้ว่าเมอร์ลินจะไม่พอใจกับพวกกองกำลังป้องกันเมืองยังไงแต่พวกเขาก็ถูกส่งมาโดยคาสเทลแลนดังนั้นเขาไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะยังผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองแบล็กวอเตอร์ก็เป็นตระกูลคาสเทลแลน
ในไม่ช้าอัศวินร่างสูงใหญ่สองนายที่สวมชุดเกราะสีเงินได้เดินเข้ามาให้ห้องโถง
หลังจากที่พ่อบ้านได้แนะนำให้พวกเขารู้จักกับเมอร์ลิน พวกเขาก็ได้โค้งลงเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยความเคารพว่า
“คุณชายเมอร์ลิน พวกเรามาที่นี่ตามคำสั่งของท่านบารอนคาสเทลแลนผู้ทรงเกียรติ ทางเราต้องการจะมาแจ้งให้ท่านบารอนวิลสันทราบว่า ทางคาสเทลแลนต้องการนำเชิญท่านบารอนวิลสันมาที่คฤหาสน์เพื่อมาหารือกับขุนนางท่านอื่น ๆ ในเรื่องการรับมือปัญหากลุ่มโจรที่ระบาดหนักในช่วงนี้”
เมอร์ลินพอจะรู้มาว่าที่รอบ ๆ เมืองแบล็กวอเตอร์มีกลุ่มโจรปรากฏขึ้นจำนวนมาก พวกเขาได้ทำการบุกปล้นสะดมเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่รอบเมือง
แม้จะมีการระดมกำลังของกองกำลังป้องกันเมืองแต่ไม่สามารถกำจัดปัญหานี้ได้
นอกจากนี้ดูเหมือนเลห์แมนได้ปะทะกับกลุ่มโจรเล็ก ๆ ในระหว่างเดินทางไปเก็บภาษีในดินแดนของเขาด้วย ในตอนนั้นเขาถึงกับส่งทหารในสังกัดมาปกป้องปราสาทเลย
เมื่อพวกโจรที่เป็นภัยคุกคามของเมืองแบล็กวอเตอร์ ยังไม่สามารถจัดหารให้คลี่คลายได้ดังนั้นทางตระกูลใหญ่อย่างคาสเทลแลนจึงจำเป็นต้องระดมขุนนางทั้งหมดเพื่อต่อสู้กับพวกโจรเหล่านั้น
“เข้าใจแล้ว ฉันจะแจ้งให้ท่านพ่อทราบให้เร็วที่สุด”
จากนั้นเมอร์ลินก็ได้โบกมือหพ่อบ้านไปส่งอัศวินทั้งสองให้กลับไป
เมื่อพ่อบ้านพวกอัศวินไปเสร็จแล้ว เขาก็กลับมาพูดกับเมอร์ลินว่า
“คุณชายเมือร์ลินครับ เดี๋ยวผมจะจัดการส่งคนให้ไปแจ้งให้ท่านบารอนเดี๋ยวนี้เลยครับ”
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินได้ยกมือห้ามและพูดอย่างใจเย็นว่า “ไม่จำเป็น ฉันจะเป็นคนที่ดินแดนของท่านพ่อและแจ้งให้ท่านพ่อทราบเอง”
“แต่ว่า คุณชายเมอร์ลินที่นอกเมืองตอนนี้ไม่ปลอดภัย”
พ่อบ้านได้คัดค้านของมาทันที เขาเกรงว่าเมอร์ลินอาจพบเจอกลุ่มโจรระหว่างทาง เขากลัวว่าคุณชายของเขาอาจต้องตายก่อนวันอันควร
“เราสามารถส่งอัศวินมาปกป้องฉันได้ แม้ว่าในปราสาทจะไม่มีอัศวินเกราะเหล็กของท่านพ่อแต่เราก็มีอัศวินจำนวนหนึ่ง พวกเขาสามารถปกป้องคุ้มครองฉันได้ เอาล่ะฉันได้ตัดสินใจไปแล้วและจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้เช้า”
เมอร์ลินอย่างจริงจังแน่วแน่ เขาตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ออกไปนอกเมืองแบล็กวอเตอร์ นับตั้งแต่เขาข้ามมายังโลกนี้เขายังไม่ได้ออกไปที่ไหนเลยนอกจากภายในเมืองนี้
เมื่อโอกาสมาอยู่ตรงหน้าอย่างนี้ เขาจะพลาดได้ยังไง
“ได้ครับคุณชาย ผมจะจัดการเตรียมการให้ครับ”
เมื่อพ่อบ้านเห็นว่าไม่สามารถห้ามปรามเมอร์ลินได้ เขาจึงลงไปชั้นล่างและจัดแจงเตรียมการตามคำสั่ง
ไม่ว่าอย่างไรความปลอดภัยของเมอร์ลินต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง แม้ตอนนี้จะไม่มีพลังของอัศวินเกราะเหล็กแต่ขบวนรถของเมอร์ลินต้องไม่อ่อนแอ เขาต้องเวลาพอสมควรในการคัดเลือกอัศวินที่จะมาทำหน้าที่อารักขาขบวน