ตอนที่แล้วSign in Buddha's palm 56 การกลับมาของจอมมาร สั่นสะเทือนยุทธภพ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 58 ไม่มี

Sign in Buddha's palm 57 บุกวัดเส้าหลิน สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหน?


Sign in Buddha's palm 57 บุกวัดเส้าหลิน สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหน?

ตูม ตูม ตูม!

เสียงของหัวใจเต้นถี่แรง ทรงพลัง ส่งเสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ซูฉินนั่งไขว้ขาอยู่อย่างเงียบเชียบ เปลือกตาปิดอยู่ รัศมีโดยรอบระยะร้อยเมตรสภาพบรรยากาศผันผวนบิดเบี้ยวอยู่เล็กน้อย พลังงานหลายหลากต่างพุ่งเข้ามาบรรจบกัน

“ฟู่!”

ทันใดนั้นซูฉินก็สูดลมหายใจเข้าอย่างแรง พลังฟ้าดินในพื้นที่ต้องห้ามภูเขาด้านหลังต่างหลั่งไหลเข้ามา กลายเป็นสภาพเหมือนช่องมิติขนาดใหญ่ดูดกลืนพลังฉีเข้ามาในตัวเขาอย่างรวดเร็ว

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า

การเปลี่ยนแปลงที่สามารถสั่นคลอนโลกทั้งใบได้เกิดขึ้นภายในร่างของซูฉิน

ด้วยองค์ประกอบทั้งสาม คือ ร่างกาย จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ และกำลังภายใน รวมไปถึงอวัยวะภายใน เส้นเลือดทุกเส้นภายในร่างกายของซูฉินแปรสภาพไปอย่างรวดเร็ว

หากกล่าวว่ายอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งได้ก้าวข้ามคนธรรมดาไปสู่พลังชั้นสูงแล้ว สถานะของระดับ 'อรหันต์' นั้นเหนือหมู่มวลสรรพชีวิตโดยสิ้นเชิง

'อรหันต์' และระดับตำนานยุทธทั้งหลายนั้นเหนือไปกว่ามนุษย์โดยแท้จริง

“ระดับอรหันต์...”

“ในที่สุดก็มาถึงจนได้...”

ซูฉินค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา

รูม่านตาของเขาดำสนิท ลึกล้ำกว้างใหญ่ราวกับจักรวาลที่ประดับประดาไปด้วยหมู่ดาว

ซูฉินยืนขึ้นและมองไปที่มือทั้งสองข้าง

ในขณะนี้ร่างกายของเขาก้าวข้ามไปสู่อีกระดับหนึ่งโดยสมบูรณ์ สามารถดูดซับพลังแห่งฟ้าดินได้เองโดยธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องบริโภคอาหารเพื่อเติมเต็มพลังงาน

บรรลุสู่ความเป็นเซียนอมตะ อิ่มทิพย์เพียงสูดลมหายใจ

นอกจากนี้ซูฉินยังรู้สึกอีกว่า เพียงความคิด เขาสามารถควบคุมพลังฟ้าดินในระยะหลายลี้รอบตัว ท่วงท่าทุกย่างก้าวของเขาราวกับเป็นเนื้อเดียวไปกับพลังฟ้าดิน

ไม่ว่าจะเป็น 'อรหันต์' หรือตำนานยุทธ วิธีการต่อสู้ที่ทรงพลังที่สุดก็คือการใช้พลังฟ้าดิน

สำหรับยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง แม้จะเป็นขั้นสมบูรณ์ที่แปรสภาพครบสามครั้งแล้วก็ตาม พวกเขาก็ยังต้องหวาดกลัวต่อการใช้กลยุทธ์กลุ้มรุม หากถูกปิดล้อมด้วยกองทัพขนาดใหญ่นับล้านคน ยอดปรมาจารย์ก็คงไม่อาจทานทนได้เหมือนกัน

แน่นอนว่ายอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งคงไม่โง่เขลากระโดดเข้าไปในวงล้อมของกองทัพนับล้านคนหรอก

แต่ระดับ 'อรหันต์' นั้นต่างออกไป

ตัวตนระดับนี้ ยกเว้นไว้แต่เจอเข้ากับผู้แข็งแกร่งในระดับเดียวกัน แม้จะถูกปิดล้อมด้วยคนจำนวนมหาศาลก็ไม่มีอะไรต้องกลัว

“ผ่านไปสิบวันเลยหรือนี่?”

ซูฉินรู้สึกตัวและก็พอจะรู้ได้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วตั้งแต่เริ่มขั้นตอนการตัดผ่าน

เดิมทีซูฉินคิดว่าจะใช้เวลาแค่หนึ่งคืนเพื่อที่จะข้ามผ่านขอบเขตระดับพลัง แต่มิคิดว่ามันจะใช้เวลานานเพียงนี้

“ได้เวลาออกจากที่นี่แล้ว”

รัศมีพลังของซูฉินถูกสูบกลับเข้ามาภายในร่างกายทั้งหมด เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งก็ไม่เห็นความแตกต่างระหว่างตอนนี้กับตอนก่อนทะลวงระดับขั้นเลยแม้แต่น้อย

หลังจากไปถึงระดับ 'อรหันต์' ร่างกายของซูฉินก็มาถึงระดับที่ไม่เคยเอื้อมถึงมาก่อน

อย่างฉับไว

ซูฉินออกจากพื้นที่ต้องห้ามภูเขาด้านหลังและเข้ามาถึงทางเดินสีเขียวไม่ไกลจากลานจิปาถะเท่าใดนัก

“ฮะ?”

ซูฉินพบว่าบรรยากาศของวัดเส้าหลินในเวลานี้มีบางอย่างผิดปกติ

ใบหน้าของศิษย์วัดเส้าหลินที่เดินไปเดินมาต่างตื่นตระหนกราวกับพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตบางอย่าง

“พวกเราจะทำอย่างไรดี?”

“พรรคมารมาเยือนถึงหน้าประตูแล้ว ท่านเจ้าอาวาสจะสามารถหยุดยั้งมันได้หรือไม่?”

“ไม่ว่าจะหยุดยั้งมันได้หรือไม่ พวกเราวัดเส้าหลินเป็นพรรคที่ขึ้นชื่อเรื่องความเที่ยงธรรมที่สุด จะไปเกรงกลัวต่อพรรคมารได้อย่างไร?”

ศิษย์วัดเส้าหลินกล่าวกันเพียงไม่กี่คำก็รีบร้อนมุ่งหน้าไปยังโถงศาลาการประชุมใหญ่

“พรรคมาร?”

ซูฉินขมวดคิ้วและจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็แผ่กระจายออกไปทั่วทุกทิศราวกับคลื่นน้ำไหลหลาก

หลังจากที่ก้าวเข้าสู่ระดับ 'อรหันต์' จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉินก็ทรงพลังมากขึ้นไปหลายสิบเท่า แต่ก่อนนั้นมันสามารถครอบคลุมพื้นที่ได้เพียงหลายสิบเมตร แต่บัดนี้กลับครอบคลุมรัศมีเป็นแสนเมตรแล้ว

จากนั้นไม่นาน

ซูฉินถอนหายใจออกมาเบาๆ และเดินไปยังทิศทางของโถงศาลาการประชุมใหญ่

เพียงไม่นาน

ทันทีที่ซูฉินมาถึงโถงใหญ่ เขาก็ถูกหยุดโดยเจินชื่อพระภิกษุที่คอยตรวจตรา

“เจินกวน ทำไมข้าถึงไม่เห็นหน้าเจ้าเลยช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้”

เจินชื่อถามแบบไม่จริงจังอะไรมาก สายตาเขากลับจับจ้องไปที่ห้องโถงใหญ่

บริเวณโถงศาลาการประชุมใหญ่ตอนนี้ คนจากพรรคมารกำลังเผชิญหน้าอยู่กับศิษย์ของวัดเส้าหลิน

“ลาหัวโล้นเอ๋ย ถ้าเจ้ายอมจำนนต่อพรรคมารของข้าอย่างเชื่องเชื่อ ข้าอาจจะไว้ชีวิตพวกเจ้าก็ได้นะ”

ชายไว้หนวดเคราที่มีใบหน้าคล้ำหมองยิ้มเยาะออกมา

“เศษสวะพรรคมาร!!!” หัวหน้าตำหนักยุทธสงฆ์โกรธเกรี้ยวตะโกนออกมาลั่น

หัวหน้าตำหนักคนอื่นๆ ทุกคนดูเคร่งขรึม สายตาของพวกเขาสบเข้ากับชายที่สวมชุดคลุมสีดำ

ชายในชุดคลุมสีดำมีกลิ่นอายลึกล้ำ เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ทำให้ทุกคนหายใจติดขัดกันหมดแล้ว

“นะโม อมิตตาพุทธ จอมมาร เจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุอันใด”

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินกุมมือไว้ที่ด้านหน้าแล้วมองไปที่ชายชุดคลุมสีดำ

“หึ!”

สีหน้าเยาะเย้ยถากถางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจอมมารชุดดำ “ไอ้ลาหัวโล้นฮุ่ยเหวิน ข้ามีทางเลือกให้เจ้าเพียงแค่สองทาง ทางหนึ่งคือการยอมแพ้เสีย อีกทางหนึ่งคือทำลายวัดให้เหี้ยน”

เสียงของจอมมารในชุดคลุมสีดำไม่ได้ดังอะไร แต่มันกลับดังก้องอยู่ในหูของศิษย์วัดเส้าหลินทุกคน

ในทันใด

ศิษย์วัดเส้าหลินหลายต่อหลายคนพลันหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธเกรี้ยว

“นะโม อมิตตาพุทธ...”

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินก้าวย่างอย่างแผ่วเบา และไปยืนอยู่ด้านหน้าของทุกคน

ในฐานะสุดยอดพรรคแห่งยุทธภพ วัดเส้าหลินอยู่มาหลายพันปีแล้วจะเป็นไปได้เช่นไรที่จะยอมจำนนต่อพรรคมาร?

“เช่นนั้น พระผู้ต่ำต้อยผู้นี้คงต้องขอคำชี้แนะจากจอมมารแล้ว”

เมื่อเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินกล่าวเช่นนี้

สีหน้าท่าทางของหัวหน้าตำหนักคนอื่นๆ ต่างก็เปลี่ยนไป

มีข่าวลือมานมนานแล้วในทำเนียบยอดยุทธว่าจอมมารได้ก้าวเข้าสู่การเป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด

แม้ว่าเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินจะเป็นระดับชั้นที่หนึ่ง แต่ถ้าเขาต่อสู้กับระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุด ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คงจะจินตนาการได้ไม่ยาก

“เจ้าอาวาส ไม่ได้นะท่าน”

“ใช่ ท่านจะต้องไม่ตกไปในหลุมพรางของพรรคมาร...”

หัวหน้าตำหนักต่างรีบกล่าวอย่างร้อนรน

“ถ้าข้าไม่ก้าวลงไปยมโลก จะเป็นผู้ใดอีกเล่าที่จะก้าวเดินไปในทางเส้นนี้”

เจ้าอาวาสส่ายหัวเล็กน้อย

วันนี้ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในวัดเส้าหลินคือเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน หากเขาไม่ลุกขึ้นยืนหยัดสู้ ใครเล่าจะทำได้?

แม้ว่าจะยังมีบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในวัดเส้าหลิน แต่จนถึงขณะนี้ท่านก็ยังไม่ได้ปรากฏตัวออกมา ท่านอาจจะมีภาระบางอย่างอยู่

ในเวลานี้แม้เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินจะรู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจอมมาร แต่เขาก็ทำได้เพียงกัดฟันทน

“พวกมดปลวก”

จอมมารหัวเราะเยาะ ยกมือขวาขึ้นอย่างไม่อนาทรร้อนใจ

ทันใดนั้นพลังมารที่น่าสยดสยองก็พลุ่งพล่านออกมาคลุมตัวเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน

ปึง

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินถอยหลังไปสามก้าว จนก้าวสุดท้าย เลือดก็ถูกพ่นออกมา

เจ้าอาวาสของวัดเส้าหลินผู้เป็นยอดปรมาจารย์ ไม่แม้แต่จะทำให้จอมมารต้องเคลื่อนออกจากจุดเดิม

“ท่านเจ้าอาวาส”

“ท่านเจ้าอาวาส ท่านเป็นอะไรหรือไม่”

“จอมมารข้าจะขอสู้กับเจ้า”

เหล่าศิษย์วัดเส้าหลินจำนวนนับไม่ถ้วนรู้สึกเจ็บใจ และหัวหน้าตำหนักต่างเข้าไปดูแลเจ้าอาวาสก่อนเป็นอันดับแรก

“ไม่เป็นไร ก็แค่บาดเจ็บเท่านั้น...”

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินกล่าวด้วยเสียงสั่นเทาใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ

จอมมารน่าจะยั้งมือเอาไว้แล้วเมื่อครู่ ไม่เช่นนั้นต่อให้เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินจะรอดชีวิตมาได้ เขาก็ควรจะบาดเจ็บสาหัส ไม่ควรจะฝืนยืนอยู่ได้เหมือนในขณะนี้

“วัดเส้าหลินถึงคราวจบสิ้นแล้ว...”

เมื่อเห็นฉากนี้เข้า หัวหน้าตำหนักต่างรู้สึกหนาวเหน็บ

ตอนแรกพวกเขายังพอจะมีความหวังอันริบหรี่เหลืออยู่ในใจ โดยคิดไปว่าจอมมารอาจจะไม่ได้ไปถึงระดับนั้นตามข่าวลือที่ได้ฟังมา

หากเป็นเช่นนั้น วัดเส้าหลินยังพอมีโอกาสจะขับไล่พรรคมารกลับไป

แต่ยามนี้ ดูเหมือนว่า...

แม้แต่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินซึ่งเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งก็ไม่สามารถหยุดยั้งพลังฝีมือของฝ่ายตรงข้ามได้ ความแข็งแกร่งของจอมมารเกินกว่าที่วัดเส้าหลินจะรับมือได้ไหว

ในสถานการณ์เช่นนี้วัดเส้าหลินจะป้องกันการบุกรุกของพรรคมารได้เช่นไร?

“เป็นไปได้หรือไม่ที่วัดเส้าหลินอันมีประวัติยาวนานนับพันปีจะต้องมาสิ้นสุดลงตอนนี้”

เหล่าหัวหน้าตำหนักสะท้านสั่นภายในจิตใจ พวกเขาดูหมดหวัง

หลังจากที่เอาชนะเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียว จอมมารในชุดคลุมสีดำก็ไม่ได้สนใจเขาอีก

สำหรับมันแล้ว แม้แต่ยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดอย่างนักพรตเทียนเหลียนจากนิกายเทียนไถ่ก็ยังสังหารได้ นับประสาอะไรกับพระสงฆ์อย่างเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน?

จอมมารในชุดสีดำเดินออกไปทีละก้าวจนครบเก้าก้าว เงยหน้าขึ้นมองที่โถงศาลาการประชุมใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่จากนั้นจึงตะโกนว่า

“สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนาม!”

“ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ในวัดเส้าหลิน!”

คลื่นเสียงของยอดปรมาจารย์อย่างจอมมารในชุดคลุมสีดำ ก้องกังวานไปทั่วทั้งวิหาร ศิษย์วัดเส้าหลินทั้งหลายต่างหูอื้อไปตามๆ กัน วิญญาณเหมือนจะหลุดออกจากร่าง

“เจ้าสังหารสาวกพรรคมารของข้า และเกือบจะทำลายมรดกตกทอดของพรรคข้าจนสิ้น!”

“ข้าจะเพิกเฉยความอาฆาตนี้ไปได้เช่นไร? ตอนนี้ชีวิตความเป็นความตายของวัดเส้าหลินของเจ้าอยู่ในมือข้า ถ้าเจ้ายังไม่ยอมออกมาอีกข้าจะฆ่าศิษย์วัดเส้าหลินทุกคนด้วยน้ำมือข้าเองเสียให้หมด!”

หลังจากที่จอมมารชุดดำพูดจบ มันก็มองไปทั่วทุกที่ในวัดเส้าหลิน

สำหรับประมุขพรรคมารในชุดคลุมสีดำ ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เป้าหมายหลักของมันคือสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามแห่งวัดเส้าหลิน

สำหรับศิษย์คนอื่น หรือแม้กระทั่งยอดปรมาจารย์อย่างเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน มันก็ไม่ได้ใส่ใจนัก

“สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์...”

หัวใจของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินสั่นสะท้าน เขาไม่รู้ว่าบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์จะออกมาหรือไม่?

ด้วยพลังอำนาจของจอมมารในตอนนี้ บรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์จะเป็นคู่ต่อสู้ของมันได้หรือเปล่า?

กรณีที่บรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฝ่ายตรงข้าม น่ากลัวว่าวันนี้วัดเส้าหลินจะต้องถูกกวาดล้างไปจนหมดสิ้นเสียแล้ว

“สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์...”

ศิษย์ของวัดเส้าหลินทั้งหลายต่างหวังอยู่เล็กๆ ราวกับคนจมน้ำพยายามคว้าเชือกฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้ไม่ให้จมลงไป

อย่างไรก็ตาม

เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามตามที่จอมมารชุดคลุมสีดำได้เอ่ยปากออก ก็ไม่ปรากฏตัว

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

“สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ห่าอะไรวะ ด้วยอำนาจบารมีของท่านจอมมาร มันคงวิ่งหนีหางจุกตูดไปเสียนานแล้ว...”

รอยยิ้มหยามเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหล่าสาวกพรรคมาร

“มันกลัวข้าจริงๆ หรือ”

จอมมารชุดดำดูผิดหวัง

ตัวมันอุตส่าห์เดินทางออกจากทะเลทรายตะวันตก เพื่อมาหาสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามแห่งวัดเส้าหลิน จะได้ต่อสู้กันสร้างความกดดันที่ถึงแก่ชีวิต

แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะทำแบบนั้นไม่ได้เสียแล้ว

“ฉะนั้นวัดเส้าหลินก็ไม่จำเป็นต้องมีอยู่อีกต่อไป”

จอมมารส่ายหัวเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาดูเศร้าหมอง

เมื่อจอมมารกำลังจะสั่งการสังหารศิษย์วัดเส้าหลิน

ทันใดนั้น

เสียงที่สงบเรียบก็ดังขึ้น

“เจ้ามาหาข้าเพื่อแก้แค้นงั้นหรือ?”

ในเวลาต่อมา

ท่ามกลางสายตาอึ้งทึ่งของทุกคน

ภิกษุหนุ่มสวมจีวรสีเทาก็ค่อยๆ เดินออกมาจากฝูงชน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด