ตอนที่ 9 อาบน้ำ
เมื่อมือน้อย ๆ ของฮัวลี่ลี่ได้สัมผัสกับขวดนมเธอก็ดูดดื่มอย่างเมามัน โดยไม่ได้สนใจสายตาของบิดาตนเองที่กำลังยืนมองบุตรสาวอย่างเงียบ ๆ อยู่ข้างเตียงนอน ขณะฮัวซุ่ยเฉิงจ้องมองไปยังเด็กทารกน้อยด้วยสายตาอ่อนโยนแบบที่ไม่เคยทำกับผู้ใดมาก่อน
ส่วนฮัวลี่ลี่ที่กำลังนอนดูดขวดนมเกือบหมดก็ได้กลืนฟองนมที่เหลือแบบเต็มปากเต็มคำ ถึงกระนั้นก็ยังไม่อยากที่จะเอาจุกนมออกจากปากและยังคงดูดมันต่อไป
ทว่าครั้นฮัวซุ่ยเฉิงเห็นว่าบุตรสาวได้ดูดนมจากขวดจนหมดแล้ว เขาจึงคว้าเอาขวดนมออกจากปากน้อย ๆ ทันที
จากนั้นเธอรู้สึกว่าความหิวนั้นได้จางหายไป เเละทันใดนั้นฮัวลี่ลี่อารมณ์ดีขณะที่รู้สึกได้ว่าตนเองมีพลังงานมากขึ้นแบบไม่จำกัด ทำให้เธอมีแรงมากพอทีจะถีบเสื้อสูทที่พันร่างตัวเองออกได้
และเมื่อฮัวซุ่ยเฉิงเห็นคราบเปื้อนบนชุดสูทนั้น เขารีบแกะปมที่แขนเสื้อออกแล้วอุ้มบุตรสาวของตนเองขึ้นมาไว้ในอ้อมอกด้วยมือทั้งสองข้าง
ขณะที่ฮัวลี่ลี่รู้สึกขอบคุณบิดาของตนเอง เพราะในที่สุดเธอก็ถูกปลดปล่อยออกจากชุดสูทที่มีกลิ่นเหม็นแบบนี้สักที
พ่อช่วยเอาเสื้อสูทออกจากตัวหนูด้วย!
พ่อใจดีจังเลย!
หนูสัญญาว่าจะรักพ่อตลอดไป!
แต่แล้วเธอก็ขมวดคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยขณะที่ฮัวซุ่ยเฉิงอุ้มเธอเข้าไปในห้องน้ำและวางร่างอันบอบบางของเธอลงในอ่างอาบน้ำเด็ก
“โอ้โห้ ทำไมอ่างอาบน้ำมันใหญ่จังเลย”
“…” หัวใจของฮัวลี่ลี่เริ่มสั่นไหว
อาบน้ำเหรอ?
นี่พ่อจะอาบน้ำให้หนูจริง ๆ เหรอ?
เมื่อคิดได้ดังนั้นอารมณ์ของฮัวลี่ลี่เริ่มซับซ้อนมากขึ้น
แม้ว่าเธอจะอายุเพียงแค่สามเดือน แต่...
ในตอนนี้ฮัวซุ่ยเฉิงที่กำลังจะลูบน้ำไปที่แขนของเด็กทารก เขามองหน้าบุตรสาวพร้อมกับกล่าวว่า
"ไม่ชอบเหรอ?"
ตอนนี้เธอกับรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อจะมีคนมาอาบน้ำให้ ต่อมาฮัวซุ่ยเฉิงได้นำเจลอาบน้ำมาลูบไล้ที่ตัวบุตรสาวของเขาและนำเป็ดน้อยใส่ลงไปในอ่างอาบน้ำด้วย
ทำให้ในอ่างเต็มไปด้วยน้ำอุ่นที่มีฟองขนาดเล็กกับเป็ดสีเหลืองและทารกน้อยที่รูปร่างอวบอ้วน
อย่างไรก็ตามฮัวลี่ลี่เป็นคนเดียวที่ได้รับการปรนนิบัติอย่างดีโดยฮัวซุ่ยเฉิง เพราะตั้งแต่เกิดมาเขาได้รับการดูแลจากคนอื่นมาโดยตลอด
ในตอนนี้ลำตัวของฮัวลี่ลี่กำลังแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำ และกำลังรอให้บิดามาทำความสะอาดตัวของเธอ
จากนั้นหนึ่งนาทีต่อมาฮัวซุ่ยเฉิงมายืนอยู่ด้านข้างและมองดูบุตรสาวแช่น้ำอยู่สักครู่ก่อนจะยกร่างของเธอออกมา
อะไรวะ? อาบน้ำเสร็จแล้วหรอ?
จากนั้นฮัวลี่ลี่เฝ้าดูบิดาของตนนำผ้าขนหนูมาเช็ดให้แบบเบามือ
นี่! พ่อเช็ดตัวให้หนูทำไม? หนูยังไม่ได้ล้างตัวเลย?
ในหัวของฮัวลี่ลี่เต็มไปด้วยคำถามที่มากมายเต็มไปหมด
คนทั่วไปเวลาอาบน้ำเขาไม่ต้องล้างฟองสบู่ให้หมดก่อนเหรอ?
นี่พ่อใช้สบู่อาบน้ำเด็กยี่ห้ออะไร ทำไมถึงกลิ่นหอมจัง?
การอาบน้ำครั้งนี้มีกลิ่นหอมที่สุดเท่าที่เธอเคยสัมผัสมาเลย!
เมื่อบิดาเช็ดตัวฮัวลี่ลี่เสร็จ เขาอุ้มเด็กทารกน้อยกลับมานอนลงบนเตียงใหญ่อย่างนิ่มนวล ขณะที่ตอนนี้เด็กทารกน้อยรู้สึกสดชื่นและสบายตัวเป็นอย่างมาก
จากนั้นฮัวซุ่ยเฉิงทาแป้งให้บุตรสาวและหยิบชุดเด็กทั้งหมดออกมาจากถุงช้อปปิ้งจำนวนหนึ่งและพลิกดูทีละชุดด้วยอาการคิดหนัก
ต่อมาเขาได้เลือกจั๊มสูทแบบดูดีมาหนึ่งตัว แต่อันที่จริงแล้วมันค่อนข้างท้าทายในการสวมใส่สำหรับเขา ในจังหวะนั้นเด็กทารกน้อยกำลังมองดูบิดาของตนเองจับชุดและจ้องมองจั๊มสูทตัวนี้พลิกไปพลิกมาเป็นเวลาสิบนาทีก่อนจะสวมมันให้กับบุตรสาว
ขณะนี้ฮัวซุ่ยเฉิงจับเด็กทารกน้อยนอนลงกับเตียงเพื่อแต่งตัวให้กับฮัวลี่ลี่ โดยเขาพยายามดูแลเธออย่างดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้
เห็นได้ชัดว่าท่าทีของเขาในตอนนี้ช่างมีความแตกต่างจากฮัวซุ่ยเฉิงผู้มีอารมณ์เคร่งเครียดมาทั้งวัน และดูเหมือนว่าเขากำลังตั้งใจจะกางชุดจั๊มสูทบนเตียงพร้อมกับเอาแขนขาเล็ก ๆ ของเด็กทารกน้อยสวมเข้าไปในแขนและขาของเสื้อทั้งสี่ข้าง
ต่อมาบิดาติดกระดุมครบทุกเม็ดแล้ว แต่พบว่าในตอนนี้เขาสวมมันกลับหัว โดยเท้าของเธอซ่อนอยู่ในแขนเสื้อและมือของเธออยู่ที่ขากางเกง ขณะที่ฮัวซุยเฉิงจ้องมองเด็กทารกน้อยด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความสับสน
เรื่องเล็กน้อยแบบนี้เป็นเรื่องที่ท้าทายความอดทนของฮัวซุ่ยเฉิงอย่างมาก โดยเวลาในค่ำคืนนี้ได้หมดไปกับเรื่องของเด็กทารกน้อยที่แสนจะน่าเบื่อ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ทดสอบความสามารถของเขาอย่างแท้จริง
ฮัวลี่ลี่เพียงจ้องมองเขาอย่างไร้เดียงสา ขณะที่ฮัวซุ่ยเฉิงพยายามยับยั้งอารมณ์ของตนเองพลางปลดกระดุมทีละเม็ด และหลังจากถอดออกเขาก็หยิบผ้าอ้อมแล้วสวมให้เธอพร้อมกับใส่ชุดจั๊มสูทให้ถูกทาง
นับว่าโชคดีที่ฮัวลี่ลี่ประพฤติตัวได้ดีมาก โดยเธอไม่ร้องหรือส่งเสียงใด ๆ และให้ความร่วมมือตลอดกระบวนการ
หลังจากใส่ชุดจั๊มให้ทารกน้อยเสร็จแล้ว ฮัวซุ่ยเฉิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว หลังจากวันนี้วุ่นวายกันมาทั้งวัน เธอจึงรู้สึกเหนื่อยล้าและนอนหลับปุ๋ยไปในที่สุด
ตอนนี้ในบ้านของเขาไม่มีเตียงนอนเด็ก และคงไม่ปลอดภัยหากจะให้เด็กทารกน้อยนอนคนเดียวบนเตียงใหญ่ เนื่องจากเขากลัวว่าเธอจะกลิ้งตกลงมาบนพื้นหรือถูกผ้าห่มปิดปากับจมูกของเธอ และกลัวว่าจะช่วยบุตรสาวไม่ทัน
แต่เขาไม่ชอบนอนเตียงเดียวกับคนอื่น!
หลังจากครุ่นคิดสักพัก ต่อมาฮัวซุ่ยเฉิงอุ้มฮัวลี่ลี่ไปที่ห้องนอนใหญ่แล้ววางร่างเล็ก ๆ ของเธอลงบนเตียงนอนของเขา
ตอนนี้ฮัวซุ่ยเฉิงไม่รู้ว่าตนเองจะนอนในห้องนี้หรือจะไปนอนในห้องอื่นดี แต่ถึงอย่างไรเขาคงไม่กล้าทิ้งเด็กทารกน้อยให้นอนคนเดียว
และวันนี้เขาใช้ชีวิตอย่างเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ดังนั้นเปลือกตาของเขาจึงค่อย ๆ ปิดลงและหลับไปหลังจากนั้นสามถึงห้าวินาที
ตำราเลี้ยงเด็กอ่อนกล่าวถึงความถี่ในการให้นมเด็กทารกแรกเกิดเอาไว้ว่า
ทารกแรกเกิดมีความจุของกระเพาะอาหารน้อย อีกทั้งการย่อยในกระเพาะยังค่อนข้างรวดเร็ว ผลก็คือพวกเขาจะมีความรู้สึกหิวบ่อยกว่าคนปกติ ดังนั้นจึงต้องให้นมทารกน้อยทุก ๆ สองชั่วโมง
นี่คือหลักการของการให้อาหารตามความต้องการ ซึ่งสามารถทำได้ประมาณเจ็ดครั้งต่อวันเป็นเวลาสี่ถึงหกเดือนหลังคลอด
ในตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเช้า ฮัวลี่ลี่ก็ได้ตื่นขึ้นมาอย่างหิวโหย ขณะที่ท้องไส้เริ่มปั่นป่วนราวกับว่าไส้กำลังจะขาด
เนื่องจากในท้องของเธอว่างเปล่า อีกทั้งเด็กทารกยังรู้สึกว่าที่บริเวณบั้นท้ายของตนเองมีความเปียกชื้น ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก
และหากไม่มีนาฬิกาปลุก เเน่นอนว่าเธอย่อมไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไหร่แล้ว ดังนั้นฮัวลี่ลี่จึงจ้องมองไปที่ฮัวซุ่ยเฉิง ทำให้เห็นว่าเขายังคงนอนหลับตาอยู่จึงคิดว่าจะปลุกเขาดีหรือไม่
แต่หลังจากคิดไตร่ตรองสักพัก ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะใช้วิธีที่อ่อนโยนในการปลุกเขา โดยเธอได้ยื่นมือออกมาจากเสื้อผ้าที่ห่อตัวแล้วตบลงบนเตียงอย่างแรงเพื่อพยายามปลุกฮัวซุ่ยเฉิงให้ตื่นขึ้น
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเธอจะคิดผิดไป เพราะไม่ว่าเธอใช้มือตบลงบนเตียงกี่ครั้งก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะขยับตัวแม้เเต่น้อย
เฮ้อ...!
ปล่อยเอาไว้แบบนี้ไม่ดีแน่... ฉันหิวแล้ว.
เมื่อมองไปยังระยะห่างระหว่างตัวเธอกับฮัวซุ่ยเฉิง ทันใดนั้นมือขวาของฮัวลี่ลี่ก็คว้าผ้านวมทางด้านซ้ายและหันไปทางซ้ายพร้อมกับกัดริมฝีปากและเหงือกของตนเองพร้อมกับใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีอยู่ไต่ลงจากเตียง
และแม้ว่าเสียงจะดังโครมครามก็ไม่สามารถทำอะไรบิดาของเธอได้ ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะยังคงนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ขณะฮัวลี่ลี่รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่ร่างของตนเองร่วงหล่นลงมากองกับพื้น!
โอ้! ฉันเป็นทารกที่อัจฉริยะที่สุดในโลกเลย!
ฉันเรียนรู้ที่จะหัวเราะและกลิ้งไปมาในช่วงสองสามเดือนหลังจากที่ฉันเกิด บางทีฉันอาจจะพูดคุยเเละเดินได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้
ต่อมาฮัวลี่ลี่คลานไปข้างหน้าสองสามก้าวอย่างตื่นเต้นและปีนขึ้นไปบนเตียงด้านที่ฮัวซุ่ยเฉิงนอนอยู่
*******