ตอนที่ 41 ไร้ประโยชน์
ตอนที่ 41 ไร้ประโยชน์
อิมพ์ไม่รู้ว่าเขาต้องทำยังไง เขาต้องพาเด็กๆกลับมาให้ได้ แต่เขาก็ไม่มีความสามารถพอ เขาเกือบจะถูกลอร์ดแห่งความโกรธฆ่าและดูเหมือนว่าคนๆนั้นจะทำได้ไม่ยากเลย
อิมพ์กำลังลากร่างของตัวเองไปรอบๆในตอนนี้ แม้เขาจะไม่ได้บาดเจ็บมากนัก แต่เขาก็มีปัญหากับการหายใจและเขาไม่สามารถตั้งสมาธิได้เลยนับตั้งแต่เกิดเรื่องก่อนหน้านี้ เขารู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก
หากสังเกตดูก็จะรู้ว่าเวทย์อากาศของเขานั้นได้เพิ่มระดับไปถึงห้าขั้นเลยจากสิ่งที่เขาทำ ตอนนี้หน้ากากของเขาหายไปแล้วและเขาก็กำลังวิ่งไปรอบๆฝูงอสูรด้วยความสับสน
อิมพ์รู้ว่าเขาต้องทำอย่างไรถึงจะแข็งแกร่ง เขาจำเป็นต้องแข็งแกร่งให้มากกว่า แต่ถ้ามันสายเกินไปล่ะ? จะเป็นอย่างไรถ้าลอร์ดคนอื่นเป็นเหมือนกับเจ้าแห่งความโกรธและคิดจะเด็กๆเหล่านั้น ? บางทีพวกเขาอาจจะตายก่อนที่เขาจะไปเจอด้วยซ้ำ
แต่อิมพ์ไม่อยากนึกถึงเรื่องนั้น อันดับแรกเขามีบางสิ่งต้องทำก่อน อิมพ์ต้องเติมเต็มความร้อนของเขาซึ่งมันนั่นคือ 'มานา' นั่นเอง
มีวิธีการใดบ้างที่อธิบายไว้ในหนังสือ ? แต่ ... หนังสือของเขายังอยู่ในเมือง ... อิมพ์ก็ไม่รู้จะต้องยังไงดี ดังนั้นตอนนี้เขาควรเริ่มมาหาวิธีที่ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น แม้ว่าอิมพ์จะไม่แข็งแกร่งแต่เขานั้นฉลาด เขาจะต้องหาวิธีต่อสู้กับลอร์ดเหล่านั้นในขณะที่เหนื่อยล้าอยู่ได้แน่นอน เขาต้องเปลี่ยนความฉลาดให้เป็นพลังของเขา
อิมพ์ลากร่างของเขาไปตามเส้นทางเพื่อรีบกลับลงไปจากภูเขา เขารีบมุ่งหน้าไปที่ประตูเมืองทันที แต่แน่นอนว่าผู้เฝ้าประตูก็ได้หยุดเขาไว้
“เจ้ามีบาปอะไร” มันถามออกมาเหมือนกับสิ่งมีชีวิตตัวก่อ่หน้าไม่มีผิด และอิมพ์ก็เพียงเดาะลิ้นของเขาและจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของมันด้วยความโกรธ "ความโกรธ แต่ตอนนี้ ... ให้ข้าผ่านไปก่อนได้ไหม ... ไม่งั้นเจ้าจะถูกฆ่าโดยเจ้าแห่งความโกรธแน่ ... หากพาข้าไปที่นั่น ..." อิมพ์พูดด้วยน้ำเสียงที่เงียบและโกรธในขณะที่บินขึ้นไปบนอากาศ เขาเองก็สงสัยว่าเขาพูดภาษาที่เขาไม่รู้ว่ารู้จักนี้ได้ยังไง
ผู้เฝ้าประตูสะดุ้งเล็กน้อยเป็นการตอบสนองที่อิมพ์เอ่ยถึงลอร์ดแห่งความโกรธ ส่วนอิมพ์เองก็รีบวิ่งเข้าไปในเมืองมุ่งหน้ากลับไปยังโรงเตี๊ยมทันที และเมื่อมาถึงห้อง เขาก็เหลือบไปเห็นในห้องที่มีคนตาย ซัคคิวบัสตัวเดิมยังนอนอยู่บนพื้นในขณะที่ผู้หญิงอีกคนที่ดูเหมือนซัคคิวบัสกำลังทำให้ผู้ชายอีกคนบนเตียงพอใจเหมือนกับคนก่อนหน้า
อิมพ์รีบเข้าไปในห้องของเขาและล็อกประตูด้านหลังตัวเองทันที จากนั้นก็คว้าหนังสือต่าง ๆ ที่เขามีอยู่ขึ้นมา
เขาจ้องไปที่เล่มแรกอย่างจริงจังซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับเวทมนตร์ เขาเริ่มอ่านมันด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามเท่าไรอิมพ์ก็ไม่สามารถจดจ่ออยู่กับมันได้เลย เขาไม่เข้าใจคำพูดหรือตัวอักษรที่มันจะสื่อเลยแม้แต่น้อย
แต่หลังผ่านไปสักครู่ครู่อิมพ์ก็เริ่มสงบสติอารมณ์เพื่อที่จะสามารถเรียนรู้สิ่งที่หนังสือเล่มนี้บอกได้ อย่างช้าๆอิมพ์ก็เริ่มปัดเป่าสิ่งที่อยู่ในใจและเริ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
อิมพ์ต้องมีสมาธิให้ได้ หากเขาสามารถเรียนรู้ความสามารถที่ไร้ประโยชน์เช่นวิธีเอาผ้าห่อมือได้ เขาก็น่าจะเรียนรู้สิ่งที่อยู่ในหนังสือนี้ได้เช่นกัน
อย่างช้าๆอิมพ์ก็จดจ่ออยู่กับหน้าหนังสือเล่มนี้และอ่านอย่างละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ แน่นอนว่าเขาก็ต้องพยายามทำมันอย่างเร็วที่สุดด้วย
ทีละหน้าๆ ความรู้ของของก็อิมพ์เพิ่มพูลขึ้นและสิ่งที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวเขาเอง เขาไม่สามารถใช้สิ่งที่อธิบายทั้งหมดนี้ได้มากนัก แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็รู้ว่าต้องทำอย่างไรเขาถึงจะเติบโตได้
หนังสือเล่มนี้ยังอธิบายข้อมูลพื้นฐานเล็กน้อยเกี่ยวกับลูกกลมขนาดเล็กที่อิมพ์พบในรังของไก่ฟ้าด้วย พวกมันคือ 'หินเวทย์มนต์' มันมีองค์ประกอบที่แตกต่างกันและแต่ละชิ้นดูเหมือนจะมีความสามารถที่ต่างกันออกไป
มันบอกว่ามีหลายวิธีในการใช้พวกมันและพวกมันก็สามารถแปรรูปเป็นอย่างอื่นได้เช่นกัน แต่การใช้ขั้นพื้นฐานที่สุดคือการเปิดใช้งานมันด้วยผลที่เหมือนกับเวทมนตร์โดยไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะเวทย์มนตร์ แต่ถึงอย่างนั้นยิ่งระดับของคุณสูงมากเท่าไหร่ความสามารถที่เกิดจากมันก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
สำหรับตอนนี้อิมพ์ก็พยายามทดสอบมันด้วยการสุ่มหยิบหนึ่งในหินเวทย์มนต์ออกมา และมันก็เป็นหินสีเขียวอ่อนซึ่งถ้าอ้างอิงจากในหนังสือหินก้อนนี้จะมีคุณสมบัติเป็นธาตุลม มานาของเขาดูเหมือนกำลังฟื้นคืนอย่างช้าๆแล้วเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงสามารถทดสอบมันดูได้
เขาวางนิ้วของเขาลงบนหินเวมย์มนต์อย่างช้าๆและปล่อยให้มานาของเขาไหลเข้าไปโดยส่งไปตามเลือดของเขาและเขาก็รู้สึกได้อย่างรวดเร็วว่ามันมีอากาศไหกลเวียนอยู่รอบๆมือของเขาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เมื่อหินเวทย์มนต์ 'ถูกเปิดใช้งาน' อิมพ์ก็ขยับมือไปด้านข้างและสังเกตเห็นการไหลของอากาศทีแรงพอพลิกหน้าหนังสือได้ทันที
จากนั้นเขาก็จำได้ว่ามีบางสิ่งที่แตกต่างออกกับหินเวทย์มนต์บางก้อนที่ฝังอยู่บนกริชหรือแท่งทองคำที่เขาพบในรังของไก่ฟ้าและไม้เท้าของชายชุดขาวก่อนหน้านี้ที่โจมตีเข้าด้วยพลังานศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนหลังของทั้งสามนั้นดูเหมือนจะมีประโยชน์กับอิมพ์ไม่น้อยและตอนนี้เขาก็สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้จริงๆแล้ว
ก่อนหน้าเขาลองใช้กริชดูแล้วแต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิด แต่ตอนนี้เมื่อเขาพยายามแตะใบมีดของกริชในขณะที่ยื่นมันออกไป ในไม่ช้าเขาก็สงเกตเห็นว่ามันเริ่มร้อนมากขึ้นจนทะลุถุงมือของเขาและทำให้นิ้วของเขาบาดเจ็บ สิ่งนี้จะต้องมีประโยชน์อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ก็ยังเอาไปใช้อะไรไม่ได้มากนัก
เขาต้องการใช้หินเวทย์มนต์สีขาวทองเล็กๆบนไม้เท้า ดูเหมือนว่าพวกมันจะสามารถสร้างพลังานศักดิสืิทธิ์ได้และถ้าเป็นเช่นนั้นจริงพวกมันก็จะช่วยอิมพ์ได้มากเลยทีเดียว
อิมพ์ไม่แน่ใจว่าเขาควรใช้ไม้เท้าอย่างไร แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังสามารถดึงหินหินเวทย์มนต์ออกมาได้
แต่เมื่ออิมพ์ลองครั้งแรกหินเวทย์ก็เริ่มทำให้นิ้วของเขาไหม้อย่างรวดเร็วถึงพร้อมกับส่งเสียงดังฉ่าออกมาเล็กน้อยและทิ้งร่องรอยไว้บนมือของเขา อิมพ์ไม่เข้าใจว่าทำไมเป็นเช่นนั้น แต่จากปฏิกิริยาของมันนั้นดูรุนแรงกว่าตอนที่อิมพ์ถูกชายคนนั้นโจมตีเสียอีก
บางทีด้วยปฏิกิริยาที่รุนแรงนี้เขาอาจจะไม่เหมาะที่จะใช้มันและหินนี้ก็ดูเหมือนจะต้องการขับไล่อิมพ์ออกไปตลอดเวลา แต่ด้วยความโชคดี ความเจ็บปวดพวกนี้ไม่ทำให้เขาสนใจเลยแม้แต่น้อย ผ้าที่พันอยู่รอบมือของเขายังทำให้อิมพ์เจ็บกว่าซะอีก แต่ดูเหมือนว่ามันจะสามารถใช้โจมตีอสูรตัวอื่นได้และอาจทำให้ 'ดาบสามเล่ม' ของเขามีพลังศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วย เผื่อในกรณีที่เขาไม่สามารถใช้ผ้าได้
โดยไม่สนว่าเกิดอะไรขึ้น อิมพ์ก็เปิดหนังสืออีกเล่มขึ้นซึ่งมันเป็นหนังสือที่เกี่ยวข้องกับอสูรซึ่งอิมพ์ซื้อมันมา แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีอะไรเกี่ยวกับอสูรอยู่ข้างในเลย แต่อิมพ์ก็ยังคงเลือกที่จะอ่านมัน เขาจดจำทุกอย่างไว้อย่างรวดเร็วแล้วสุดท้ายก็ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอสูรที่อันตรายเป็นอย่างมากและก็อสูรบางตัว แม้ว่ามันจะอ่อนแอเป็นอย่างมากแต่หากมันมีพิษสูงมันก็สามารถฆ่าอีกฝ่ายด้วยพิษได้ มันเป็นเรื่องน่าตลกไม่น้อยที่มีอสูรเหล่านี้ด้วย
พวกมันแตกต่างจากอิมพ์มากจนเขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเขาจะเรียกตัวเองว่าเป็นสิ่งมีชีวิตแบบเดียวกับพวกมันได้หรือไม่ แต่สุดท้ายก็เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็เป็นอสูรไม่ใช่รึ ? มันเป็นความรู้เล็กๆที่อิมพ์รู้ตั้งแต่ก่อนที่จะถูกเอวาลิน เจมส์และโทมัสจับตัวไปเสียก่อน
ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ตอนนี้เขาได้ใช้เวลาไปกับการหนังสือเล่มนั้นแล้ว หลังจากอ่านจบเขาก็โยนมันไว้ข้างๆและหยิบหนิงสืออีกเล่มที่เกี่ยวกับวิญญานขึ้นมา ... บางทีรอยบนหน้าอกของเขาอาจช่วยเขาได้?
เขาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมายเกี่ยวกับวิญญาณที่แตกต่างกันจำนวนมากและมีเพียงวิญญาณระดับสูงเท่านั้นที่สามารถให้พรได้ เห็นได้ชัดว่าพรจากวิญญาณนั้นช่วยให้คุณสามารถเรียกหนึ่งในพวกมันที่มีธาตุเดียวกันออกมาได้โดยการใช้มานา แต่จะทำได้ก็ต่อเมื่อคุณมีทักษะที่อยู่ใน 'ระดับกลาง' ... และมันก็เป็นสิ่งที่ยังอยู่ห่างไกลจากอิมพ์อีกพอสมควร
ดังนั้นแม้ว่าข้อมูลจะมีประโยชน์ในภายหลัง แต่ตอนนี้มันก็ไร้ประโยชน์อย่างที่สุด
แน่นอนอิมพ์เริ่มสิ้นหวังอย่างช้าๆ เทคนิคพื้นฐานเกี่ยวกับเวทมนตร์และสิ่งต่างๆเกี่ยวกับ หินเวทย์มนต์ ที่เขาเรียนรู้ดูเหมือนจะมีประโยชน์มากที่สุดจากสิ่งที่เขาเรียนรู้ได้จากหนังสือเหล่านี้ แต่ถึงแบบนั้นพวกมันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาฆ่าลอร์ดเหล่านั้นได้
โดยไม่หมดหวังอิมพ์ก็เริ่มอ่านหนังสือเล่มอื่นต่อ เขาคิดว่าบางทีอาจจะพบเจอบางสิ่งก็ได้ แต่ก็เช่นเดิมมันไม่มีประโยชน์อะไรในตอนนี้เลยเมื่อเขาอ่านเกี่ยวกับเรื่องพืชที่กินได้
แต่แล้วอิมพ์ก็จำได้ว่ามีหนังสืออีกเล่มวางอยู่ที่ไหนสักแห่งที่พูดถึงเรื่องนี้ด้วย ดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งไปหยิบตำราอาหารที่ซื้อให้รูดี้ขึ้นมาและเริ่มพลิกดู
เขาไม่สนใจอาหารต่างๆมากนักแต่เขาก็ยังอ่านทุกอย่างที่เห็นราวกับว่ามันอาจจะช่วยเขาได้สักอย่าง แต่ก็มีเพียงส่วนที่เกี่ยวข้องกับพืชพิษและสัตว์มีพิษเท่านั้นที่อิมพ์คิดว่ามีประโยชน์ อย่างไรก็ตามมันก็มีประโยชน์สำหรับในอนาคตเท่านั้นไม่ใช่กับสถานการณ์ในตอนนี้
หนังสือเหล่านี้ไม่มีประโยชน์กับเขาเลยแม้แต่น้อย!
อิมพ์โบนหนังสือไปอีกด้านหนึ่งของห้องด้วยความโกรธ จากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่พื้นข้างใต้ขาของเขา จากนั้นแสงริบหรี่เล็กน้อยจากพื้นเองก็่ส่องประกายเข้าไปในดวงตาของอิมพ์ ทันทีเขาก็นึกออกว่ามันคือจุดที่อสูรเงาตายก่อนหน้านี้ สิ่งนี้คือสิ่งที่หล่นลงมาหลังจากมันตายงั้นรึ ?
อิมพ์หยิบมันขึ้นมาอย่างระมัดระวังและมองไปที่หินเวทย์มนตร์สีดำขนาดเล็กที่ลึกซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างนิ้วของเขา โดยสัญชาตญาณอิมพ์ก็ส่งมาจาของเขาเข้าไปในลูกกลมเล็กๆนี้ อย่างช้าๆนิ้วของเขาก็ถูกห่อหุ้มด้วยความมืดมิดในรูปแบบของหมอกสีดำหนา มันเป็นสิ่งเดียวกับที่อสูรเงาก่อนหน้านี้สร้างขึ้นมา
ดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถยืดออกไปได้ไกลกว่านิ้วของเขาเท่าไหร่นัก และสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เองก็ทำให้อิมพ์ตระหนักถึงบางสิ่ง หากเขามองเข้าไปใกล้ๆบางสิ่งมากพอเขาก็จะสามารถหาสิ่งที่เป็นประโยชน์พบท่ามกลางสิ่งที่ไร้ประโยข์เหล่านี้
ดังนั้นอิมพ์จึงรีบวิ่งออกจากประตู มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ดูเหมือนจะมีประโยชน์ที่สุดสำหรับเขาซึ่งภายในเมืองที่ไร้ประโยชน์แห่งนี้
นั่นก็คือ ร้านหนังสือ.