ตอนที่ 24: เนื้อสัตว์ปราณ - กระต่ายหิมะ (4)
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
--------------------------------------------------------------------------------------------
เนื่องจากนี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้ทำอาหารโดยใช้ไฟปราณ เธอเลยไม่กล้าใช้ไฟแรงไม่งั้นหม้อคงเกรียมไปด้วยแน่ๆ. เธอค่อยๆคุมไฟช้าๆให้ไฟสีน้ำเงินนั้นครอบคลุมหม้อ ให้ความร้อนแผ่ไปเท่าๆกัน.
เพื่อให้ไฟคงความร้อนเอาไว้เธอจึงดูดธาตุไฟรอบตัวมาใช้รัวๆ.
เป็นเวลาพักใหญ่ที่ของรอบๆครัวดูเหมือนจะขยับไปเอง. พวกผู้ฝึกวิชาสามารถมองเห็นธาตุไฟได้จึงไม่แปลกใจเท่าไหร่.
ชิยูรู้สึกว่าตัวเองได้กลับไปเรียนคณิตอีกครั้ง ต้องคอยลดคอยเพิ่มเรื่อยๆ. โชคดีที่เมล็ดอัคคีในตัวเธอคอยชำระล้างสิ่งแปลกปลอมที่พุ่งเข้ามาพร้อมกับธาตุไฟได้ เธอจึงสามารถปล่อยไฟบริสุทธิ์ออกมาจากมือได้อย่างไร้กังวล.
พลังปราณกำลังไหลผ่านทั่วร่างกายของเธอ การร่ายพลังตอนนี้ก็เริ่มจะนานขึ้นเรื่อยๆ ชิยูรู้สึกคันไปหมดแต่ก็แค่เดี๋ยวเดียว. ที่น่ารำคาญคือมันคันไปคันมาบ่อยซะนี่.
เธอจึงกัดฟันแล้วร่ายพลังต่อไป พยายามทำให้ไฟคงที่จนมีกลิ่นหอมโชยออกมาจากหม้อ. ในที่สุดเธอก็ทำอาหารเสร็จซักที เธอนอนหงายไปกับพื้นเพราะความเหนื่อยล้า.
“ทำข้าวต้มนี่มันยากเหลือเชื่อเลยแหะ” เธอหอบอย่างหนักแล้วปล่อยให้ร่างกายดูดซับพลังงานจากรอบๆตัว.
หลังจากพักอยู่ครู่นึง เธอก็มีแรงกลับมาอีกครั้ง. เธอเลยสำรวจจุดตันเถียนของตัวเองอีกครั้ง. ไม่น่าเชื่อเลยว่าในท้องของเธอมีหยดน้ำตาเพิ่มขึ้นเป็น4หยดแล้ว.
เธอใกล้จะก้าวข้ามขีดจำกัดแล้ว!
ชิยูรู้สึกดีใจมากๆ เธอรู้สึกว่าอนาคตของตัวเองเริ่มจะสดใสขึ้นแล้ว.
จริงๆแล้วมันก็แค่ระดับพื้นฐานเท่านั้น. การกลืนเมล็ดอัคคีเข้าไปในร่างและปล่อยให้มันเป็นส่วนนึงของเธอ เมล็ดนั่นก็ได้เปลี่ยนร่างกายของเธอด้วยไฟชำระล้างที่แผดเผาสิ่งไม่บริสุทธิ์ออกจากร่างเธอจนหมด. มันเหมือนกับว่าเธอได้เปลี่ยนร่างกายใหม่เลย!
อีกอย่างพวกธาตุไฟที่ถูกดูดเข้าไปในร่างของเธอจะถูกชำระล้างด้วยไฟสีน้ำเงิน เธอจึงไม่ต้องออกแรงอะไรเลย เหตุนี้เธอจึงพัฒนาวิชาได้เร็วมากๆ.
เธอลุกขึ้นแล้วเดินไปหาหม้อข้าวต้ม. พอเปิดฝาออกกลิ่นหอมของข้าวต้มก็พุ่งออกมา. พอมองเข้าไปในหม้ออีกครั้งก็เห็นว่าเนื้อกระต่ายสับนั้นปนไปกับเมล็ดข้าวแล้ว. แค่มองเธอก็อยากจะลองกินเลย.
เธอเอาฝาปิดกลับไปอีกครั้งแล้วเดินไปข้างนอกเพื่อดูเวลา. ตอนนี้ใกล้จะได้เวลาอาหารเช้าแล้วเธอจึงไปเรียกทุกคนมากิน. ทันทีที่เธอเดินออกไปจากเขตห้องครัว กลิ่นหอมของข้าวต้มนั้นไม่มีเลย.
กลิ่นมันถูกกักไว้งั้นหรอ?
ในชีวิตก่อนของเธอ ร้านอาหารดังๆจะใช้เทคนิคนี้ นั่นคือการกักกลิ่นหอมเอาไว้รอบๆอาหารเท่านั้น เพื่อจะได้เพิ่มรสชาติและความน่ากินของอาหารขึ้นไปอีก. เธอเคยพยายามทำอาหารแบบนั้นแล้ว แต่ก็พลาดตลอด.
พูดอีกอย่างก็คือ เทคนิคนี้เธอทำได้แค่มองเท่านั้น เธอไม่สามารถทำมันได้สำเร็จเลย.
ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอบังเอิญทำเทคนิคนี้ได้ มันยิ่งทำให้เธออยากจะก้าวข้ามขีดจำกัดไปอีก แต่ตอนนี้ก็ยังอีกยาวไกลนัก.
ไม่นานทุกคนก็มาถึง. เธอมอบถ้วยข้าวต้มให้ทุกๆคนพร้อมกับถั่วทอดเป็นเครื่องเคียง. อาหารเช้าวันนี้หอมและหวานมากๆเลย
“ข้าวต้มวันนี้อร่อยจังเลยค่ะ!” เสี่ยวฉีพูด “หนูรู้สึกว่าร่างกายอุ่นขึ้นมาและมือก็ไม่แข็งเลย. มีอีกมั้ยคะพี่?”
พอมองมาที่ตาดวงโตของเสี่ยวฉี ชิยูก็อดลูบหัวเธอไม่ไหว.
“จ้าๆ ในหม้อมีอีกนะ”
เสี่ยวฉีตัวสูงขึ้นมากในเวลาสั้นๆเลย. แต่ใบหน้าเธอดันเหมือนเดิมอยู่ ดวงตาของเธอดูสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น.
พอมองมาที่เล่าเอ๋อ, เอ่อ, เขาดูแข็งแรงและหุ่นดีขึ้นกว่าแต่ก่อน. แต่คิ้วของเขาก็ดูจะหนาขึ้นเหมือนกัน.
ชิยูรู้จักสาเหตุของคิ้วแบบนั้นและก็มีวิธีแก้ด้วย แต่ค่อยหาเวลาเหมาะๆบอกเล่าเอ๋อจะดีกว่า.
หลังกินข้าวเช้าแล้ว เสี่ยวฉีกับเล่าเอ๋อก็กลับไปฝึกวิชาต่อ. คุณตาพาเสี่ยววูและเสี่ยวหลิวไปช่วยงานที่ร้านอาหาร. ชิยูก็อยากจะไปด้วยแต่ทั้ง3คนก็หายวับไปแล้วตอนที่เธอเผลอ.
“ทำไมวันนี้พวกเขาไปเร็วจังนะ?” พอไม่มีทางเลือกอื่นเธอเลยกลับห้องไปขัดเกลาความสามารถใหม่ของเธอ.
คืนนั้นเองเสี่ยวฉีก็มาหาอย่างเจี๊ยวจ๊าว “พี่สาวคะ วันนี้ครูชมหนูด้วยล่ะ! หนูวิ่งได้ตั้ง30ลี้แถมยังเป็นที่1ด้วย! พี่เล่าเอ๋อก็วิ่งตามคนอื่นทันด้วย วันนี้สนุกจริงๆ!”
ชิยูรู้ว่าพวกเขาต้องวิ่ง30ลี้โดยไม่ได้พักก่อนเริ่มฝึกวิชาในทุกวัน. ก่อนหน้านี้เสี่ยวฉีวิ่งตามคนอื่นๆไม่ทันเลย และเล่าเอ๋อก็มักจะเป็นคนที่ช้าที่สุดด้วย. การพัฒนาในวันนี้เป็นข่าวดีสำหรับทุกคนจริงๆ.
เล่าเอ๋อเองก็ดูมีความสุขมากๆ “วันนี้ผมรู้สึกมีแรงและเร็วมากกว่าเดิมด้วย” เขาเชื่อว่านี่เป็นผลมาจากที่เขาฝึกอย่างหนักทุกๆวัน.
“ใช่เลย หนูก็รู้สึกอย่างงั้น!” ้เสี่ยวฉีพยักหน้า.
“นึกว่าพี่รู้สึกคนเดียวซะอีก” พอได้ยินอย่างนั้นเสี่ยวหลิวก็แว่บเข้ามา “วันนี้ผมก็รู้สึกว่าที่ขามีแรงมากๆ ขนาดเดินธรรมดาผมยังเร็วขึ้นเลย”
“.......”
ถ้าแค่คนเดียวล่ะก็ มันก็อาจจะเป็นผลจากการฝึกหนักก็ได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้สึกแบบเดียวกัน มันเริ่มน่าสงสัยซะแล้วสิ.
พอคิดถึงข้าวต้มเมื่อเช้า ชิยูก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนั้นขาเธอก็รู้สึกปวดๆเหมือนกัน แต่เธอกำลังง่วนอยู่กับความสามารถใหม่เลยไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นไป.
ถ้างั้นก็แปลว่านี่คือผลพิเศษจากข้าวต้มนั้นหรอ?
วันต่อมาเธอไปที่ห้องหนังสือเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ปราณแล้วก็เจอหมวดของกระต่ายหิมะ. เหตุผลที่กระต่ายหิมะถูกจัดให้เป็นสัตว์ระดับ2ก็เพราะว่าความเร็วมหาศาลของมัน. ปกติแล้วพวกมันจับได้ยากมากๆ จึงถูกจัดให้เป็นสัตว์ปราณตัวป่วน.
ความสามารถของกระต่ายหิมะคือความเร็ว แล้วเธอก็เพิ่งใช้เนื้อมันทำอาหารจนทุกคนที่ได้กินมันมีความเร็วเพิ่มขึ้น. ถ้าอย่างงั้นถ้าเธอทำอาหารจากเนื้อเจ้านี้เก็บไว้แล้วใช้ตอนที่เธออยากจะหนีล่ะ?
แล้วก็ถ้าเกิดเธอทำอาหารจากเนื้อสัตว์ปราณด้วยพลังปราณธาตุต่างๆ มันจะเพิ่มความสามารถด้วยรึป่าวนะ?
พอคิดได้แบบนั้นชิยูก็เริ่มอยากจะลองทดสอบดู.
เธอเห็นหนังสือการฝึกพลังยุทธขั้นพื้นฐานเล่มหนึ่งจึงอยากจะนำมันออกไปอ่าน เลยเอาไปแจ้งที่โต๊ะโดยมีชายชราคนหนึ่งเฝ้าอยู่.
ตอนนั้นมีศิษย์สำนักหลินยืนอยู่สองสามคน พอพวกเขาเห็นชิยูเอาหนังสือการฝึกพลังยุทธขั้นพื้นฐานออกไปเลยอดหัวเราะใส่ไม่ไหว “แม่ครัวตัวน้อยของเราไปเริ่มฝึกวิชาตอนไหนเนี่ย?”
คนอื่นๆก็เริ่มพูดแทรกขึ้นมา “นอกจากแม่ครัวตัวน้อยแล้วยังมีเจ้าขยะไร้ประโยชน์กำลังหลอกตัวเองอยู่ด้วยแหละ! พวกมันคิดจริงๆหรอว่าแค่อยากมีพลังปราณก็จะฝึกได้ง่ายๆน่ะ? พวกมันน่าจะเจียมกะลาหัวบ้างนะ”
ชิยูรู้ว่าพวกเขากำลังพูดใส่เธอแต่ขยะไร้ประโยชน์นั่นหมายถึงใคร? พวกเขาพูดถึงเล่าเอ๋องั้นหรอ?
เขาต้องไปฝึกวิชากับพวกขี้โม้นี่หรอ เล่าเอ๋อเจ็บปวดมามากขนาดไหนเนี่ย?