WS บทที่ 30 ผู้มาเยือนที่ไม่ธรรมดา
หัวหน้าอัศวินกองกำลังป้องกันเมืองได้ก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมกับส่งเสียงดังใส่กองอัศวินที่กำลังเข้ามาว่า
“พวกท่านเป็นกองทหารภายใต้สังกัดขุนนางท่านใด”
โดยปกติแล้วคนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถตั้งกองทหารอัศวินได้ มีเพียงเหล่าขุนนางเท่านั้นที่สามารถทำได้ สาเหตุที่พวกขุนนางจำเป็นต้องตั้งกองอัศวินขึ้นมาพวกปกป้องความปลอดภัยในเขตแดนของตัวเอง
ส่วนพวกพ่อค้าที่ร่ำรวย ถึงพวกเขาจะไม่เงินก็ไม่สามารถทำได้ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเรียกใช้บริการจากทหารรับจ้างได้เท่านั้น
กองอัศวินที่กำลังเคลื่อนที่เข้าได้ทำการลดความเร็วลงอย่างช้า ๆ จากนั้นอัศวินวินวัยกลางคนที่สวมหมวกเหล็กที่มีลวดลายเหมือนเปลวเพลิง เขาได้ขี่ม้าสีดำอันน่าเกรงขามมาข้างหน้าและกล่าวด้วยท่าทางที่ไม่แยแสว่า
“ข้าคือบารอนวิงกูล ข้าพาแขกคนสำคัญมาเยี่ยมท่านบารอนคาสเทลแลนผู้มีเกียรติในวันนี้”
โดยปกติแล้วหัวหน้ากองกำลังป้องกันตนเองจะทราบดีกว่าบาราอนวิงกูลเป็นใคร เขาเป็นขุนนางคนสำคัญของเมืองแบล็กวอเตอร์ อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะเข้าไปรายงานให้ภายในได้รับทราบ เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าแขกคนนั้นเป็นใคร สำคัญมากถึงขนาดต้องทำให้บารอนวิงกูลต้องออกมานำขบวนด้วยตัวเอง
เพื่อไม่ให้แขกที่มีเกียรติต้องเสียเวลา เขาจึงรีบไปข้างในโดยทันที
บารอนวิงกูลได้จ้องมองไปยังปราสาทของเทลแลน แววตาของเขาได้เปล่งประกายออกมา จากนั้นเขาก็ได้ตะโกนเรียกคนข้างหลัง “ทีรอธ”
ทีรอธได้เดินแหวกกองทหารและมาข้างหน้าทันทีเมื่อได้ยินเสียงของบารอนวิงกูล
เขาก้าวไปข้างหน้าและพูดด้วยน้ำที่เคารพว่า
“ท่านพ่อ มีคำสั่งอันใดเหรอครับ?”
ดวงตาของบารอนวิงกูลหรี่ลงเล็กน้อย เขาได้ลดเสียงลงและพูดว่า “อีกสักพักคงมีคำสั่งจากออกัสตินออกมา เขาคงไม่ได้พวกเราเข้าไปเข้าในแน่นอนดังนั้นลูกต้องดูแลอัศวินทั้งหมดและคอยคุ้มกันที่นี่จนกว่าพ่อจะออกมา”
ทีรอธเบิกตากว้างเล็กน้อย เขาถามขึ้นมาด้วยควมเป็นห่วง “ท่านพ่อ หากออกัสตินไม่เห็นด้วย ข้าเกรงว่า...”
“เจ้ากลัวว่าเขาจะไม่เห็นด้วยงั้นเหรอ เรื่องนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลหรอก อย่าลืมสิ เรามีแขกผู้มีเกียรติอยู่ข้างเรา ดังนั้นออกัสตินไม่กล้าทำอะไรข้าหรอก”
บารอนวิงกูลพูดพลางชำเลืองมองไปยังรถม้าที่อยู่ข้างหลังเขา เขามองด้วยสีหน้าเตร่งเครียด
หลังจากนั้นไม่นาน อัศวินได้กลับมาเพื่อส่งรายงาน เขามองบารอนวิงกูลด้วยความเคารพอละกล่าวว่า
“ท่านบารอนคาสเทนแลนมีคำสั่งให้ท่านบารอนวิงกูลกับแขกผู้มีเกียรติเท่านั้นที่สามารถเข้าไปในปราสาทได้”
บารอนวิงกูลพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”
จากนั้นบารอนวิงกูลได้เดินนำหน้ารถม้าลึกลับตามอัศวินเข้าไปในปราสาทของคาสเทลแลน
ภายโถงต้อนรับของปราสาท ออกัสตินนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาขมวดคิ้วในขณะที่จ้องมองเบื้องหน้าอย่างเคร่งเครียด
“ท่านบารอนคาสเทลแลนครับ ท่านบารอนวิงกูลมาถึงแล้วครับ”
ออกัสตินได้โบกมือและกล่าวว่า “ยินดีต้อนรับ ท่านบารอนวิงกูล” เขากล่าวพร้อมกับโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อเป็นมารยาทระหว่างขุนนาง
เขาเงยหน้าขึ้นมองบารอนวิงกูลอย่างใจเย็น ก่อนจะพูดอย่างใจเย็น
“ท่านบารอนวิงกูล ท่านมีเหตุด่วนอันใดถึงมาที่ปราสาทของข้า แทนที่จะไปที่ปราสาทของท่าน” ออกัสตินกล่าวด้วยเสียงเย็น
วิงกูลรับฟังอย่างเงียบ ๆ โดยไม่โกรธเคืองกับท่าทีของออกัสติน
“ท่านออกัสตินโปรดใจเย็น ๆ ตัวข้าไม่ได้มีธุระกับท่านแต่เป็นแขกของข้าต่างหาก”
เมื่อบารอนวิงกูลพูดจบชายชุดคลุมสีขาวที่มีไม้กางเขนเงินปักที่หน้าอกได้เดินมาในห้องโถง
เมื่อออกัสตินเห็นชายชุดคลุมขาวสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“ท่านพ่อมดเจสัน ท่านยังไม่ได้จัดการพวกนอกรีตชั่วร้ายหรือว่ายังมีพวกมันหลงเหลืออยู่ในเมืองแบล็กวอเตอร์”
ดูเหมือนแขกคนสำคัญคนนั้นจะเป็นเจสันซึ่งก่อนหน้านี้มาที่เมืองแบล็กวอเตอร์และฆ่าจัดการชายชราอีธาน
พ่อมดเจสันไม่พูดอะไร เขาได้จ้องมองดวงตาของออกัสติน ราวกัว่าแววตาของเขาสามารถมองทะลุเข้าไปในจิตใจของออกัสติน
“ท่านออกัสติน ถึงเวลาที่คุณควรจะตัดสินใจได้แล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดจากเจสัน ทำให้ออกัสตินไม่สามารถคงความสงบได้อีกต่อไป เขาผุดลงไปนั่งบนเก้าอี้พร้อมกับมองเบื้องหน้าด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงดูเหมือนการมาของพ่อมดเจสันจะเป็นเรื่องการตัดสินใจของเขา
“ทางศาสนจักรรอต่อไปไม่ได้เหรอครับ” ออกัสตินถามด้วยใบหน้าขาวซีด
“ท่านออกัสตินทางเราได้ให้เวลาคุณมามากเกินพอแล้ว เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวข้องกับสัญญาที่ทำให้ก่อนหน้านี้” พ่อมดเจสันกล่าวอย่างเฉยเมยและเย็นชา
ริมฝีปากของออกัสตินแห้งผาก เขาหันไปมองวิงกูลที่อยู่ข้างพ่อมดเจสัน เขารู้ดีว่าหากเขาไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ ตระกูลวิงกูลจะกลายเป็นผู้ที่ได้เปรียบที่สุด ส่วนตระกูลของเขาอาจถูกลดขั้นให้ตกต่ำลง หากเขาพลาดตัดสินใจพลาดในเรื่องนี้
หลังจากนั้นทีออกัสตินตัดสินใจได้ เขาก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นและหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นพูดด้วยน้เสียงที่หนักแน่นโดยเน้นย้ำทุกคำว่า
“ทางกองกำลังป้องกันเมืองของข้า ยินดีที่จะเชื่อฟังคำสั่งของท่านเจสันไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม”
“ฮ่า ๆ น่ายินดี ๆ ที่ท่านออกัสตินเต็มใจที่จะเข้าสู้อ้อมกอดของพระเจ้า สำหรับผู้ศรัทธาที่ซื่อสัตย์อย่างท่าน พระเจ้าไม่มีทางทอดทิ้งแน่นอน ส่วนเรื่องการเคลื่อนไหวในขั้นต่อไป พวกเราจะไม่เคลื่อนไหวในทันที เนื่องจากพวกเราจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากบารอนคาสเทลแลนสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป”
“พ่อมดเจสันบอกข้าทีว่า ข้าควรควรทำอย่างไรต่อดี”
เมื่อออกัสตินได้ตัดสินใจไปแล้วจึงทำให้ท่าทีของเขาผ่อนคลายมากขึ้น
“เรื่องมันก็ง่ายมาก ท่านเพียงแค่เชิญขุนนางทุกคนในเมืองแบล็กวอเตอร์ให้มาที่ปราสาทของท่านเพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาของการโจมตีของกลุ่มโจรตามเมืองเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ข้าเชื่อว่าพวกเขาทั้งหมดจะต้องมารวมตัวกันที่นี่ ถึงตอนนั้นข้าจะเข้ามาและตรวจสอบดูว่ามีขุนนางคนไหนบ้างยอมรับและปฏิบัติตามแรงศรัทธาอย่างจริงใจแต่ถ้ามีขุนนางคนไหนดื้อรั้นและโง่เขลา ข้าจะจัดการพวกเขาเอง”
หลังจากที่ได้ยินแผนการของพ่อมดเจสัน ออกัสตินก็รู้สึกหนาวเย็นเข้ามาในใจ หากแผนนี้ได้ผลพวกเขาจะสามารถนำตัวขุนนางทั้งหมดในเมืองมาไว้ในที่เดียวกัน
เมื่อออกัสตินเงยหน้าขึ้นไปมองเจสัน เขาได้พบว่าเขากำลังถูกอีกฝ่ายจ้องมองอยู่
“ท่านได้โปรดอย่าได้กังวล ข้าจะแจ้งให้ขุนนางทักคนในเมืองได้รับทราบ พวกเขาจะต้องออกมา เนื่องด้วยฐานะของคาสเทนแลน พวกเขาไม่อาจปฏิเสธได้”
ในระหว่างที่เรื่องนี้กำลังจะได้รับการตัดสิน จู่ ๆ บารอนวิงกูลได้ก้าวออกมาข้างหน้า เขาได้กล่าวด้วยเสียงเบา ๆ ว่า
“ท่านเจสันครับ ตอนนี้วิลสันไม่ได้อยู่ในเมืองแบล็กวอเตอร์ เขาได้เดินทางไปยังดินแดนของเขาและยังไม่กลับมาเลย ข้าเกรงว่ากองอัศวินที่อยู่ในมือของเขาจะสร้างปัญหาให้กับพวกเรา”
“บารอนวิลสันงั้นเหรอ? ท่านคาสเทลแลน คุณจะจัดการกับพวกเขายังไง” เจสันกล่าวพลางมองบารอนออกัสตินอย่างเย็นชา
ออกัสตินได้เหลือบมองวิงกูล ทุกคนได้เมืองทราบดีว่าระหว่างวิงกูลกับวิลสันทั้งสองตระกูลมีเรื่องบาดเมืองกันอยู่
หลังจากที่เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็กล่าวขึ้นมาว่า
“วิลสันนั้นอยู่ในกองทัพมา 20ปี เขาได้สะสมความดีความชอบต่าง ๆ จากหลายสงคราม ก่อนที่จะเขาจะได้รับการแต่งตั้งเป็นบารอน กล่าวได้ว่าเขามีประสบการณ์มากมายในสนามรบ นอกจากนี้เขายังฝึกฝนอัศวินเกือบสองร้อยนายด้วยตัวเอง พวกเขาต้องเป็นหัวกะทิแทบทุกคน แม้แต่กองกำลังของข้าก็ไม่สามารถสกัดกั้นการบุกทะลวงของกองทัพของเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้นตัววิลสันเองก็เป็นนักดาบธาตุระดับสอง พลังของเขานั้นยากที่จะต้านทานได้
หากจะยึดครองเมืองแบล็กวอเตอร์ เราจำเป็นต้องกำจัดเขา เนื่องจากเขาไม่มีทางทรยศต่อราชวงศ์และมาสวามิภักดิ์มาเข้าร่วมกับโบสถ์ หากเราเลื่อนเวลาประชุมไปก่อนและรอให้วิลสันกลับมา เมื่อถึงตอนนั้นท่านเจสันก็จะสามารถพบวิลสันเป็นการส่วนตัว เขาเชื่อว่าจะทำให้ปัญหาต่าง ๆ ที่ท่านกังวลจะหายไป”
พ่อมดเจสันพยักหน้าอย่างพอใจที่ได้รับการสรรเสริญ เขาพูดพร้อมกับเผยรอยยิ้มว่า
“ไม่เลว ไม่เลว เอาเป็นว่าวิลสันจะต้องถูกจัดการ ทำตามแผนเดิมต่อไปไม่จำเป็นต้องชะลอ ท่านเคสเทลแลนช่วยส่งคำเชิญไปให้พวกขุนนางทั้งหมดรวมถึงไปที่ปราสาทวิลสันด้วย หากเขามาไม่ทัน นั่นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้”