บทที่ 327
กลางดึกคืนนั้นเอง ทั้งหมดหยุดพักอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งกองไฟถูกก่อเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายด้านนอกเริ่มมีหิมะโปรยปรายลงมาบ้างแล้ว ชิงเสี้ยวเฝ้ามองดูอาการบาดเจ็บของผู้เป็นนายชิงมู่ถัง ติงหม่าออกไปตรวจสอบเกวียนลากด้านนอก ฉูเทียนเฉียนนำแผ่นหนังแผนที่ออกมากาง ส่วนเนี่ยฟงนั่งโคจรลมปราณรักษาอาการ ภายในห้องมืดเขานั่งศึกษาคัมภีร์ปราณจิตเก้าสวรรค์อยู่นานหลังจากเข้าใจเคล็ดวิชาทั้งหมดแล้วเขาก็เริ่มฝึกฝนจนถึงรุ่งเช้าเขาก็ถูกเรียกโดยชิงเสี้ยว
“คุณชายเนี่ยฟง เช้าแล้วทานอะไรก่อนออกเดินทางเถอะ เนื้อสัตว์อสูรย่างกำลังสุขได้ที่”
เนี่ยฟงค่อยๆลืมตาขึ้นมาทุกอย่างมืดบอดเช่นเดิม เขาหมายยกมือขวาขึ้นคว้าเนื้อย่างแต่ทว่าร่างกายกลับไม่มีแรงทันใดนั้นเขาก็ล้มลงไปนอนกับพื้น ทั้งชิงเสี้ยวและฉูเทียนเฉียนตื่นตกรีบกระโจนเข้ามา เป็นฉูเทียนเฉียนรีบคว้ามือขวาเนี่ยฟงขึ้นมาตรวจชีพจร
“เป็นอย่างไรบ้างท่านฉูเทียนเฉียน”
“ชีพจรทุกอย่างปกติดี แต่ข้าไม่เข้าใจเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้”
เนี่ยฟงเองทดลองโคจรลมปราณทั่วร่างก็หาได้มีสิ่งใดผิดปกติ
“เกิดสิ่งใดกับร่างกายข้ากันขอรับท่านลุ่ยกง”
“ข้าก็ไม่รู้เช่นกันไอ้หนู บางทีอาจจะเป็นเพราะคัมภีร์ที่เจ้าฝึกฝนอยู่ก็เป็นได้”
เขานอนนิ่งครุ่นคิดบางอย่างไม่นานก็เอ่ยวาจาออกมา
“พวกท่านทั้งสองอย่างได้ตื่นตกใจ อาจเป็นเพราะทักษะใหม่ที่ข้ากำลังฝึกฝนอยู่ ช่วงเวลานี้ข้าคงอาจขยับตัวไม่ได้พักหนึ่งขอรับ”
ทั้งสองได้ยินที่เนี่ยฟงกล่าวก็ถอนหายใจ เป็นฉูเทียนเฉียนที่ประคองเนี่ยฟงขึ้นมา ชิงเสี้ยวใช้มีดสั้นในมือตัดเนื้อย่างเป็นชิ้นๆพอดีคำป้อนเนี่ยฟง หลังจากนั้นฉูเทียนเฉียนก็อุ้มเนี่ยฟงขึ้นไปนั่งบนเกวียน
“ข้าต้องขอโทษพวกท่านที่เป็นตัวถ่วง”
ฉูเทียนเทียนที่อยู่ใกล้กล่าววาจาตอบ
“อย่ากล่าวเช่นนั้นอีกเลยน้องชาย หากไม่ได้เจ้าพวกข้าคงหนีออกจากที่คุมขังแห่งนั้นไม่ได้ ที่เจ้าเป็นเช่นนี้เพราะต้องต่อสู้กับสัตว์อสูรเช่นต้าหลัง เมื่อครั้งนั้นพวกข้าเสียมากกว่าที่เป็นตัวถ่วงของเจ้า ไม่ต้องห่วงเส้นทางด้านหน้าหาได้มีอันตรายแล้ว หากเราข้ามเขาอีกสองลูกด้านหน้าก็จะเขาสู่เขตดินแดนพวกข้าแล้ว”
เนี่ยฟงเพียงพยักหน้าตอบรับไม่นานเขาก็จมดิ่งอยู่ในห้องมืด ผ่านไปสองวันทั้งหมดก็ข้ามเขามุ่งหน้าสู่ทุ่งหญ้าขนาดใหญ่แสงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้า มีชนเผ่าขนาดเล็กตั้งกระโจมเลี้ยง วัว แพะ และแกะสำหรับทำสุราและนม ฉูเทียนเฉียนรีบลงจากเกวียนลากมุ่งหน้าเข้าไปกระโจมไม่นานก็กลับมาพร้อมกับนมแพะถุงใหญ่ยื่นให้ติงหม่า ด้านหลังมีชายชราผู้หนึ่งรูปร่างสูงใหญ่เดินติดตามมาด้านหลัง
“คนผู้นี้คือผู้เฒ่าหวาง เป็นคนรู้กับพ่อของข้า”
“ไม่ต้องมากพิธีขอรับท่านฉูเทียนเฉียน ดูเหมือนพวกท่านจะได้รับลสดเจ็บมา เชิญพวกท่านเข้าพักที่กระโจมของข้าเถอะ”
ชิงเสี้ยวอุ้มร่างชิงมู่ถัง ฉูเทียนเฉียนอุ้มร่างเนี่ยฟง ส่วนติงหม่าหาที่มัดเกวียนและให้อาหารพยัคฆ์ทั้งสองตัว ทั้งหมดถูกพามายังกระโจมที่พักอีกหลังหนึ่งเมื่อเข้ามาด้านในก็พบหญิงชราผู้หนึ่งเคี้ยวบางอย่างอยู่ในหม้อใบใหญ่มีกลิ่นหอมจางๆโชยออกมาตามสายลม
“พวกท่านมาได้เวลาเหมาะพอดี ที่แม่เฒ่าหยางกำลังทำอยู่คือการเคี้ยวนมวัว”
สิ้นเสียงกล่าวหญิงชราก็ใช้ช้อนขนาดใหญ่ตักบางอย่างออกมาจากหม้อยื่นให้ติงหม่าและชิงเสี้ยว
“พวกท่านลองทานดูก็แล้วกัน ต้องขออภัยที่ต้อนรับได้ไม่ดีนัก ที่นี่คับแคบไปหน่อยส่วนอาหารก็อย่างที่พวกท่านเห็นพวกเห็น”
ฉูเทียนเฉียนรีบยกมือขวาขึ้นห้าม
“อย่ากล่าวเช่นนั้นเลยผู้เฒ่าหยาง เป็นพวกข้าเสียมากกว่าที่มารบกวนพวกเจ้า”
ฉูเทียนเฉียนรีบก้มคารวะ ติงหม่า ชิงเสี้ยวเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ก้มคารวะเช่นกัน
“เอาเถอะข้าจะออกไปเอาเนื้อแพะมาให้พวกท่านทานก็แล้วกัน”
หลังจากนั้นผู้เฒ่าทั้งสองก็เดินออกจากกระโจมไป เนี่ยฟงที่นอนอยู่หรี่ตามองไปที่ผู้เฒ่าหยางพร้อมกับครุ่นคิดบางอย่างเพราะเขาสัมผัสจิตสังหารอ่อนๆจากผู้เฒ่าหยาง ผู้เฒ่าหยางเมื่อเดินออกจากกระโจมมาเขาก็เดินหายเข้าไปในกระโจมอีกหลังหนึ่งไม่นานก็เดินออกมาเขานำกรงนกออกมา
“ท่านต้องการทำแบบนี้จริงๆรึ”
“เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร ตอนนี้ฉูเทียนเฉียนหาได้เป็นหัวหน้าเผ่าแล้ว หากคนของฉูเทียนเจียงรับรู้ว่าเราทั้งสองให้ที่พักและไม่แจ้งข่าวออกไปมาหวังพวกมันต้องส่งคนมาสังหารพวกเราเป็นแน่ สิ่งที่ข้าทำเพื่อความอยู่รอดของเรา เจ้าวางใจเถอะขอเพียงเราส่งข้อความไปทุกอย่างก็จะจบลงที่คืนนี้”
เสียงสะบัดมือดังแว่วหญิงชรานำกระดาษบางอย่างออกมาสอดเข้าไปในกระบอกไม้ขนาดเล็กที่ผูกติดกับเท้านก หลังจากนั้นผู้เฒ่าหยางก็ปล่อยนกตัวนั้นออกจากกรง เมื่อทุกอย่างสิ้นทั้งสองก็นำเนื้อแพะมามอบให้ฉูเทียนเฉียน
“เชิญท่านฉูเทียนเฉียนและคณะท่านกันให้อร่อย ข้าสองผู้เฒ่าขอตัวก่อน”
หลังจากทานอาหารจนอิ่มทั้งหมดก็เข้านอนในกระโจม ยามโฉ่ว เนี่ยฟงที่แผ่ลมปราณตรวจสอบบริเวณก็ตรวจพบบางอย่าง มีกลุ่มคนจำนวนมากมุ่งหน้าหน้ามาทางกระโจมอีกทั้งยังแผ่จิตสังหารออกมา
“ท่านชิงเสี้ยวรีบตื่นเถอะขอรับ”
ชิงเสี้ยวที่นอนอยู่ก็รีบตื่นขึ้นมา
“เกิดสิ่งใดขึ้นคุณชายเนี่ยฟง”
“ข้าสัมผัสบางอย่างเป็นกลุ่มคนจำนวนมากกำลังมุ่งมาที่นี่”
ฉูเทียนเฉียนที่ตื่นขึ้นมาได้ยินก็กล่าววาจาตอบ
“อาจจะเป็นคนของข้าก็เป็นได้”
“แต่ที่ข้าสัมผัสกลุ่มคนที่กำลังมุ่งหน้ามาที่นี่แฝงด้วยจิตสังหารจำนวนมากเช่นกัน อีกอย่างท่านก็หาได้แจ้งข่าวใดๆไปยังเผ่าของท่าน แล้วกลุ่มที่ข้ากล่าวถึงจะรู้ตัวตนของท่านได้อย่างไร”
ทันใดนั้นก็มีควันที่เทาพุ่งพวยออกมารอบด้านกระโจม
“พวกท่านอย่าสูดลมหายใจในควันมีพิษ”
เนี่ยฟงโคจรลมปราณไปที่แหวนในมือขวาขวายาสีขาวนวลร่วงลงพื้น
“พวกท่านทานยาในขวดยาเถอะขอรับ มันเป็นยาแก้พิษที่ข้าปรุงขึ้นมา”
ชิงเสี้ยวที่อยู่ใกล้รีบหยิบขวดยาขึ้นมาเทเม็ดยาแจกจ่ายทุกคนรวมไปถึงเนี่ยฟงด้วย ติงหม่ารีบกระโจนออกจากกระโจมอย่างมุ่งหน้าไปที่เกวียนลากก็พบว่าพยัคฆ์สองตัวได้หลุดหายออกไปจากเกวียนแล้ว เมื่อพุ่งมาที่กระโจมก็พบผู้เฒ่าหยางทั้งสองยืนขวางอย่างทันทีที่ติงหม่าเข้ามาในระยะผู้เฒ่าก็สะบัดมือขวากำชับทวนไม้ในมือจ้วงแทงอย่างรวดเร็ว ติงหม่าสะบัดมือขวากำชับดาบเข้าต้านรับ ชิงเสี้ยวและฉูเทียนเฉียนที่แบ่งร่างของชิงมู่ถังและเนี่ยฟงออกจากกระโจมตื่นตกใจ
“เกิดสิ่งใดท่านผู้เฒ่าเหตุใดถึงคิดลงมือสังหารข้า”
หญิงชรารีบเอ่ยวาจาออกมา
“ตอนนี้เผ่ายักษ์ได้หัวหน้าเผ่าคนใหม่ขึ้นปกครองแล้ว”
ฉูเทียนเฉียนตื่นตกใจไม่น้อย
“เป็นไปได้อย่างไร แล้วผู้ใดกันที่ขึ้นปกครองแทนข้า”
“เป็นน้องชายของท่านเองฉูเทียนเจียง”
ฉูเทียนเฉียนได้ยินเช่นนั้นถึงกับตัวสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธแค้น
“บัดซบ ไอ้ลูกหมานั้นคงวางแผนให้ข้าถูกจับกุมตัวแล้วบีบบังคับให้ทุกคนยินยอมสินะ”
ผู้เฒ่าหยางส่ายศีรษะไปมา
“หาได้เป็นเช่นนั้นขอรับ ทันทีที่ท่านถูกจับกุมตัวไม่กี่วันได้มีเทพองค์หนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่เผ่าของท่าน สังหารบิดา ภรรยารวมไปถึงบุตรทั้งสองของท่านแล้วแต่งตั้งน้องชายของท่านขึ้นปกครองเผ่า”
“เทพ เทพองค์ไหนกัน”
“ตัวข้าทราบเพียงแค่เทพองค์นั้นเป็นคนของคุณชายเวิ่นเทียนขอรับ”
เนี่ยฟงได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว
“เวิ่นเทียนอีกแล้วอย่างนั้นรึ”
ฉูเทียนเฉียนได้ยินที่เนี่ยฟงกล่าวออกมาก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“คุณชายรู้จักเทพองค์นั้นด้วยรึ”
“แน่นอนขอรับ เป็นเพราะมันพี่ชายร่วมสาบานของข้าถึงต้องสูญเสียคนในครอบครัวไปจนหมด อีกทั้งมันผู้นี้ยังคิดสังหารพี่ชายของข้าอีกด้วย”
ชิงหม่าเอ่ยวาจาออกมา
“ตอนนี้เราจะทำอย่างไรดี พยัคฆ์ที่ใช้ลากเกวียนถูกปล่อยไปแล้ว”
“ตอนนี้พวกเราหนีไม่ทันแล้ว กลุ่มคนที่ข้ากล่าวถึงได้ล้อมพวกเราเอาไว้หมดแล้ว”
สิ้นเสียงกล่าวของเนี่ยฟงทั้งหมดรีบหันไปมองรอบด้านก็พบกลุ่มคนจำนวนมากล้อมกระโจมเอาไว้หมดแล้ว ฉูเทียนเฉียนรีบวางเนี่ยฟงลงกับพื้นเช่นเดียวกับชิงเสี้ยววางชิงมู่ถังลงพื้น ทั้งสองสะบัดมือขวากำชับดาบในมือแน่น เนี่ยฟงที่แผ่ลมปราณตรวจสอบอยู่ก็เอ่ยวาจาออกมา
“มีคนผู้หนึ่งพุ่งมาทางขวามือ”
ฉูเทียนเฉียนรีบหันไปมองก็ตื่นตกใจเอ่ยวาจาออกมาเสียงดังลั่น
“เป็นเจ้าเองรึกวัวเหลียน”
สิ้นเสียงกล่าวก็มีเสียงหัวเราะดังลั่นออกมา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ในที่สุดเวลาที่ข้ารอคอยก็มาถึง หากข้าสังหารเจ้าได้ที่นี่แล้วนำศีรษะของเจ้ากลับไป ตำแหน่งข้าคงสูงขึ้นกว่านายกองธรรมดาเป็นแน่ เห็นแก่ความที่เราทั้งสองเคยเป็นเพื่อนร่วมรบด้วยกันมา ข้าจะสังหารเจ้าอย่างไม่ทรมานฉูเทียนเฉียน”
ติงหม่าแสยะยิ้มเอ่ยวาจาอย่างแผ่วเบาให้ชิงเสี้ยว และฉูเทียนเฉียนได้ยิน
“จับโจรต้องจับที่หัวหน้า พวกท่านหลอกล่อมันผู้นั้นเอาไว้ ข้าจะเข้าไปจับกุมตัวมันเพื่อที่เราจะมีทางหนี”
ทั้งสองได้ยินชัดเจนฉูเทียนเฉียนกวัดแกว่งดาบในมือพร้อมตั้งท่า
“ในอดีตเจ้าเคยพ่ายแพ้ต่อข้ามานับครั้งไม่ถ้วน เหตุใดเจ้าถึงอวดดีเช่นนั้นกวัวเหลียน”
“อวดดีหรือไม่เดี๋ยวเจ้าก็รู้”
ทันใดนั้นเองติงหม่าที่อ้อมมาอยู่ทางขวามือก็ซัดมีดสั้นในมือออกไป มีดสั้นสองเล่มพุ่งเข้าปะทะที่หัวไหล่ทั้งสองข้างของกวัวเหลียน ติงหม่าแสยะยิ้มซัดมีดสั้นออกไปอีกสามเล่มพร้อมกับพุ่งเข้าประชิด วูบ กวัวเหลียนสะบัดมือขวามีดสั้นสามเล่มร่วงลงพื้น แส้อ่อนปรากฏขึ้นที่มือขวากวัวเหลียนสะบัดมืออีกครั้ง แส้อ่อนพุ่งรัดคอติงหม่าอย่างรวดเร็วและแม่นยำเขากระชากลงพื้นดิน ติงหม่าถึงกับกระอักเลือดออกมา
“คิดจับตัวข้าอย่างนั้นรึไอ้สารเลว”