บทที่ 325
เสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณจากการปะทะของยอดฝีมือ ติงหม่า ชิงเสี้ยวและฉูเทียนเฉียนพุ่งเข้าปะทะกวัดแกว่งดาบในมือ เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นด้านหน้าบ้านพัก กลุ่มชายฉกรรจ์สิบล้อมทั้งสามเอาไว้ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามติงหม่าถูกดาบจ้วงแทงไปที่ขาซ้าย ชิงเสี้ยวบาดเจ็บเล็กน้อยส่วนฉูเทียนเฉียนกระโจนเข้าสังหารชายฉกรรจ์ที่เหลือ ทันใดนั้นก็มีพลังปราณแผ่เข้ากดดันทั้งสามลงไปนั่งคุกเข่าจ้องมองอย่างไม่วางตา มีชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งก้าวเดินเข้ามา
“เผิงชุนเหยียน”
“คิดว่าพวกเจ้าจะหลบหนีไปไกลกว่านี้เสียอีก หากข้ามาช้ากว่านี้คงไม่พบเจอพวกเจ้าที่นี่ ต้องขอบใจพวกเจ้ามากที่สังหารชายบัดซบผู้นั้น ในที่สุดช่วงเวลาที่ข้ารอคอยก็มาถึง”
“ลิชุนฉุนเป็นอาจารย์ของเจ้าไม่ใช่รึ”
ชิงเสี้ยวเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“อาจารย์แล้วอย่างไร คนบัดซบเช่นมันหาได้มีความเป็นคน ไม่ต้องห่วงข้าจะสังหารพวกเจ้าติดตามอาจารย์ผู้บัดซบนั้นเอง แต่ข้าจะไม่เล่นกับพวกเจ้าหรอกนะ”
สิ้นเสียงกล่าวของเผิงชุนเหยียน ผิวหนังบริเวณหน้าผากและลำคอปริแตกออกเลือดสีแดงไหลออกมาชั่วน้ำเดือดก็มีดวงตาปรากฏออกมาที่รอยแผลทั้งสอง ไม่ถึงสามลมหายใจดวงตาทั้งสี่ก็สว่างจ้าออกมา คนทั้งสามยืนนิ่งขยับร่างกายไม่ได้
“พวกเจ้าทั้งสามขยับตัวไม่ได้รึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถึงแม้วิชาของข้าจะไม่เทียบเท่าอาจารย์บัดซบนั้น แต่ก็สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าได้หากพวกเจ้าติดอยู่ในความมืดคงจะดีไม่น้อย เพราะต้องมองดูร่างของตัวเองถูกดาบของมาแทงโดยที่ทำอะไรไม่ได้”
เสียงสะบัดมือดังแว่วดาบเล่มใหญ่ถูกกำชับในมือขวา เสียงย้ำเท้าเดินเข้าหาชิงเสี้ยวดาบในมือขวาถูกยกขึ้นง้าง ทันใดนั้นเผิงชุนเหยียนก็ขมวดคิ้วถีบเท้าถอยออกมาอย่างรวดเร็วขนทั่วร่างตั้งชูชัน มีดสั้นสีดำพุ่งมาจากด้านหลังชิงเสี้ยวเข้าปะทะ เคร้ง ดาบเล่มใหญ่ถึงกับหักครึ่งร่วงลงพื้น เผิงชุนเหยียนถึงกับสบถ
“ผู้ใดกัน ออกมาไอ้ลูกหมา”
เนี่ยฟงก้าวเดินออกมาจากด้านหลังของทั้งสาม เสียงสะบัดมือดังแว่วขวดยาสีขาวนวลปรากฏเขายื่นให้แก่ชิงเสี้ยวพร้อมกับกระทืบเท้าขวา เปรี้ยง ประกายสายฟ้าสามสายพุ่งเข้าร่างของทั้งสาม ไม่ถึงหนึ่งลมหายใจทั้งสามก็ขยับได้อีกครั้ง
“พวกท่านทั้งสามหลบออกไปรักษาตัวเถอะ ที่นี่ข้าจัดการเอง”
มีดสั้นพุ่งกลับมาหาผู้เป็นนายเขารีบคว้ารับด้วยมือขวาพร้อมกับกวักมือซ้ายเรียก
“ข้าเป็นคนสังหารอาจารย์ของเจ้าเอง”
เผิงชุนเหยียนตื่นตกใจก้าวเท้าถอยหลังไม่นานก็แสยะยิ้มออกมา ดวงตาทั้งสี่สว่างจ้าออกมาอีกครั้งเนี่ยฟงยืนนิ่งไม่ไหวติง
“เป็นอย่างไรบ้างที่ขยับตัวไม่ได้พลังอำนาจของข้า จงตายเสียเถอะข้าจะสะสางความแค้นของอาจารย์บัดซบนั้นเอง”
เสียงสะบัดมืดดังแว่วอีกครั้งดาบเล่มใหญ่ปรากฏในมือเผิงชุนเหยียนพร้อมกับพุ่งทะยานเข้ามา เนี่ยฟงแสยะยิ้มเอ่ยวาจา
“ข้าได้แจ้งต่อท่านไปแล้วว่าข้าเป็นคนสังหารอาจารย์ของเจ้า ตัวเจ้าเองก็คงไม่ต่างกัน”
ประกายสายฟ้าพุ่งออกมาจากมือขวาและมีดสั้นเสียงสะบัดมือดังแว่วพร้อมกับมีดสั้นพุ่งออกไป เคร้ง มีดสั้นพุ่งเข้าปะทะกับดาบกระเด็นออกไปทางขวา เนี่ยฟงสะบัดมือขวาอีกครั้งมีดสั้นบินวนจ้วงแทงไปที่ลำคอจากด้านหลังทะลุออกมาจากดวงตาเผิงชุนเหยียนล้มลงกับพื้นโดยไม่รู้ว่าตัวเองตกตายลงได้อย่างไร เนี่ยฟงไม่ลืมที่จะปลดแหวนในมือเผิงชุนเหยียนไม่นานก็เดินเข้าไปดูอาการของทั้งสาม
รุ่งเช้าของอีกวันชิงมู่ถังเริ่มรู้สึกตัวเนี่ยฟงรีบเข้าไปตรวจดูอาการ เข็มเงินถูกถอนออกมาอย่างช้าๆเม็ดยาสีดำสองเม็ดถูกป้อนเข้าไปในปาก หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปแจ้งต่อชิงเสี้ยว
“คุณชายชิงมู่ถังตอนนี้อาการเริ่มดีขึ้นแล้ว ท่านพาเขากลับไปพักฟื้นที่บ้านเถอะไม่ถึงสิบวันคงหายดีเป็นปกติ”
ทั้งสามได้ยินที่เนี่ยฟงกล่าวถึงกับตื่นตกใจ
“หากไม่มีสิ่งใดแล้วข้าขอตัวก่อนได้หรือไม่”
ชิงเสี้ยวรีบเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เจ้าจะไปที่ใดรึ”
“ตัวข้าคิดที่จะเดินทางไปที่เขาอู่ไถ”
“ท่านหมายจะชิงดาบ”
“ตัวข้าเพียงไปเพื่อชมการชิงดาบเท่านั้น”
ฉูเทียนเฉียนรีบเอ่ยวาจาออกมา
“จะเป็นการรบกวนหรือไม่ที่ข้าจะเชิญพวกท่านทั้งหมดไปที่เผ่าคนยักษ์ของข้า อีกอย่างข้าอยากตอบแทนพวกเจ้าที่ช่วยเหลือข้าออกมา”
เนี่ยฟงยืนครุ่นคิดอยู่นานเช่นกันไม่นานก็เอ่ยวาจาตอบตกลง
“ได้ ตอนนี้ข้าก็ไม่มีสิ่งใดทำอยู่แล้ว ไปเที่ยวชมที่เผ่าของท่านคงดีไม่น้อย”
ฉูเทียนเฉียนยกยิ้ม
“เช่นนั้นคืนนี้เราออกเดินทาง ข้าพบเจอเกวียนลากสัตว์อสูรอยู่”
ทั้งหมดพยักหน้าตอบรับ เนี่ยฟงเดินออกไปที่ด้านหน้าบ้านพัก
“เจ้าคิดจะทำอย่างไรไอ้หนู”
“ตอนนี้ข้าไม่อยากสร้างศัตรูขึ้นโดยไม่จำเป็น”
“เรื่องนั้นข้าเข้าใจดี แต่เจ้าไม่สังเกตรึที่ชายผู้นั้นเอ่ยวาจาเชื้อเชิญเจ้าไปที่เผ่าของตนเพื่อบางอย่าง”
“อย่างคิดมากขอรับ เมื่อไปถึงเราก็จะรู้เองว่าชายผู้นั้นต้องการสิ่งใดจากตัวข้า”
ในที่สุดแสงอาทิตย์ก็ลาลับของฟ้า ชิงเสี้ยวเสาะหาสัตว์อสูรมาลากเกวียนเป็นพยัคฆ์สองตัว ฉูเทียนเฉียนและติงหม่าเป็นคนขับเกวียน ชิงเสี้ยวนั่งดูแลชิงมู่ถังอยู่ด้านในส่วนเนี่ยฟงนั่งหลังพยัคฆ์อีกตัวปิดท้ายการเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นตลอดระยะเวลานานสี่วันจนถึงเย็นวันที่ห้าระหว่างที่กำลังทานอาหารเย็นฉูเทียนเฉียนก็เอ่ยวาจาออกมา
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปเราจะเข้าสู่เขตป่าหยาเทียนซุน เป็นเขตที่อยู่อาศัยของปีศาจร้ายมันเป็นภูเขาที่ต้องคำสาป มีชนเผ่ายักษ์และมนุษย์ที่หลงเข้าไปในที่แห่งนั้นส่วนใหญ่ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตกลับมา เหตุที่ข้าเลือกที่จะผ่านเขาลูกนี้เพราะมันเป็นเส้นทางที่ใกล้กว่าที่เราจะเดินทางอ้อม”
ติงหม่าและชิงเสี้ยวถึงกับตื่นตกใจมีเพียงเนี่ยฟงเท่านั้นที่ยังคงสงบนิ่งอยู่ ชิงเสี้ยวถงกับเอ่ยวาจาสอบถาม
“ท่านฉูเทียนเฉียนอีกนานเท่าไรเราจะเข้าเขตป่าที่ท่านว่า”
“หากจากจุดพักของเราประมาณสิบลี้ ไม่ต้องกลัวหากเราไม่หลงเข้าไปในเขตที่อยู่ของพวกปีศาจพวกนั้นจะออกมาโจมตีพวกเรา ในอดีตข้าเคยผ่านเส้นทางนี้มาแล้วพวกท่านวางใจเถอะ”
ทั้งสามพยักหน้าตอบรับ ไม่นานทั้งหมดก็เข้านานมีเพียงเนี่ยฟงเท่านั้นที่รับอาศาเฝ้ายาม วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าถูกสร้างขึ้นโดยรอบเพื่อป้องกันจากบุกโจมตี จนถึงรุ่งเช้าแสงอรุณทอแสงอีกครั้งทั้งหมดจึงออกเดินทางต่อระหว่างเดินทางเข้าไปในป่าทันใดนั้นเนี่ยฟงก็ได้กลิ่นคาวเลือดโชยมาจากด้านหน้าเขาจึงบังคับพยัคฆ์ตัวใหญ่มุ่งหน้าของเกวียนไม่ถึงครึ่งเค่อทั้งหมดก็พบกับซากสัตว์อสูรหมีตัวใหญ่นอนตกตายอยู่ระหว่างทาง เนี่ยฟงรีบเข้าไปตรวจสอบไม่นานก็เดินออกมา
“สาเหตุการตายเกิดจากรอยแผลที่ถูกกรีดจากของมีคม คงมีใครบางคนที่เดินทางมาก่อนหน้าเป็นคนสังหาร”
ฉูเทียนเฉียนได้ยินเช่นนั้นถึงกับตื่นตกใจเอ่ยวาจาออกมา
“มันต้องเป็นฝีมือของปีศาจร้ายนั้นเป็นแน่ เพราะหากว่าเป็นฝีมือของมนุษย์คงไม่ปล่อยให้มีซากศพกองอยู่แบบนี้”
ติงหม่าเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไหนท่านฉูเทียนเฉียนกล่าวว่าถ้าเราไม่เข้าไปในเขตของพวกมันจะไม่ออกมา”
“เรื่องนี้ตัวข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันเพราะเส้นทางนี้ข้าใช้เดินทางตลอดหาได้พบเจอซากศพเช่นวันนี้”
สิ้นเสียงกล่าวของฉูเทียนเฉียนก็มีบางอย่างปรากฏตัวออกมาจากต้นไม้ใหญ่ด้านหน้า เป็นสัตว์อสูรหมาป่าตัวใหญ่ขนสีแดงฉานประดุจย้อมไปด้วยเลือดตามร่างกายมีแต่รอยบาดแผล ฉูเทียนเฉียนตัวสั่นสะท้านไปด้วยความกลัวเอ่ยวาจาออกมา
“ต้าหลังปรากฏตัวออกมาแล้ว”
ติงหม่าและชิงเสี้ยวรีบพุ่งไปที่เกวียนเพื่อป้องกันชิงมู่ถัง เนี่ยฟงที่ยืนอยู่ก็สะบัดมือขวากำชับแส้แข็งเอาไว้ในมือพร้อมเร่งโคจรลมปราณเตรียมพร้อม ไม่ถึงสามลมหายใจหมาป่าตัวใหญ่ก็พุ่งทะยานเข้ามา เนี่ยฟงเองถีบเท้าพุ่งเข้าปะทะฟาดหวดแส้แข็งออกไป หมาป่าขนสีแดงโยกตัวหลบได้อย่างทันท่วงที ทันใดนั้นมันก็หอนออกมาเป็นเสียงยาว เนี่ยฟงไม่ปล่อยโอกาสทองหลุดมือใช้ความเร็วเข้าประชิดฟาดหวดแส้แข็งไปที่ศีรษะของหมาป่าอย่างถนัดถนี่ เปรี้ยง เลือดสีแดงและไขสมองสีเหลืองสาดกระเซ็นตามพื้น ฉูเทียนเฉียนรีบพุ่งไปที่เกวียน
“มันกำลังเรียกพวกของมันมา เราต้องรีบหนี”
ฉูเทียนเฉียนบังคมเกวียนพุ่งทะยานเข้าไปในป่า เนี่ยฟงจงใจปล่อยพยัคฆ์ตัวที่นั่งมาหนีไป เขาพุ่งทะยานติดตามด้านหลังเกวียนอย่างรวดเร็ว ชั่วน้ำเดือดเกวียนที่ขับมาอย่างรวดเร็วก็ต้องชะลอความเร็วหยุดนิ่งรอบด้านมีฝูงหมาป่านับร้อยขวางทางเอาไว้ ไม่นานพวกมันก็ล้อมพวกเนี่ยฟงเอาไว้ แต่ละคนต่างสะบัดมือขวากำชับอาวุธคู่ใจไว้ในมือ เสียงร้องคำรามขอหมาป่าดังลั่นพวกมันพุ่งเข้าปะทะทันที ไม่ถึงครึ่งเค่อดาบและแส้แข็งในมือสังหารหมาป่าที่พุ่งเข้ามาตกตายไปหลายสิบตัว ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเห่าหอนดังแว่วอีกครั้ง หมาป่าตัวใหญ่กว่าพยัคฆ์ที่ใช้ลากเกวียนปรากฏตัวออกมา หมาป่าพุ่งเข้าโจมตีต่างหยุดเข้าปะทะถอยหลังออกมา ฉูเทียนเฉียนซัดดาบในมือออกไปหมาป่าตัวใหญ่กระโดดออกมาใช้ฟันงับไปที่ดาบพร้อมกับสะบัดดาบพุ่งกลับมาหาฉูเทียนเฉียน เนี่ยฟงเมื่อเห็นเช่นนั้นก็พุ่งตัวขวางดาบ ใช้แส้แข็งฟาดหวด เคร้ง ดาบกระเด็นร่วงลงพื้น ฉูเทียนเฉียนเอ่ยวาจาออกมาด้วยความหวาดกลัว
“เป็นมัน มันคือต้าหลัง”
ฝูงหมาป่าเมื่อเห็นว่ากลุ่มมนุษย์กำลังหวาดกลัวพวกมันจึงพุ่งทะยานเข้าปะทะ แต่ทว่ากลับมีเสียงร้องคำรามมาจากหมาป่าตัวใหญ่ โฮก หมาป่าทั้งหมดต่างหยุดนิ่งถอยหลังออกไปตัวมันเองถีบเท้าพุ่งเข้ามายืนอยู่ด้านหน้าของเนี่ยฟง
“ไอ้หนู หมาป่าตัวนั้นต้องการจะต่อสู้กับเจ้าตัวต่อตัว”
เนี่ยฟงพยักหน้าตอบรับเอ่ยวาจาออกมา
“พวกท่านทั้งหมดหลบไปก่อน มันตั้งใจจะต่อสู้กับข้าตัวต่อตัว”