ตอนที่ 40 เจ้าแห่งความโกรธ
ตอนที่ 40 เจ้าแห่งความโกรธ
อย่างระมัดระวังอิมพ์ก็ก้าวผ่านถนนที่เต็มไปด้วยแสงสีฟ้าด้วยความรู้สึกกังวล เขากลัวว่าจะมีคนโจมตีเข้า แต่ก่อนอื่น...เขาต้องหาให้ได้ก่อนว่าพวกเด็กๆอยู่ที่ไหน หากพวกเขาอยู่ใกล้ๆอิมพ์จะต้องรู้แน่
ทันใดนั้นอิมพ์ก็มาถึงชายเมืองซึ่งนอกจากประตูเมืองแล้ว คอกม้ากับรถม้ายังเหมือนเดิม นี่เป็นเรื่องดีที่รู้ว่าอย่างน้อยส่วนนี้ของเมืองก็เหมือนปกติ
แต่ประตูนั้นกลับแตกต่างออกไปจากตอนแรกอย่างสิ้นเชิง ประตูนั้นอยู่ไกลและใหญ่กว่าที่เคยอีกทั้งยังมีร่างหนึ่งยืนอยู่ข้างๆซึ่งมันกำลังปล่อยให้ 'คน' หรืออสูรเดินเข้าออกจากเมืองอยู่
ทุกคนที่ผ่านไปมานั้นล้วนแต่พูดคำเดิมๆจนอิมพ์ได้ยินซ้ำแล้วซ้ำเล่า อิมพ์คิดว่าถ้าเขาจะหาเด็กๆพบก็คงต้องเป็นในเมืองตรงที่มีอสูรอยู่เยอะๆแน่นอน
ดังนั้นอิมพ์จึงเข้าร่วมขบวนเดินไปด้วย เขาอยากจะฆ่าพวกมันให้หมดและรีบวิ่งผ่านไป แต่อิมพ์นั้นรู้ดีว่าเขาจะต้องตายทันทีแน่นอนหากเขาทำเช่นนั้น ถ้าเขาต้องการที่จะอยู่รอดเขาก็ต้องเล่นไปตามที่สิ่งที่อสูรตนอื่นกำลังทำอยู่
เพียงไม่กี่นาทีต่อมาอิมพ์ก็พบว่าตัวเองได้มาอยู่ตรงหน้าร่างที่อยู่กลสงประตูแล้วและมันก็ถามเขาเหมือนกับที่ถามคนอื่นๆ
“เจ้าทำบาปอะไรมา” มันถามด้วยน้ำเสียงที่ช้าๆและทุ้มลึก แล้วอิมพ์ก็ตอบคำพูดที่อสูรเงาเคยพูดกับเขาก่อนหน้านี้ “ความโกรธ ”
ทันทีหลังจากคำนั้นอิมพ์ก็ได้ยินอสูรตัวอื่นๆรอบเขา ... อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่เขาก็ไม่สนใจเรื่องนี้ เพราะแม้ว่าเขาจะทำอะไรก็คงไม่สามารถหยุดให้พวกนี้พูดได้
"อสูรแห่งความโกรธเกรี้ยวงั้นรึ?"
“ไม่ใช่ว่าพวกมันอันตรายรึไง?”
“ถ้ามันโจมตีเราล่ะ?”
ด้วยความรำคาญอย่างแท้จริง อิมพ์จึงหันไปหาต้นตอของเสียงเหล่านั้น มีหนึ่งในอสูรที่นั่งอยู่บนหลังของมนุษย์ พวกมันทั้งหมดมีสี่ตัว หนึ่งกำลังกินอาหารราคาแพงของเมืองนี้ และอีกคนก็กำลังจ้องมาที่อิมพ์ ดวงตาของมันจ้องมาที่อาวุธและชุดของเขาอย่างอิจฉา
อิมพ์ก็เดาะลิ้นออกมาและค่อยๆหันไปหาผู้เฝ้าประตูซึ่งกำลังมองมาที่เขาจริงจัง “เจ้าหายาก เจ้าแห่งความโกรธจะต้องชอบเจ้า” มันบอกเขาและคว้าทั้งร่างของอิมพ์โดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรกับมันได้และเริ่มเดินออกไปในขณะที่ผู้เฝ้าประตูคนอื่นที่เหมือนกันเดินเข้ามาแทนที่
“จะพาข้าไปไหน” อิมพ์ถามด้วยความโกรธ แต่ผู้เฝ้าประตูกลับนิ่งเงียบและยังคงถืออิมพ์ในมือยักษ์พร้อมกับเดินผ่านเมืองอสูร
ไม่ว่าอิมพ์จะพยายามอย่างไรเขาก็ไม่สามารถออกไปจากมันได้และเขาก็ไม่สามารถขยับแขนไปสัมผัสกับผู้เฝ้าประตูด้วยผ้าได้เช่นกัน แต่สุดท้ายแล้วบางทีนี่อาจจะช่วยให้อิมพ์รู้ว่าเด็ก ๆ อยู่ที่ไหนก็ได้ เพราะถ้า 'เจ้าแห่งความโกรธ' ก็ต้องมี 'เจ้าแห่งความตะกละ'กับ 'เจ้าแห่งตัณหา' ด้วยใช่ไหมหละ ?
ในไม่ช้าอิมพ์ก็ถูกนำไปยังสิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์แห่งหนึ่งที่สร้างขึ้นที่ด้านข้างของภูเขาและยิ่งพวกเขาเข้าไปใกล้ที่นั่นมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งว่างเปล่ามากขึ้นเท่านั้น แต่ในไม่ช้าผู้เฝ้าประตูก็ก้าวผ่านประตูบานใหญ่เข้าไปในห้องขนาดยักษ์ที่ว่างเปล่าซึ่งมันไม่มีอะไรเลยนอกจากที่นั่งอีกด้านหนึ่ง
"เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ !" เสียงถามที่ดังและโกรธก็ก้องออกมา เสียงนี้มาจากคนที่นั่งอยู่บนเบาะตรงนั้น
ด้วยรอยยิ้มที่กว้างและโง่เง่าผู้เฝ้าประตูก็เข้าไปใกล้และยื่นมือออกไปเพื่ออวดอิมพ์ที่อยู่ข้างใน "พบอสูรความโกรธ" มันอธิบายพร้อมกับหัวเราะเล็กน้อย ชายที่อยู่อีกด้านหนึ่งของห้องก็ยืนขึ้นและเข้าไปหาผู้เฝ้าประตูเพื่อมองหน้าอิมพ์ชัดๆ
เขามีผิวสีแดงเข้มและมีเขาขนาดใหญ่สองข้างอยู่ที่ด้านข้างของศีรษะและผิวหนังของเขาดูเหมือนกับว่ามันทำมาจากหินบางมุมมันดูแหลมคมและมีรอยแตกจึงทำให้อสูรตัวนี้ดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก มันให้ความรู้สึกถึงความโกรธซึ่งอิมพ์สามารถรับรู้ได้อย่างรวดเร็วและเขาก็รู้จักความโกรธเป็นอย่างดี
สำหรับตอนนี้ ชายคนนั้นกำลังยิ้ม แต่ในไม่ช้าเขาก็ยื่นมือไปข้างหน้าไปยังใบหน้าของผู้เฝ้าประตูก่อนที่การแสดงออกของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัวและน่ากลัวจนอิมพ์รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขากลายเป็นตรึงเครียดทันที
"ทำไมเจ้าถึงได้ช้าขนาดนี้ ?" ชายคนนั้นถามและสิ่งที่ตามมาหลังจากเสียงที่ดังขึ้นก็คือ หัวของผู้เฝ้าประตูแตกออกเป็ฯล้านชิ้นจากนั้นร่างทั้งหมดก็พุ่งไปยังทิศทางที่พวกเขาเข้ามา
ร่างของผู้เฝ้าประตูทรุดลงและกำมือของมันก็คลายออกปล่อยให้อิมพ์ที่ถูกบีบอยู่หลุดออกมาจากมือในขณะที่อสูรตรงหน้ายังคงพูดอยู่
"เจ้าสิ่งมีชีวิตไร้ประโยชน์ ตอนนี้ดันมาทำให้พื้นของข้าสกปรกอีก เจ้าเงาคือผู้ที่ตัดสินเรื่องนี้ไม่ใช่เจ้า " ชายคนนั้นพูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายก่อนที่เขาจะหันไปทางอิมพ์ “อย่างไรก็ตาม ... คราวนี้ดูเหมือนว่าเจ้าจะพูดถูก อสูรที่มีบาปแห่งควาฒโกรธเกรี้ยวนั้นค่อนข้างหายากอีกทั้งเจ้านี่ยังดูพิเศษไม่น้อยอีกด้วย ... มีอสูรจำนวนไม่น้อยเลยที่ถือกำเนิดมาในอาณาจักรของสิ่งมีชีวิต ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงควรค่าแก่การให้ข้าชม” ชายคนนั้นพูดด้วยสีหน้ายินดีและโน้มตัวเข้าหาอิมพ์อย่างใกล้ชิดซึ่งอิมพ์ก็ทำเพียงแค่ก้าวถอยหลังเพื่อตอบสนอง แต่เมื่อเข้ามาใกล้มากขึ้นใบหน้าของชายคนนั้นก็บิดเบี้ยวทันที
"แต่แน่นอนความโกรธนั้นเกิดจากความเศร้าโศกและความเศร้าโศกก็เกิดจากการทรยศ เจ้าควรระวังเรื่องนี้ไว้ด้วย ... " ขณะที่ชายคนนั้นพูดเขาค่อยๆกดมือของตัวเองไปที่คอของอิมพ์
"ข้ารู้สึกไม่ชอบเลย ... ไม่เลยแม้แต่น้อย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมอสูรแห่งความโกรธถึงหายาก?" ขณะเดียวกันชายคนนั้นก็กำมือแน่นขึ้นและนิ้วของเขาเริ่มคว้านลึกลงไปบนผิวหนังของอิมพ์จยใกล้จะทะลุเข้าไปในเนื้อของเขา อิมพ์เองก็พยายามดิ้นอย่างรุนแรง
"เป็นเพราะอสูรไม่สามารถรับมือกับบาปของตัวเองได้ยังไงหละและโดยเฉพาะกับอสูรแห่งความโกรธ คนที่พบเจอพวกมันก็มักจะจบลงไม่สวยเสมอ " อสูรเจ้าแห่งความโกรธก็พูดเพิ่ม
"และที่อสูรแห่งความโกรธเป็นของหายากนั่นก็เพราะว่าข้านั้นฆ่าพวกมันทั้งหมดเองแหละ เช่นเดียวกับผู้คนจากเมืองของมนุษย์ที่น่าขยะแขยงพวกมันทั้งหมดล้วนตายด้วยความโกรธของข้า แล้วตอนนี้เจ้าก็ทำให้ข้าโกรธเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ดังนั้นเจ้า - "
ทันใดนั้นเจ้าแห่งความโกรธก็หยุดพูดลงเพราะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนตรงแขนของเขาที่จับอสูรไว้
ทันใดนั้นมันก็ปล่อยอิมพ์ให้ตกลงพื้นทันทีและจับลำคอของตัวเอง โชคดีที่เขาสามารถหลุดออกจากแขนของชายคนนี้ได้ไม่งั้นเขาอาจจะตายไปแล้ว
[เจ้าแห่งความโกรธ -1215 ความเสียหาย]
"เจ้าบ้านี่- ... " ลอร์ดพึมพำอย่างเงียบ ๆ เขาส่งอากาศทั้งหมดออกใส่อิมพ์อย่างมหาศาลและน่ากลัว แต่แน่นอนอิมพ์ต้องทำอะไรบางอย่าง
เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้อิมพ์ก็วิ่งกลับไปที่ทางเข้า แต่เจ้าแห่งความโกรธดูเหมือนจะเร็วกว่าอิมพ์หลายเท่า
"ได้ยังไง ... ? อสูรชั้นต่ำและต่ำต้อยอย่างเจ้าได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์มาได้อย่างไร?" เจ้าแห่งความโกรธถามและพยายามจับอิมพ์อีกครั้ง แต่อิมพ์ก็พยายามใช้การ์ดที่อยู่ในถุงมืออย่างรวดเร็ว และในทันใดนั้นแหวนก็ก่อตัวขึ้นรอบ ๆ มือขวาของเขาโดยมีผ้าอยู่รอบ ๆ แม้ว่าเขาจะเปิดใช้งานด้วยมือซ้ายก็ตาม แต่ใบมีดก็ค่อยๆโผล่ออกมาจากมันและเริ่มลอยขึ้น
แต่อิมพ์ไม่สนใจและพยายามใช้ดาบที่ว่องไวเพื่อเคลื่อนเข้าหาลอร์ดแห่งความโกรธ แต่ดูเหมือนว่าลอร์ดจะไม่สนใจเรื่องนี้มากนักเพราะเขาไม่คิดว่ามันจะทำร้ายเขาได้ และตอนนี้เอง ... ใบมีดกรีดลงบนหน้าอกของลอร์ดเล็กน้อยซึ่งในไม่ช้าก็เริ่มส่งเสียงดังฉ่า และปล่อยไอน้ำออกมา
[เจ้าแห่งความโกรธ -13 ความเสียหาย]
[คุณโจมตีด้วยคุณสมบัคิที่เป็นพิษต่อฝ่ายตรงข้าม ความเสียหายคูณ 30]
[ความเสียหายทั้งหมด: 390]
อิมพ์จ้องไปที่การแจ้งเตือนจากนั้นก็จ้องกลับไปหาลอร์ดซึ่งดูเหมือนจะสับสนพอ ๆกัน แต่แล้วมันก็จ้องเขาด้วยความเกลียดชังอย่างแท้จริง "เจ้า ... เจ้า ... " เขาอุทาน แต่อิมพ์ไม่ได้ปล่อยให้เขามีเวลาคิดมากและพยายามที่จะวิ่งหนี ด้วยเหตุผลบางอย่างลอร์ดก็หยุดชั่วขณะนี่ก็ทำให้อิมพ์มีเวลพอไปถึงประตู ตอนนี้มีบันไดสองชุดถัดจากเขาซึ่งมันนำกลับลงไปที่ถนนได้ แต่นี่ก็ทำให้อิมพ์หยุดคิดเพียงชั่วพริบตาก่อนจะวิ่งลงไป
แต่ช่วงเวลาชั่วพริบตานี้เองลอร์ดก็ใช้พลังอย่างเต็มที่ ด้วยการเคลื่อนไหวครั้งเดียวของเขาบันไดด้านหลังอิมพ์ก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและอิมพ์ก็กำลังหล่นไปที่ถนนด้วยความเร็วสูง
ไม่มีแม้แต่สิ่งเดียวที่อยู่ด้านล่างนั้น ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดการตกลงไปของอิมพ์ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเขาจะต้องตายทันทีแน่นอน
อย่างน้อยที่สุดนั่นคือสิ่งที่อิมพ์กำลังคิดในตอนแรก แต่แล้วมันก็เหมือนกับว่าร่างกายของเขากำลังทำหน้าที่ของมันเอง จิตใจของเขาตัดสินใจในทันทีราวกับว่าเขาถูกมันควบคุม
อิมพ์ฉีกหน้ากากของเขาออกจากใบหน้าและสูดอากาศเข้าไปในร่างกายของเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้จากนั้นก็หันหน้าลงไปที่พื้นพร้อมกับปล่อยแรงกดันอากาศทั้งหมดออกมาจากร่างกาย
ด้วยความช่วยเหลือของลมกระโชกmujแรงมหาศาล อิมพ์dHสามารถหยุดการตกของเขาได้ในช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่เขาจะเริ่มหล่นลงไปอีกครั้ง แต่ถึงตอนนี้เขาก็อยู่ห่างจากอากาศเพียงหนึ่งหรือสองเมตรเท่านั้นแล้วและการหล่นลงไปก็ไม่เป็นอันตรายอีกต่อไป
[-67 พลังชีวิต]
ในขณะที่กำลังลุกขึ้นสูดอากาศที่เขาเพิ่งสูญเสียไป อิมพ์ก็พยายามที่จะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เขาเอาชนะความเหนื่อยล้านี้ได้ยากเพราะเพิ่งใช้ 'ความร้อน' หรือมานาไปเป็นจำนวนมากดังนั้นเขาจึงค่อนข้างมีปัญหาในการพักฟื้น แต่ยังมีมานาของเขาเหลืออยู่ในอาวุธรอบ ๆ นิ้วของเขาซึ่งเขาดึงมันกลับมาอย่างรวดเร็วทันที
มันไม่มาก แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็ทำให้อิมพ์กลับมาและเริ่มขยับได้ เขาไม่สามารถรับมือกับไอ่เจ้าคนที่เรียกว่าลอร์ดแห่งความโกรธนั้นได้ดังนั้นกับลอร์ดคนอื่นก็คงไม่ต่างกัน แต่จากสิ่งที่เจ้าแห่งความโกรธเพิ่งพูดออกมา เจ้าอสูรเงาที่ปรากฏตัวขึ้นในโรงเตี๋ยมนั้นจะส่งเด็กๆไปหาพวกมัน
ดังนั้นเขาจึงต้องไปที่อาคารอื่นๆ เพื่อพาพวกเขากลับมา