Chapter 28: เป็นเจ้าชายนี่มันโคตรเหนื่อยเลยจริงๆ - 2 (ส่วนที่ 2)
‘รีบเอาเรื่องนี้ไปรายงานฝ่าบาทน่าจะดีกว่านะ’
ความสงบสุขในตอนนี้มันให้ความรู้สึกเป็นลางไม่ดีเกินไปสำหรับเขา
มีบางอย่างผิดปกติ แม้ว่าเขาจะหวังให้ความสงบสุขนี้เป็นเรื่องดีจริงๆ แต่ถ้ามันตรงกันข้ามหล่ะก็เขาคงจะนั่งอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรเลยไม่ได้
ในขณะที่คิดเรื่องนี้ ฮาร์แมนก็เรียกพวกนักโทษ “ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว ทุกคนกลับไปที่ป้อม”
พวกเขาหยุดพรวนดิน สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปเหมือนกับว่ามีแม่พระมาโปรดพวกเขา ด้วยไหล่ที่ห่อเหี่ยวของพวกเขา พวกเขาก็เริ่มเดินงุ่มง่ามไปที่ป้อมโรเนียเพื่อหนีจากความหนาว
“เหวออ.....!?”
เสียงกรีดร้องอย่างกระทันหันทำให้นักโทษคนนึงตื่นตระหนก เขารีบหันไปมองดูข้างหลังด้วยความฉงน จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ในทันทีว่าพรรคพวกของเขา ที่เดินตามมาข้างหลังได้หายตัวไปแล้ว
นักโทษคนนี้ยังคงงุนงงต่อไปและมองลึกเข้าไปในพายุหิมะ ณ จุดๆนี้หิมะที่ตกลงมานั้นเหมือนกับหมอกหนาจนแทบจะบดบังทัศนวิสัยของเขาอย่างสมบูรณ์ และจนในที่สุดเขาก็เห็นอะไรบางอย่างที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์อยู่ข้างในนั้น
นักโทษคิดว่านั่นคือเพื่อนของเขาแล้วตะโกนเรียก “เห้ย! เร็วเข้า! ฉันจะหนาวตายอยู่แล้วเนี่ย แถมยังหิวด้วย รีบมาแล้วไปหาอะไรกิ...”
ในที่สุดร่างที่เหมือนมนุษย์นั้นก็ได้เผยตัวออกมา มันคือสัตว์ประหลาดร่างมนุษย์ที่มีร่างกายสูงอย่างน้อยสองเมตร
ร่างกายของมันนั้นมีอวัยวะหลายส่วนที่หายไป หรือไม่ก็คงจะเน่าไปแล้ว หน้าตาของมันเละเทะในขณะที่ส่วนหลังค่อมมาข้างหน้า แขนของมันยาวไปจนถึงเข่า และมีกรงเล็บยาวผิดธรรมชาติอยู่ที่ปลายมือของพวกมัน
สัตว์ประหลาดมองนักโทษแล้วเผยรอยยิ้มน่าสยดสยองออกมาด้วยใบหน้าที่เละเทะของมัน
ชายผู้น่าสงสารมีสีหน้าซีดเผือดในทันที
“เหวออ!!”
เสียงร้องอย่างกระทันหันทำให้ฮาร์แมนหันควับกลับมาดูในทันที นักโทษคนอื่นๆเองก็หันไปหาต้นเสียง
สัตว์ประหลาดรูปร่างมนุษย์สูงสองเมตรได้ทะลวงร่างของนักโทษในช่วงเวลานั้นพอดี กรงเล็บที่ดูคล้ายกับเคียวทะลวงร่างของชายคนนั้นได้อย่างง่ายดาย และยกร่างของเขาขึ้น อันเดดได้ทำกัดและกระชากคอของชายคนนั้น ก่อนที่ดวงตาอันเน่าเปื่อยของมันจะย้ายมามองนักโทษคนอื่นๆที่อยู่ในบริเวณ
“นั่นมันกูลนี่!!”
“หนีเร็วเข้า....!”
“...เหวอออ!!”
การบุกรุกอย่างกระทันหันของอันเดดตัวนี้ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกนักโทษ พวกเขาเริ่มพากันหนีด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี
แต่ในตอนนั้นเองก็มีกูลอีกหลายตัวโผล่มาจากชั้นหิมะหนาที่อยู่ใต้เท้าของพวกเขา พวกนักโทษตกตะลึงเกินกว่าที่จะทำความเข้าใจการปรากฎตัวอย่างกระทันหันของสัตว์ประหลาดพวกนี้ได้และพวกเขาก็เริ่มพากันสะดุดล้มไปตามๆกัน
แคว๊กก!!
กรงเล็บเหวี่ยงเข้าใส่และนักโทษก็ตายกันเป็นแถบ สัตว์ประหลาดกระโจนเข้าใส่พวกเขา กดพวกเขาลงกับพื้น และกัดพวกเขาจนตาย
หิมะที่เคยเป็นสีขาวบริสุทธิ์ได้ถูกย้อมด้วยสีแดงฉานอย่างรวดเร็ว
ต้นตอของความหายนะในตอนนี้ก็คือการยอมปล่อยให้นักโทษออกมาข้างนอกกำแพงป้อมเพื่อกวาดหิมะ
“ทุกคนอพยพด่วน! ถ้าอยากรอดก็จงวิ่งซะ!”
แม้ว่าสถานการณ์จะร้ายแรง แต่ฮาร์แมนก็ยังคงใจเย็นอยู่ได้ เขาชักดาบของเขา หลับตาลงและพึมพำกับตัวเองอย่างเงียบๆ “โอ ท่านเทพแห่งสงครามไฮม์ ได้โปรดมอบพลังของท่านให้แก่ข้ารับใช้ผู้นี้ด้วย”
ในตอนที่เขาลืมตาอีกครั้งเขาก็เห็นกรงเล็บของกูลตัวนึงกำลังมาถึงปลายจมูกของเขา ฮาร์แมนย่อเอวลงและหลบการโจมตีนั้นได้ ก่อนที่จะเหวี่ยงดาบของเขาอย่างคล่องแคล่วเพื่อฟันข้อมือของสัตว์ประหลาด
แคว๊ก?
กูลเอียงคอในขณะที่มองข้อมือที่ถูกฟันขาด หลังจากนั้นมันก็มองกลับไปที่ฮาร์แมน แต่ในตอนนั้นเอง ดาบของเขาก็ได้ฟันหัวของมันจนหลุดออกไปแล้ว
สัตว์ประหลาดอันเดดไร้ศีรษะได้ล้มลงไปนอนกับพื้น
ฮาร์แมนย้ายสายตาไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว
มีกูลกำลังโผล่ขึ้นมาจากใต้หิมะที่ปกคลุมพื้นดินมากขึ้นเรื่อยๆ และจากพายุหิมะที่อยู่ข้างหน้า กูลตัวอื่นๆก็กำลังวิ่งเข้ามาเหมือนกัน
พวกมันวิ่งด้วยมือและขาทั้งสี่ด้วยความคล่องแคล่วจนผิดธรรมชาติ และเริ่มไล่ล่านักโทษไปทีละคน
พวกมันมีจำนวนมากเกินกว่าที่เขาจะตอบโต้กลับไปได้
“...บ้าชะมัด”
ฮาร์แมนรีบหันหลังกลับแล้วทำการหนีเหมือนกัน
เขาวิ่งไปที่ป้อมด้วยความเร็วเท่าที่เขาจะทำได้ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้ลืมที่จะอัดฉีดพลังศักดิ์สิทธิ์เข้าไปทั่วทั้งร่างของเขาในขณะที่พึมพำออกมา “โอ ท่านเทพแห่งสงครามไฮม์ โปรดประทานพรของท่านให้แก่ลูกแกะที่น่าสงสารตัวนี้ด้วย...”
เขาพูดสรรเสริญเทพที่เขาบูชาและเหมือนกับเป็นการพิสูจน์ว่าเทพของเขาได้ตอบรับคำวิงวอน พลังศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในตัวเขาหมุนเวียนอย่างกระฉับกระเฉงขึ้น ขาของเขาขยับเร็วกว่านักโทษคนไหนๆที่อยู่รอบตัวเขา
อย่างไรก็ตาม จู่ๆก็มีกูลจำนวนมากโผล่ขึ้นมาเบื้องหน้าเขาอย่างกระทันหัน สัตว์ประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่ในหิมะพวกนี้คำรามออกมาและกระโจนเข้าใส่ฮาร์แมน
เขากัดฟันแน่น
‘ตลอดเวลามานี้พวกมันซ่อนตัวอยู่ได้ยังไงกัน?’
หิมะพึ่งจะถูกกวาดออกไปเมื่อวาน แต่ไม่มีใครพบเจออะไรเลย
‘หรือพวกมันแอบแทรกซึมเข้ามาตอนรุ่งสาง?’
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แสดงว่าพวกมันยับยั้งสันชาตชาติญาณของพวกมันได้จริงๆแม้ว่าจะมีมนุษย์เป็นๆเดินพล่านอยู่เหนือพวกมันใช่ไหม?
อันเดดที่ไม่ยอมจำนนต่อสันชาตญาณของตัวเองงั้นหรอ? เรื่องแบบนั้นมันเป็นไปได้ยังไงกัน!?
ฮาร์แมนบิดลำตัวของเขาเพื่อหลบกรงเล็บของกูล จากนั้นก็ใช้ดาบฟันมันแล้ววิ่งไปข้างหน้าต่อ
ไม่นานนัก เขาก็มองเห็นกำแพงที่ตั้งตระหง่านของโรเนียอย่างชัดเจน ทหารกำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งรีบในช่องว่างของประตูที่เปิดอยู่
“ยิงได้!”
ทหารได้ยิงลูกศรใส่พวกกูลอย่างแม่นยำ แขนขาของพวกมันถูกเจาะทะลวง และร่างกายกับดวงตาของพวกมันก็ถูกแทงทะลุ
แต่ก็น่าเสียดาย อันเดดที่ยังมีหัวติดอยู่กับตัวนั้นไม่รู้จักคำว่าเหนื่อย มันแค่วิ่งไปข้างหน้าเพื่อไล่ล่าเหยื่อของมันโดยไม่ยอมหยุด
“ปิดประตู!”
เสียงตะโกนของฮาร์แมนได้กระตุ้นให้หนึ่งในพวกอัศวินออกคำสั่งกับนักโทษ “ปิดประตูเดี๋ยวนี้!!”
อย่างไรก็ตาม นักโทษกำลังมีปัญหากับคันโยกควบคุมประตูชั้นนอกอยู่ พวกเขาส่งเสียงร้องออกมาดังลั่นด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
“ม มันติดครับ!”
“โซ่ พวกมันถูกแช่แข็งหมดเลย...!”
น้ำเสียงที่ดูลุกลี้ลุกลนของพวกเขาได้ไปถึงหูของฮาร์แมน
‘เวรหล่ะ ฉันก็ย้ำนักย้ำหนาแล้วไม่ใช่รึไงว่าอย่ามองข้ามเรื่องการบำรุงรักษา!?’
หนึ่งในอัศวินรีบชักดาบของเขาออกมา “หลบไป!”
เขาผลักนักโทษออกแล้วเหวี่ยงดาบใส่คันโยกที่รั้งประตูเอาไว้ โซ่ถูกฟันขาดและประตูหนักๆก็กระแทกปิดลงมาอย่างรวดเร็ว
ด้วยระยะห่างแค่เส้นผม ฮาร์แมนได้ไถลตัวผ่านประตูที่กำลังปิดและเข้ามาในป้อมได้ทันเวลาพอดี ส่วนกูลที่ไล่ตามหลังเขามานั้นได้ถูกน้ำหนักของประตูบดขยี้จนตาย
เลือดและเนื้อสดๆกระจายไปทั่วทุกที่ นักโทษถอยหลังไปด้วยความตกใจอย่างเต็มขั้น ในระหว่างนั้น เสียงร้องโหยหวนก็ดังมาจากข้างนอกประตูที่ปิดไปแล้ว
“ยันประตูเอาไว้!” ฮาร์แมนตะโกนออกคำสั่งทหารคนอื่นๆ “จัดขบวนตั้งรับ! อัศวิน สั่งการนักโทษ ไม่ใช่สิพวกทหาร!”
เสียงตะโกนของเขาได้กระตุ้นให้พวกอัศวินส่งเสียงขานรับออกมาดังเช่นกัน
“เจ้าหน้าที่ทุกนาย จัดแถว!”
“เรียงตามชั้นยศ!”
“ขึ้นไปบนกำแพง! เร็วเข้า...!!”
นักโทษรีบทำตามคำสั่งของอัศวิน ในขณะที่ถือโล่กับหอกอย่างไม่เป็นระเบียบ พวกเขาก็รีบขึ้นไปบนกำแพงชั้นนอก
ฮาร์แมนเองก็รีบตรวจสภาพอุปกรณ์ของเขาในขณะที่ปีนขึ้นไปบนกำแพงด้วยก้าวเดินที่เป็นจังหวะ เขากำลังสงสัยอยู่ว่าทำไมเหตุการณ์มันถึงสงบขนาดนี้ และในตอนนี้พวกมันก็มาที่นี่แล้ว อีกไม่นานนี้จะถึงวันที่ 25 ธันวาคม
วันครบรอบที่ราชาเนโครแมนเซอร์เอม่อนได้สิ้นลมหายใจสุดท้ายของเขาบนดินแดนวิญญาณแห่งความตายใกล้จะมาถึงแล้ว ในอีกไม่นานนี้อันเดดประมาณสองพันหรือบางทีอาจเป็นสามพันจะ...
“...”
สีหน้าของฮาร์แมนแข็งทื่อในตอนที่เขามาถึงบนกำแพงป้อม เขาได้ยินเสียงพึมพำอย่างไม่สบายใจของพวกทหารที่อยู่ใกล้ๆเขา
สองสามพันหรอ?
ใช่ก็บ้าแล้ว! นี่มันเหมือนกับ...
แม้กระทั่งฮาร์แมนก็ยังตกอยู่ในสภาพสับสน
ในทุกๆปี เขาจะเดินทางมายังที่แห่งนี้เพื่อต่อกรกับการคุกคามของอันเดด
ศัตรูของเขาคือศพเดินได้ พวกมันไม่รู้จักความกลัวและสูญเสียสติของตัวเองไปให้กับสัญชาตญาณดิบของพวกมัน ไม่เพียงแค่พวกมันจะขาดอุปกรณ์ที่เหมาะสมในการยึดที่แห่งนี้ แต่พวกมันยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเทคนิคการต่อสู้หรือกลยุทธ์ทางการทหารด้วย
นี่คือสาเหตุที่เรื่องมันไม่ได้อันตรายถึงขนาดนั้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ แต่ว่า...
แคว๊กก!!!
นี่มันคงจะไม่ได้เป็นเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
ตอนนี้สิ่งที่ดวงตาของเขาเห็นคือภาพของกองทัพอันเดด
ตึง... ตึง... ตึง....!
เสียงจังหวะของกลองสงครามดังก้องไปทั่ว
มีพวกอันเดดเริ่มเผยตัวออกมามากขึ้นเรื่อยๆจากในพายุที่พัดโหมกระหน่ำ
มีซอมบี้ที่เดินโซซัดโซตัวนึงกำลังตีกลองที่ทำมาจากหนังและกระดูกเพื่อให้จังหวะ และรอบตัวมันก็คือฝูงซอมบี้ไร้อาวุธที่กำลังเดินทัพมาข้างหน้า
ถัดไปจากพวกมันก็คือโครงกระดูกที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดในชุดรบพร้อมกับอุปกรณ์หยาบๆ พวกมันกำลังจ้องมองคนเป็นด้วยเบ้าตาที่กลวงโบ๋ของพวกมัน มีกูลที่ส่งเสียงคำรามและกำลังวิ่งพล่านไปทั่วด้วยความเร็วสูงในกลุ่มของพวกมันด้วย
โฮกก โฮก โฮกกก!
นอกจากนี้ยังมีซอมบี้โอเกอร์สูงสีเมตรในกลุ่มพวกมันอีก
การผสมกันนี้ไม่ได้แตกต่างจากเมื่อก่อน อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของพวกมันนั้นต่างกันคนละเรื่อง
พวกมันไม่ได้เคลื่อนไหวตามอำเภอใจ พวกมันที่ต้องทรมานจากความหิวกระหายชั่วนิรันดร์ เช่นเดียวกับความเกลียดชังที่มีต่อสิ่งมีชีวิตตอนนี้ได้ทำการจัดชั้นยศที่เหมาะสมและกำลังอยู่ในสถานะเตรียมพร้อม บางทีพวกมันน่าจะกำลังรอคำสั่งจากผู้บัญชาการของพวกมัน
และกองทัพนี้ก็เป็นกองทัพอันแข็งแกร่งซึ่งมีจำนวนมากกว่าสองหมื่น มันคือกองทัพที่ถึงแม้จะมารวมตัวกันอย่างลวกๆ แต่ก็ยังมีอาวุธปิดล้อมด้วย
ฮาร์แมนปิดปากเงียบแล้วตรวจสอบพื้นที่ด้วยดวงตาที่สั่นไหว
มีซอมบี้ทาสเปลือยกลุ่มนึงกำลังแบกเกี้ยวอย่างขะมักขะเม้นในขณะที่พายุหิมะยังคงโหมกระหน่ำต่อไป และที่นั่งอยู่บนเกี้ยวนั้นก็คือสิ่งมีชีวิตอันน่าขนลุกที่บัญชาการกองทัพนี้
– อา พวกสิ่งมีชีวิต จงฟังข้า จงหวาดกลัวข้า!
มันไม่ใช่แค่ฮาร์แมน แต่อัศวินคนอื่นๆและคนที่อยู่ในโรเนียพร้อมกับพวกนักโทษต่างก็สัมผัสได้ถึงวจีวิญญาณที่อัดแน่นไปด้วยพลังมาร ‘เสียงก้องแห่งอันเดด’ กำลังดังในหัวของพวกเขา
– มันสามารถข่มจิตใจของผู้คนและปลุกความรู้สึกกลัวให้ตื่นขึ้นมาได้
สีหน้าของพวกทหารและพลเรือนซีดเผือดในทันที
– จงอิจฉาความตาย และปราถนาที่จะได้รับการปลดปล่อยจากมัน!
ฮาร์แมนจ้องมองสิ่งมีชีวิตที่กำลังพูดคำพวกนี้ออกมา เขาจ้องไปยังสัตว์ประหลาดตัวอ้วนที่กำลังนั่งอยู่บนเกี้ยวที่มีซอมบี้แบกอยู่
มันมีร่างกายที่ใหญ่โตสูงอย่างน้อยสามเมตร ร่างกายของมันอ้วนฉุ มันมีเหนียงสามชั้น พร้อมกับเสื้อผ้าขุนนางเปื้อนเลือดที่คลุมร่างกายอันอ้วนฉุของมันเอาไว้
ที่รอบคอหนาๆของมัน เขามองเห็นสร้อยคอกระดูก และเหมือนกับเป็นขุนนางจริงๆ ผมสีขาวของมันนั้นได้ถูกม้วนขึ้นมาอย่างดี
สัตว์ประหลาดที่ดูเหมือนกับการผสมกันระหว่างมนุษย์กับหมูตัวนี้ได้ใช้โล่ที่วางเอาไว้หน้าเก้าอี้เหมือนจานเสิร์ฟ มันทำกับศพที่นอนอยู่บนโล่เหมือนกับชิ้นเนื้อสเต็กด้วยการหั่นมันและกินมันเข้าไป
– พวกเราคือผู้ตัดสินโลกใบนี้!
ฮาร์แมนรู้จักเจ้าสัตว์ประหลาดนี้ เจ้าสิ่งนี้ก็เป็นอันเดดเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่แค่อันเดดทั่วไป แต่เป็นอันเดดที่อยู่รอดมาจนถึงการวิวัฒนาการขั้นสุดท้ายสำหรับอันเดดทุกตัว
– และข้าก็คือผู้มาโปรดที่จะช่วยเหลือโลกนี้เอาไว้ผ่านความตาย!
ซอมบี้จะวิวัฒนาการเป็นกูล ในขณะที่โครงกระดูกจะกลายเป็นนักรบหรือไม่ก็นักธนู
– พวกเราคือ...
การวิวัฒนาการขั้นสุดท้ายของซอมบี้ก็คือ...
– ผู้สืบทอดของเทพแห่งความตาย เจตจำนงแห่งยูได!
แวมไพร์
– เคานต์ผู้ยิ่งใหญ่เฉกเช่นข้าผู้นี้จะช่วยเหลือพวกเจ้าทุกคนจากความสิ้นหวังของการมีชีวิตอยู่!