WS บทที่ 27 การต่อสู้อันดุเดือด PART 1
จีอาได้หยุดเดินและหันหลังมาพูดเบา ๆ ว่า “เรื่องนั้นคุณอีธานได้ฝากของบางอย่างไว้ให้ฉันก่อนหน้านี้ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นของแบบไหนแต่ฉันเจอข้อความที่เขียนว่า ให้ส่งมันให้กับคุณ”
“ของที่ว่ามันอยู่กับเธอเหรอ?” เมอร์ลินจ้องมองด้วยแววตาที่เปล่าประกายและถามต่อว่า “แล้วตอนนี้มันอยู่ที่ไหน”
“ฉันซ่อนมันเอาไว้ ตามฉันมา”
จากนั้นจีอาก็เดินนำเมอร์ลินไป เขาหรี่ละจ้องมองเธออยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจตามเธอไป
มอสส์ที่อยู่ไม่ไกลได้ออกมาจากอาคารเรียน เขามาถามเมอร์ลินว่า “คุณชายเมอร์ลิน ท่านต้องการรถม้ามั้ยครับ?”
เมอร์ลินโบกปัด “ไม่จำเป็น ฉันจะออกไปข้างนอกสักพัก นายช่วยรออยู่ตรงนี้นะ”
มอสส์พยักหน้ารับคำสั่งอย่างเงียบ ๆ เขาจ้องมองเจ้านายที่กำลังออกไปข้างนอกพร้อมสาวสวยจึงไม่ถามอะไรเพิ่มเติมและเข้าไปรอเจ้านายในรถม้า
หลังจากที่จีอาและเมอร์ลินออกเดินไปพักใหญ่ พวกเขาก็มาถึงลายกว้างที่สวยงาม
“มันอยู่ข้างในนี้แหละ ไปกันเถอะ” จีอากล่าวอย่างเรียบ ๆ เธอได้ซุกซ่อนแววตาประกายเอาไว้
ที่นี่มีสนามที่กว้างมาก ไม่ค่อยมีหิมะซ้ำกันมากเท่าไหร่ นี่แสดงให้เห็นว่าลานแห่งนี้มีคนมาทความสะอดอยู่บ่อยครั้ง
พวกเขาได้เดินต่อและมาถึงประตูใหญ่ ดูเหมือนหลังประตูนั่นจะพาไปสู่ห้องนั่งเล่น
ตัวประตูได้ถูกปิดแน่นหนา ในขณะที่จีอากำลังจะขึ้นบันไดนั้น เธฮได้หันมามองเมอร์ลินและพบว่าเขาหยุดยิ่งไม่เคลื่อนไหว
“ของอยู่ข้างหน้านี่เอง ทำไมคุณถึงหยุดเดินล่ะ” เธอถามพลางขมวดคิ้ว
เมอร์ลินมองไปที่ประตูและเผยรอยยิ้มออกมา
“จีอา ข้างหลังประตูนั่นมีกี่คนเหรอ?”
จีอารู้สึกมึนงงแต่เธอยังคงรักษาท่าทีเอาไว้และพูดว่า “ที่นี่คือฐานลับของฉัน มีเพียงฉันเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้”
“งั้นเหรอ? ถ้าขอทดสอบอะไรบางอย่างเธอคงไม่ว่าฉันสินะ”
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็เสกลูกไฟสองลูกออกมข้างตัวเมอร์ลิน พวกมันได้ปลดปล่อยความร้อนอันน่ากลัวออกมา
“นายท่านโรลิน ตอนนี้แหละ จัดการเขาซะ!!”
จีอาได้ตะโกนออกมาพร้อมกับเข้าไปในบ้านด้วยความเร็วสูง อย่างไรก็ตามก็เร็วสู้ลูกไฟของเมอร์ลินไม่ได้
เมอร์ลินควบคุมลูกไฟด้วยพลังจิต ทำให้ลูกไฟทั้งสองกระแทกเข้าร่างกายของจีอาเต็ม
*ตูม! ตูม!*
ดูเหมือนว่าเธอจะเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้ เธอได้หยิบโล่ขึ้นมาป้องกันลูกไฟ แต่ถึงจะป้องกันได้แต่เธอก็ยังได้รับผลกระทบจากแรงระเบิดของลูกไฟ ทำให้เธอกระเด็นเอาไปในต้วบ้าน
เมอร์ลินไม่รู้ว่าตอนนี้เธอมีชีวิตหรือตายไปแล้ว
*ตูมตูม!!*
เมอร์ลินได้เสกลูกไฟพังประตูส่วนที่เหลือ
*ฟิ้ว ฟิ้ว*
ทันใดนั้นเองได้มีลูกศรพุ่งออกมาจากตัวบ้าน มันเป็นลูกศรที่สั้นและมีสีดำทำให้ยากต่อการมองเห็น เพียงแค่เมอร์ลินมองแวบเดียวก็รู้เลยว่าลูกศรเหล่านี้ถูกยิงมาจากหน้าไม้
ในระหว่างที่ลูกศรนับสิบกำลังบินมาหาเขา เขาได้ร่ายลูกไฟสองลูกพร้อมกับกระโดดถอนหลัง จากนั้นเขาก็สั่งให้ลูกไฟระเบิดออก
ด้วยแรงระเบิดทำให้ลูกศรทั้งหมดถูกซัดกระเด็นออกไป
เมอร์ลินได้จ้องมองเข้าไปในบ้านอย่างตื่นตัว เขาเห็นมีร่างหนึ่งกำลังเดินออกมาจากบ้านอย่างช้า ๆ เขาหยุดอยู่ตรงประตูและจ้องมองเมอร์ลินอย่างหยิ่งผยอง
“แหม่ รู้ตัวเร็วจังเลยนะ ฉันก็คิดว่าเนียนแล้วนะหรือจีอาจะโกหกไม่ค่อยเก่ง”
หลังจากที่ฝุ่นควันค่อย ๆ จางลง เมอร์ลินสามารถมองเห็นเจ้าของเสียงได้ เขาเป็นชายวัยกลางคน อายุราว ๆ 40ปี เขาสูงเกือบ 2เมตร มีร่างกายกำยำ ใบหน้าของเขาประดับด้วยหนวดเคราหนา เขาถือดาบขนาดใหญ่ยิ่งทำให้ตัวเขาดูน่ากลัวมากราวกับสัตว์ร้ายเลย
เมอร์ลินได้มองเขาอย่างเงียบ ๆ ตอนนี้เขาร่ายลูกไฟไปมากกว่า 4ลูกแล้ว ทำให้ขอบสีเทาได้เปลี่ยนเป็นสีแดง เขาสามารถเสกลูกไฟขนาดใหญ่ได้แล้ว
“จีอาหลอกฉันงั้นเหรอ? เปล่าเลย ฉันเป็นฝ่ายที่หลอกใช้เธอต่างหาก ที่ฉันไม่ฆ่าเธอก็เพื่อให้เธอนำทางมาหาพวกแกไงล่ะ
แม้โบสถ์เทพแห่งแสงจะอันตรายแต่พวกเขาคงไม่สนใจเมืองเล็ก ๆ เช่นนี้หรอก ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวฉันเอง ฉันจำเป็นต้องฆ่าคนที่รู้ถึงตัวจริงของฉันให้หมด”
เมอร์ลินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแข็งกระด้าง
ย้อนกลับตอนนี้เขาปล่อยจีอา เขารู้อยู่แล้วว่าเธอโกหก แต่หากเขาฆ่าเธอในตอนนั้น เขาคงไม่มีทางรู้ถึงตัวตนของสายลับจากอาณาจักรแบล็กมูนได้เลย
ดังนั้นเขาจึงปล่อยเธอไป ในระหว่างนั้นเขาได้เตรียมการรับมือคนจากอาณาจักรแบล็กมูนทั้งหมดที่อยู่ในเมืองนี้
ชายหนวดเครามองเมอร์ลินอย่างสงบและพูดว่า
“ช่างเป็นพ่อมดหนุ่มที่เฉลียวฉลาดเสียจริง แต่ยังไงพวกพ่อมด มันก็หยิ่งยโสเหมือนกันทั้งหมด โดยเฉพาะตาเฒ่าอีธานนั่น เขาไม่เคยคิดจะฟังคำสั่งฉันเลยและยังออกจากเมืองแบล็กวอเตอร์โดยที่ไม่คิดจะบอกฉันเลยแต่ก็ดีที่ตาเฒ่านั่นตายไปแล้ว ฉันล่ะสะใจมาก ๆ”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ได้แพร่จิตวิญญาณของเขาออก ด้วยแรงกดดันอันมหาศาลนี้ทำให้เมอร์ลินรู้สึกถึงอันตราย เขารู้สึกว่าคู่ต่อสู้ของเขาไม่ใช่นักธาตุทั่วไปแต่เป็นนักดาบธาตุระดับสาม
นอกจากนี้เมอร์ลินยังรู้สึกว่าเขาเกลียดชังชายชราอีธานมาก ๆ และยังเกลียดพวกพ่อมดคนอื่นอีกด้วย
“ในเมื่อกล้าพูดออกมาแบบนี้ แสดงว่าคุณเตรียมใจยอมรับผลที่ตามมาสินะ”
หลังจากที่เมอร์ลินพูดจบ เขาได้โบกมือร่ายลูกไฟบินตรงไปหาชายหนวดเครา
ชายหนวดเคราได้มองเงียบ ๆ จากนั้นได้กระทืบพื้นอย่างรุนแรง ทำให้บริเวณโดนรอบสั่นไหวเบา ๆ พลังธาตุไฟโดยรอบได้ถูกดูดกลืนเข้าไปในร่างกายของเขา
เมอร์ลินได้ตกตะลึง เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เขาได้สู้กับนักดาบธาตุระดับสาม หากเทียบกับนักดาบธาตุที่เขาเจอ ความแข็งแกร่งนั้นมันต่างกันมา
“นี่คือคาถาระดับศูนย์ ลูกไฟสินะ พ่อมดหนุ่มเอ๋ย ฉันแสดงให้ดูเองว่าพลังเปลวไฟของนักดาบเพลิงนั้นเป็นยังไง”
“รับไปซะ!! คลื่นอัคคี!!”
ชายหนวดเครายกดาบใหญ่ขึ้น ตัวดาบได้เปล่งแสงสีแดงออกมา จากนั้นเขาเหวี่งดาบใหญ่ไปข้างหน้าอย่างดุร้าย