บทที่ 229 หัวขโมยไฟ (อ่านฟรี)
หลังจากคิดสักพักซีเว่ยก็เห็นด้วยกับคำขอของฟลินท์แมน
แน่นอนว่าเนื่องจากสถานการณ์ภายในที่พิเศษอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขา เขาจึงได้ทำความสะอาดพื้นที่เล็ก ๆ ก่อนที่จะให้ฟลินท์แมนเข้ามา และแยกมันออกจากส่วนอื่น ๆ ของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์
ซีเว่ยได้เรียนรู้วิธีแยกช่องว่างภายในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ตอนที่เขาสร้างกระท่อมมืดให้กับผู้เล่น และดันเจี้ยนจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเพทเจ้ากระดูกเน่า ด้วยความคุ้นเคย เขาจึงจัดการได้อย่างรวดเร็ว
ยิ่งไปกว่านั้นซีเว่ยได้แอบพยายามติดต่อสิงโตอย่างลับ ๆ และตั้งใจว่าจะให้เขามาช่วยเป็นประธานในเรื่องต่าง ๆ เพราะยังไงซะฟลินท์แมนก็แข็งแกร่งกว่าซีเว่ยที่เป็นเพียงลูกบอลอ่อนแออย่างเห็นได้ชัด
ควรรู้ว่าซีเว่ยรู้สึกถูกคุกคามอย่างมากหลังจากการประชุมครั้งก่อนของวิหารล่องหน เขาได้เริ่มเตรียมไม้เด็ดในการเผชิญหน้ากับสงครามเทพเจ้า แต่สาเหตุที่ผู้กล้าถูกเรียกว่าผู้กล้าเพราะเขาต้องเสี่ยงอันตรายพอ ๆ กับพลังที่เขาได้รับมา
และซีเว่ยไม่ต้องการเสี่ยงหากไม่จำเป็นจริง ๆ
น่าเสียดายที่สิงโตกำลังยุ่ง และไม่สามารถมาช่วยให้ซีเว่ยรู้สึกสบายใจได้ แต่อัสลานก็ยืนยันกับเขาว่าแม้ฟลินท์แมนจะเป็นผู้ต่อต้านพระเจ้าและมีพฤติกรรมแปลกประหลาด และข้อเท็จจริงเล็กน้อยที่ว่าเขาได้ขโมยอำนาจของเทพแห่งเปลวเพลิงไป ฟลินท์แมนก็เป็นเทพที่ดี เขาจะไม่โจมตีซีเว่ยในฐานะสมาชิกของวิหารเดียวกันแน่
ยิ่งไปกว่านั้นฟลินท์แมนยังตั้งเป้าไปที่เทพเจ้าแห่งเปลวเพลิงซึ่งเป็นเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่กว่าทันทีหลังจากขึ้นสู่สถานะเทพ และลอยนวลมาได้นานกว่า 500 ปี หากพูดอย่างไม่เกรงใจเลยก็คือเขาไม่ต้องการอำนาจของเทพเจ้ามือใหม่อย่างซีเว่ย...
ถึงสิงโตจะคิดแบบนั้น แต่ซีเว่ยก็รู้ตัวเองดี
แม้พลังอำนาจต่าง ๆ ของเขาที่เย็บรวมเข้าด้วยกัน จะไม่เข้าตาของหัวขโมยไฟ แต่ปัญหาก็คือซีเว่ยยังมีอำนาจพิเศษนอกเหนือจากอำนาจของเทพเจ้าแห่งเกม
อำนาจในการข้ามบาเรียโลก
อำนาจในการข้ามบาเรียโลกได้โดยแทบจะไม่มีค่าใช้จ่าย คือวิธีที่ซีเว่ยสามารถทำให้ผู้ศรัทธาของเขามีช่วงเวลาดี ๆ ได้ในดินแดนมรรตัย แม้ว่าพลังอันศักดิ์สิทธิ์ของเขาแทบจะมีไม่ถึงหนึ่งในพันของเทพเจ้าอื่น ๆ และรายได้ของเขาก็ติดตัวแดง
หากเปลี่ยนเป็นเทพองค์อื่นที่เรียนรู้สไตล์การเล่นแบบเดียวกันนี้ เทพองค์นั้นคงจะตายไปนานแล้ว...
ยิ่งไปกว่านั้นเขามีอำนาจในการข้ามโลกโดยไม่สนใจกฎที่กำหนดโดยตรีเอกานุภาพแห่งการสรรค์สร้าง และสามารถใช้ร่างที่แท้จริงข้ามบาเรียโลกเพื่อเข้าสู่แดนมรรตัยได้ทันทีหากเขาต้องการ เขาไม่จำเป็นต้องเฝ้าดูอยู่แต่ในอาณาจักรอันศักดิ์สิทธิ์ตลอดเวลา และสามารถลงมาบนโลกและมีช่วงเวลาที่ดีกับผู้ศรัทธาของเขาได้
ซีเว่ยเข้าใจน้ำหนักของสิ่งต่าง ๆ ดี แม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันคงสนุกหากได้ไปร่วมเล่นกับเหล่าสาวกในดินแดนมรรตัย
แต่ถ้าเขาทำอย่างนั้น เขาจะตาบอดเพราะความเพลิดเพลินและมองไม่เห็นภาพรวมเพื่อฉกฉวยโอกาสหรือตอบสนองต่อบางสิ่งได้ทันเวลา และสุดท้ายเขาอาจจะตายในสงครามเทพเจ้าครั้งที่ 4 หรือยั่วยุใครบางคนที่เขาไม่ควรเข้าไปยุ่งและถูกฆ่าตาย
แต่นั่นเป็นการพูดนอกเรื่อง
ไม่ว่าจะยังไง ผู้มีอำนาจในข้ามโลกคือซาลาเปาสีทองท่ามกลางกองภูเขาซาลาเปา
หากเทพบิดรทั้งเจ็ดที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดเหนือเทพอื่น ๆ ยังคิดจะขโมยมันไปจากซีเว่ย หากพวกเขารู้เกี่ยวกับมัน ก็นับประสาอะไรกับเทพเจ้าระดับกลางอย่างฟลินท์แมน
“อาณาจักรอันศักดิ์สิทธิ์ของท่าน…ดูเหมือนจะเล็กมาก”
ฟลินท์แมนพูดหลังจากที่เขามองโลกอันกว้างใหญ่แต่ว่างเปล่าเมื่อเข้าสู่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของซีเว่ย
ซีเว่ยสามารถบอกได้ทันทีจากน้ำเสียงของเขาคำติ แต่มีความหมายว่า 'ฉันรู้ว่านายกำลังซ่อนอะไรบางอย่างจากฉัน'
แต่ฟลินท์แมนรู้มารยาทดี และไม่ได้พูดอะไรตรง ๆ เช่น ‘เอามาให้ฉันดูเดี๋ยวนี้’
และเมื่อเขาเห็นว่าซีเว่ยเมินคำพูดของเขา เขาก็ยักไหล่ “อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของข้าค่อนข้างกว้างใหญ่ ท่านอยากไปเยี่ยมไหม”
“ข้าจะไปเมื่อท่านจัดการกับเทพเจ้าแห่งเปลวเพลิงได้แล้ว”
ซีเว่ยปฏิเสธโดยไม่ลังเล
เป็นความจริงที่ฟลินท์แมนมีอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองหลังจากกลายเป็นเทพเจ้า แต่ไม่นานเขาก็ถูกไล่ล่าโดยเทพเจ้าแห่งเปลวเพลิงไปทั่วแดนเทพ
เขาอาจจะไม่มีเวลาตกแต่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขาด้วยซ้ำ
แต่ฟลินท์แมนไม่รู้สึกขุ่นเคืองกับน้ำเสียงที่ค่อนข้างไม่สุภาพของซีเว่ยและถามตรง ๆ ว่า “ข้าได้ยินมาว่าท่านบรรลุข้อตกลง…กับลูน่า ในการชุมนุมครั้งนั้นสินะ”
“ท่านพูดเหมือนเราเป็นตัวแทนของทหารที่แอบทำข้อตกลงกับผู้ค้าอาวุธเถื่อนงั้นแหละ…”
ซีเว่ยอดไม่ได้ที่จะบ่น “ข้อตกลงที่ข้าทำกับลูน่าเป็นเพียงแค่การทดลองความร่วมมือเท่านั้น”
“ใช่ นั่นคือข้อตกลงความร่วมมือ บลาบลาบลา” ชัดเจนว่าฟลินท์แมนไม่ได้พยายามจำชื่อเต็มมันเลย “สรุปก็คือเอลฟ์ป่าอาจกลายเป็นผู้เปลี่ยนใจมาเลื่อมใสในศาสนจักรของท่านก็ได้สินะ”
“…นั่นก็จริง แต่เอลฟ์ป่านั้นหัวโบราณ และเป็นไปไม่ได้ที่จะให้พวกเขาเปลี่ยนไปนับถือศาสนาใหม่” ซีเว่ยถอนหายใจ
นั่นเป็นข้อบกพร่องอย่างหนึ่งของเผ่าพันธุ์ที่มีอายุยืนยาว เหมือนกับคนที่ชอบคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่มักจะดื้อรั้นมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น แม้แต่เอลฟ์ป่าที่มีอายุมากกว่า 100 ปีก็ยังยึดติดกับกฎเกณฑ์และประเพณีที่สืบทอดมากอย่างยาวนาน และการเปลี่ยนใจพวกเขาจึงเป็นอะไรที่ยากมาก
นั่นคือเหตุผลที่ซีเว่ยเองไม่ได้ออกเควสให้ผู้เล่นเผยแพร่หลักคำสอนให้เอลฟ์ และอาศัยเพียงเควสรายสัปดาห์ที่กระตุ้นให้ผู้เล่นไปเผยแพร่หลักคำสอนในเมืองมนุษย์และรับสมัครผู้ศรัทธาใหม่ที่เชื่อถือได้ที่นั่นแทน
“ยังไงก็ตามมันเกี่ยวอะไรกับท่าน” ซีเว่ยถามพลางเขาคางตัวเอง
“อัสลานไม่เคยบอกท่านหรือ”
ฟลินท์แมนไล้นิ้วไปตามผมสีดำทรงเหมือนเดรดล็อกส์ เผยให้เห็นหูแหลมที่ซ่อนอยู่ข้างใต้ “ข้าเป็นเอลฟ์ป่าก่อนที่ข้าจะขึ้นเป็นเทพเจ้า”
“โอ้” ซีเว่ยอุทานอย่างไร้ความหมาย
ความจริงเขาคิดว่าฟลินท์แมนเป็นมนุษย์ก่อนที่เขาจะขึ้นสู่สวรรค์ แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นเอลฟ์…
แต่ไม่มีอะไรน่าตกใจ
เมื่อเทียบกับมนุษย์แล้วเอลฟ์มีข้อได้เปรียบในเรื่องของอายุขัย ในหลาย ๆ กรณีมนุษย์จะตายก่อนที่พวกเขาจะได้สะสมความรู้จนเพียงพอ ในขณะที่พวกเอลฟ์ได้เรียนรู้เรื่องดนตรีและศิลปะแบบสุ่มมากมายจากความเบื่อหน่ายของการมีชีวิตที่ยาวนาน กระทั่งสร้างระบบศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ของเอลฟ์แต่เพียงผู้เดียวขึ้นมาได้
ด้วยเหตุนี้เอลฟ์จึงมีโอกาสที่ดีกว่าในการได้รับพลังแห่งปาฏิหาริย์ ขึ้นสู่ระดับตำนาน และขโมยอำนาจของเทพเจ้าบางองค์
“ดังนั้นข้าหวังว่าท่านจะช่วยดูแลเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของข้า…” ฟลินท์แมนกล่าว
“ท่านควรถามลูน่าไม่ใช่เหรอ? เธอมีพลังมากกว่าข้ามาก” ซีเว่ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลก ๆ
“ใช่ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง…ข้ารู้สึกว่าท่านมีศักยภาพมากกว่าลูน่า นั่นคือเหตุผลที่ข้าถามท่าน” ฟลินท์แมนตอบอย่างจริงจัง “แน่นอนข้าจะไม่ยอมรับว่าข้าพูดแบบนั้นหลังจากออกไปจากที่นี่! มันไม่มีประโยชน์แม้ว่าท่านจะเอาเรื่องนี้ไปรายงานกับลูน่า!”
“…”
เดิมทีซีเว่ยต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ร่างกลม ๆ ของเขาก็นิ่วหน้าและกลืนสิ่งที่เขากำลังจะพูดลงไป
แม้แต่ฟลินท์แมนที่ไม่สนใจอะไรมาตลอดหลังจากเข้าสู่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของซีเว่ยก็ยังจริงจังขึ้นมา
บทสนทนาของเทพเจ้าทั้งสองถูกขัดจังหวะในขณะที่ความเงียบแปลก ๆ เข้าครอบงำพื้นที่ว่างเปล่าเล็ก ๆ นี้
เหตุผลก็คือพลังมหาศาลอันน่าสะพรึงกำลังค่อย ๆ เคลื่อนตัวผ่านอาณาจักรอันศักดิ์สิทธิ์ของซีเว่ย
-----------------------------------------------
เพจ FC-Translate