WS บทที่ 26 เสียงกระซิบ
เมซี่ส์เดินเข้ามาในปราสาท ใบหน้าของเธอแดงเล็กน้อยเนื่องจากความหนาวเย็น หลังจากที่เธอปัดเศษหิมะออก เธอก็รีบเข้ามาใกล้ ๆ เตาผิงและถูมือรับความอบอุ่น
“โอ้! เมซี่ส์ วันนี้น้องกลับมาเร็วจัง”
เมอร์ลินเดินลงมาที่เตาผิงและทักทายเมซี่ส์
เมซี่ส์เหลือบมองเมอร์ลินอย่างประหลาดใจและพูดว่า “วันนี้อากาศหนาวมาก นักดาบเปโรเลยสั่งเลิกเรียนไวกว่าปกติในช่วงสองสามวันนี้น่ะ”
เมอร์ลินพยักหน้าและเดินไปนั่งตั้งโซฟาหน้าเตาผิง เขาลอบสังเกตธาตุไฟในตัวเมซี่ส์
เนื่องจากเมอร์ลินได้สร้างโครงเวทมนต์ของคาถาลูกไฟไปทำให้การรับรู้ของเขาไวต่อธาตุไฟมากขึ้น เขาเห็นว่าพลังงานธาตุไฟที่อยู่รอบตัวเมซี่ส์นั้นเข้าสู่ร่างกายของเธอในปริมาณที่น้อยมาก
ตัวเมซี่ส์มีปฏิสัมพันธ์กับพลังธาตุไฟ หากเธอสะสมธาตุไฟได้ถึงจุดหนึ่ง เธอจะสามารถนำออกมาและควบคุมใช้งานมันได้
อย่างไรก็ตามเขาสังเกตเห็นว่าพลังงานธาตุไฟที่เข้าไปในร่างกายของเมซี่ส์นั้น บางส่วนก็ออกมาจากร่างกายของเธอในเวลาเดียวกัน
กล่าวคือร่างกายของเมซี่ส์ในตอนนี้ไม่สามารถกักเก็บพลังงานธาตุได้เลย
นี่จึงเป็นความแตกต่างระหว่างนักดาบธาตุกับพ่อมด
พวกพ่อมดนั้น หากได้สร้างโครงสร้างเวทมนต์ได้สำเร็จเมื่อไหร่ มันจะสามารถดูดพลังงานธาตุได้ทันที โดยพลังงานธาตุพวกนั้นจะกลายเป็นพลังเวทย์ในกับพ่อมดและมันจะไม่หายไปไหน
แต่สำหรับนักดาบธาตุ พวกเขาไม่สามารถดูดซับพลังงานธาตุได้ตามต้องการ พวกเขาต้องอาศัยคุณสมบัติร่างกายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวดูดซับ ด้วยความแตกต่างที่กว้างเช่นนี้ทำให้นักดาบธาตุสู้กับพ่อมดได้ยาก
เมอร์ลินต้องการจะดูว่า เขาพอจะช่วยเมซี่ส์ในการฝ่าอุปสรรคในครั้งนี้ได้มั้ย แต่หลังจากที่เขาตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาพบว่าเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้แถมยังดูดพลังธาตุไฟในตัวของเมซี่ส์เข้าไปอีก
เขาส่ายหัวและลุกขึ้นยืน
“เมซี่ส์ ตอนนนี้อากาศมันหนาวมากนะ น้องน่าจะรีบเข้านอนนะ”
หลังจากนั้น เขาก็ขึ้นไปชั้นบนและกลับไปยังห้องของเขา
...
*กึก กึก*
ตอนนี้เมอร์ลินนั่งอยู่ในรถม้าพร้อมกับฝึกสมาธิไปในตัว
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา พลังจิตของเขาเพิ่มขึ้นมาก จากการที่เขาฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอและตอนนี้เขาใกล้จะพร้อมสำหรับโครงสร้างเวทมนต์อันที่สองแล้ว
“ถึงที่หมายแล้วครับ คุณชายเมอร์ลิน”
รถม้าได้หยุดแล้วมอสส์ได้เปิดม่านพูดเข้ามา
สำหรับการฝึกสมาธินั้นสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลาและยังสามารถยกเลิกกลางคันได้
เมื่อเมอร์ลินได้ยินเสียงมอสส์ เขาก็ลืมตาและลงจะรถม้าทันที
วันนี้ เมอร์ลินตั้งใจจะมาเข้าเรียนวิชามารยาท เขารู้สึกว่าเขาฝึกคาถาลูกไฟจนเชี่ยวชาญแล้ว เขาสามารถควบคุมได้อย่างแม่นยำดั่งใจนึก
เมอร์ลินเดินตรงไปในอาคาร เขาเห็นกัตต์กับแอนสันอยู่ที่ชั้นสองแต่ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ทันสังเกตเมอร์ลิน พวกเขาจ้องมองทีรอธที่อยู่ไกล ๆ
เขาหันไปมองและพว่า ทีรออธกำลังยื่นบัตรเชิญให้คนที่มาเรียนวิชามารยาท
เมอร์ลินเดินไปหากัตต์กับแอนสันและตบไหล่กัตต์เบา ๆ “เฮ้! ทีรอธกำลังทำอะไรอยู่เหรอ?”
กัตต์สะดุ้งด้วยความตกใจ หลังจากที่เห็นว่าเป็นเมอร์ลิน เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ทีรอธเหรอ? จะอะไรอีกล่ะ ก็วันนี้เป็นวันเกิดของทีรอธและเขาก็เชิญคนในชั้นเรียนไปงานวัดเกิดน่ะ”
“งานวันเกิดเหรอ?”
เมอร์ลินรู้สึกไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เนื่องจากเขากับทีรอธจะไม่ชอบหน้ากันดังนั้นทีรอธคงไม่เชิญเขาอย่างแน่นอน
“เฮ้ เมอร์ลิน นายรู้อะไรมั้ยที่ทีรอธแจกบัตรเชิญที่นี่เพราะว่าเขาตั้งใจจะมาเชิญอาจารย์จีอาเป็นโดยเฉพาะนะ”
ทันที่ที่กัตต์พูดจบ จีอาก็ลงมาจากชั้นบน เมอร์ลินได้หรี่ตามองจีอาอย่างพิจารณา เนื่องจากเมื่อวานเธอได้รับบาดเจ็บมากไม่เบาจึงทำให้สีหน้าของเธอซีดลงไปเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามบาดแผลที่เกิดจากฝีมือของเมอร์ลินได้จางหายไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าเธอใช้ยาอะไรถึงรักษาบาดแผลให้หายไปไวอย่างนี้
ตัดภาพมาที่ทีรอธ ทันทีที่เขาเห็นจีอาเขาก็หรี่เข้ามาหาเธอทันที เขากล่าวทักทายเล็กน้อยก่อนจะส่งคำเชิญให้จีอาด้วยสองมืออย่างเคารพ
“ครูจีอาครับ วันนี้เป็นวันเกิดของผม ผมได้จัดงานวันเกิดขึ้นมา ผมหวังว่าครูจะมาเข้าร่วมงานนี้”
“งานวันเกิดของเธองั้นเหรอ?”
จีอามองไปที่ทีรอธอย่างเอ็นดู หลังจากที่เธอเหลือบไปเห็นเมอ์ลิน ท่าทีของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นเย็นชาทันที เธอได้พูดกับเขาอย่างแข็งกระด้าง
“ขอโทษนะ พอดีฉันมีธุระที่ต้องไปทำ เลยเกรงว่าจะไปร่วมงานวันเกิดของเธอไม่ได้”
หลังจากนั้นก็ก็มุ่งตรงมาที่เมอร์ลินโดยไม่สนสีหน้าที่ตกใจของทีรอธ
“เมอร์ลินตามฉันมา ฉันมีบางอย่างที่สำคัญเกี่ยวกับคุณ” จีอาเข้ามาใกล้หูของเมอร์ลินและกระซิบอย่างแผ่วเบา
เมอร์ลินประหลาดเล็กน้อย ก่อนที่จะกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เขามองไปรอบข้าง พวกเขาจ้องมองด้วยความตกใจกับ ‘เสียงกระซิบ’ ของจีอาและความเย็นของเธอที่มีต่อทีรอธ เพียงแค่สองอย่างนี้ก็ทำให้ฝูงชนปะติดปะต่อเรื่องราวกันเองและเข้าใจผิดกันไปไกลแล้ว
“งั้นก็ไปกันเถอะ” เมอร์ลินกล่าวอย่างสงบและเดินตามจีอาออกจากอาคารไป
ส่วนทางทีรอธได้จ้องมองจีอากับเมอร์ลินเดินหายลับไปด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า เขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงและปล่อยการ์ดเชิญร่วงลงพื้น เขาคิดไม่ถึงว่าเมอร์ลินจะติดต่อกับจีอาอย่างลับ ๆ เช่นนี้
“ฮ่า ๆ ฉันรู้สึกสะใจจริง ๆ ที่ได้เห็นทีรอธทำหน้าแบบนี้ แต่ก็นะฉันก็คาดไม่ถึงเหมือนว่าว่าเมอร์ลินกับอาจารย์จีอาจะมีความสัมพันธ์แบบนี้” กัตต์หัวเราะเยาะ
จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับแอนสัน “นายรู้มั้ยว่าเมอร์ลินกับอาจารย์ไปได้กันตอนไหน”
ทางด้านแอนสัน เขายังไม่หายจะอาการประหลาดใจ หลังจากนั้นเขาก็ได้ถอนหายใจออกมา เขาส่ายหัวและพูดว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะหลัง ๆ มานี้เขาไม่ค่อยไปไหนมาไหนกับพวกเราเลย”
แอนสันรู้สึกซับซ้อน เพราะยังไงก็ยังไม่สามารถตัดใจจากจีอาได้ ส่วนเมอร์ลินก็ยังเป็นเพื่อนสนิทของเขาอีก มันจึงเป็นเรื่องยากที่เขาจะยอมรับเรื่องนี้
...
เมอร์ลินได้ตามจีอาอย่างเงียบ ๆ และในที่สุดพวกเขาก็มาถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่มีลานกว้าง ทิวทัศน์สวยงาม ไม่มีใครอยู่ในบริเวณนี้ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนดักฟังการสนทนานี้
“ไหนลองว่าธุระของเธอมาสิ” เมอร์ลินค่อย ๆ หยุดเดินและถามอย่างใจเย็น