Chapter 9: สมบัติโลก
สายลมกรรโชกในหุบเขาและหัวใจของเฉินเฉินเปรียบเสมือนความว่างเปล่า เขารู้สึกเหมือนกับแมลงเม่าที่อยู่ท่ามกลางโลกอันกว้างใหญ่ และกำลังเดินทางไปตามที่สายลมพัดพาเขาไป
ในตอนนั้นเอง ขาของเขาก็ไปเกี่ยวเข้ากับเถาวัลย์ ความเร็วของเขาลดลงในทันที
อย่างไรก็ตาม เถาวัลย์นั้นก็ขาดไปในเวลาไม่นาน และเฉินเฉินก็ตกลงไปต่อ
มีสายลมกรรโชกอีกระลอกนึงพัดเข้ามาในหุบเขา ทำให้เฉินเฉินถูกพัดไปด้านนึง และห้อยอยู่ท่ามกลางเถาวัลย์นับไม่ถ้วน
มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังนอนอยู่บนเปลญวณ
“ข้ายังไม่ตาย!”
เฉินเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้ว่าเขาจะรู้สึกเหมือนกับว่ากระดูกในร่างของเขากำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่การที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ก็ถือว่าโชคดีแล้ว
เขาไม่ได้คิดมาตั้งแต่แรกแล้วว่าการกระโดดลงมาจากหน้าผานั้นจะไม่ได้รับรอยขีดข่วนอะไรเลย
ในขณะที่เขากำลังพึมพำเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่นั้นเอง ก็มีแสงค่อยๆส่องสว่างขึ้นใกล้กับเขา มันเหมือนกับโคมไฟที่ถูกจุดเอาไว้ข้างๆเขา
เฉินเฉินหันไปดู แล้วเขาก็ตระหนักได้ว่าดอกไม้ขนาดใหญ่ที่เบ่งบานอยู่ในร่องของหน้าผานั้นกำลังออกผล ผลไม้ที่เต็มไปด้วยสสารที่ไม่รู้จักนี้กำลังเปล่งแสงสดใสขึ้นเรื่อยๆในแต่ละวินาทีที่ผ่านไป
‘นี่ต้องเป็นโอกาสที่ว่าแน่ๆเลย...ใช่ไหม?’ เฉินเฉินคิดในใจ ดวงตาของเขากำลังลุกวาว
เขาไม่เคยได้ยินเรื่องผลไม้ส่องแสงมาก่อน ทั้งในชีวิตก่อนและในชีวิตนี้ นี่ต้องเป็นสมบัติบางอย่างของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
เฉินเฉินระงับความตื่นเต้นในตัวเขาเอาไว้แล้วเริ่มถามระบบ
“ของที่มีค่าที่สุดในระยะสิบเมตรอยู่ที่ไหน?”
“อยู่กับท่านเจ้าของค่ะ ข้า ระบบ คือของที่มีข้าที่สุด ข้าคือสมบัติที่ไม่สามารถนำมาประเมินค่าได้”
เมื่อได้ฟังคำตอบ เฉินเฉินก็ทำหน้าเหนื่อยหน่าย แต่เขาก็ถามต่อไปด้วยความอดทน
“แล้วของที่มีค่าเป็นอันดับสองหล่ะ?”
“มันอยู่ในร่องหน้าผาห่างออกไปหนึ่งเมตรข้างหน้า มันคือผลไม้บรรพกาลแห่งสวรรค์ ผลไม้นี้จะถือกำเนิดแค่ครั้งเดียวในทุกๆสามพันปี และจะหายไปจากโลกนี้ในสองนาทีหลังจากที่ถือกำเนิดขึ้น”
“ถ้ารับประทานเข้าไป มันจะสามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายของมนุษยธรรมดาให้เป็นร่างที่เหมาะสมสำหรับการฝึกตนเพื่อเป็นอมตะ ‘ร่างสวรรค์บรรพกาล’ จากนั้นร่างกายก็จะเข้าสู่ช่วงต้นของขั้นฝึกพลังปราณ สมบัติเช่นนี้มักจะเป็นสิ่งที่ไม่ได้มาบ่อยๆและเป็นที่ต้องการอย่างมาก แต่มีแค่คนที่มาพร้อมกับโอกาสอันยิ่งใหญ่เท่านั้นถึงจะได้มันมา”
เมื่อได้ฟังคำแนะนำ เฉินเฉินก็กลืนน้ำลายเข้าไปอึกใหญ่ แล้วจ้องไปที่ผลไม้บรรพกาลแห่งสวรรค์ที่กำลังวิวัฒนาการด้วยสายตาที่เป็นประกาย
ในระหว่างนั้น เขาก็รู้สึกทึ่งกับความมหัศจรรย์ของโชคชะตาอย่างเงียบๆ
ถ้าเขาไม่ได้โดดจากหน้าผาโดยเอาหัวลง เขาก็คงจะไม่มีโอกาสโดนเถาวัลย์พันด้วยซ้ำ
และถ้าเขาแค่ช้าไปแม้เพียงเล็กน้อย เขาก็จะไม่ได้เจอกับลมกรรโชกแรง และถ้าไม่มีลม เขาก็คงจะไม่ได้มาจบที่ตรงนี้
เวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวัน ถ้าเขาเลือกจุดเวลาอื่นจากที่เหลือ 23 ชั่วโมง 59 นาทีและอีก 50 เท่าไหร่วินาทีในการกระโดดจากหน้าผา ทั้งหมดที่เฝ้ารอเขาอยู่ก็คงจะมีแค่ความตาย
อย่างไรก็ตาม เวลาไม่กี่วินาทีนี้ได้มอบหนทางชีวิตให้
และโอกาสรอดชีวิตในช่วงสั้นๆนี้ก็บังเอิญตรงกับสองนาทีซึ่งเป็นเวลาที่ผลไม้บรรพกาลแห่งสวรรค์ ที่เกิดแค่ครั้งเดียวในรอบสามพันปีถือกำเนิดพอดี
ความเป็นไปได้ที่จะบังเอิญมาเจอกับโอกาสเช่นนี้นั้นแทบจะใกล้กับศูนย์
โลกเป็นสถานที่อันกว้างใหญ่ ไม่มีใครรู้ว่ามีโอกาสมากแค่ไหนที่จะบังเอิญมาเจอผลไม้บรรพกาลแห่งสวรรค์
อย่างไรก็ตาม เฉินเฉินมั่นใจว่าถ้ามีโอกาสแบบนี้อยู่หนึ่งร้อยโอกาส 99 ในนั้นก็คงจะพลาดไป ถึงยังไง ผู้คนที่มาพร้อมกับโอกาสอันยิ่งใหญ่ก็คงไม่ได้มีอยู่มาก
“นับจากนี้ไป โอกาสทั้งหมดนี้จะเป็นของข้า”
เฉินเฉินถอนหายใจออกมาเบาๆ
กระบวนการออกผลของผลไม้แห่งสวรรค์สีขาวบริสุทธิ์เสร็จสมบูรณ์แล้ว แสงข้างในนั้นเริ่มสลัว และหน้าตาของมันก็เริ่มดูธรรมดา
เฉินเฉินไม่ปล่อยโอกาสให้ผลไม้แห่งสวรรค์หายไปจากโลกนี้ เขาเอื้อมมือไปคว้ามัน และในเวลาไม่ถึงสิบวินาที เขาก็กินผลไม้เข้าไปเหมือนกับสัตว์ที่กำลังกลืนกินเหยื่อของมัน
หลังจากนั้นไม่นาน สัมผัสแห่งสวรรค์ก็เริ่มแผ่ออกไปทั่วร่างเขา มีออร่าสวรรค์เปล่งออกมารอบตัวเฉินเฉินจากที่ไหนก็ไม่รู้ ความไม่สบายใจจากการกระโดนหน้าผาเมื่อครู่ก่อนดูเหมือนจะหายไปในไม่กี่วินาที
“เยี่ยมไปเลย!” เฉินเฉินอดอุทานออกมาไม่ได้ ในช่วงเวลานี้ เขารู้สึกเหมือนกับว่าสวรรค์กำลังบีบนวดเขา มันให้ความรู้สึกสบายถึงขีดสุด
เขารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในตัวเขา และมันก็ชัดเจนมากเลยด้วย
สายลมในหุบเขาไม่ได้รู้สึกเฉยๆอีกต่อไปแล้ว และมันก็ดูสดใสและมีชีวิตชีวามากกว่าแต่ก่อน
กระแสอากาศสีฟ้าอ่อนที่เป็นเอกลักษณ์เข้ามาในความรู้สึกของเขาอย่างช้าๆ
“นี่คือพลังสวรรค์หรอ?”
ในตอนที่เขารับรู้ถึงความแตกต่างของกระแสอากาศ เฉินเฉินรู้สึกเหมือนกับประตูสู่โลกใหม่ได้เปิดออกต่อหน้าต่อตาเขา
ด้วยความเปลี่ยนแปลงในความคิดของเขา กระแสอากาศก็เข้ามาในร่างของเขาเหมือนกับแม่น้ำที่ไหลเข้าไปในมหาสมุทร
ในช่วงเวลานี้ เฉินเฉินรู้สึกได้ว่ามีสวิตซ์บางอย่างถูกเปิดขึ้นในขณะที่พลังสวรรค์เริ่มทะลักเข้าไปในแขนขาและกระดูกของเขาเหมือนกับน้ำท่วมใหญ่ที่ถูกปล่อยออกมาจากเขื่อน มันได้เปลี่ยนแปลงเขาด้วยพลังงานตั้งแต่หัวจรดเท้า
กระบวนการนี้ดำเนินไปตลอดสองชั่วโมงเต็ม
ในตอนที่แสงแดดแรกปรากฎบนเส้นขอบฟ้า เฉินเฉินก็ลืมตาขึ้นในที่สุด
โลกเบื้องหน้าเขาดูสดใสและสมบูรณ์ขึ้นอย่างมาก เฉินเฉินมองเห็นหินก้อนเล็กๆที่อยู่ใต้หน้าผาลึกลงไปหนึ่งพันเมตรด้วยซ้ำ สายตาขนาดนี้สามารถเทียบกับนกอินทรีได้เลย
พลังงานที่หนาแน่นในร่างกายของเขาทำให้เฉินเฉินรู้สึกเหมือนกับว่าเขาสามารถปีนชั้นหินสูงชันของหน้าผาลมทมิฬได้อย่างสบายๆ
“การฝึกศิลปะการต่อสู้นั้นแค่ช่วยเสริมทักษะเฉยๆ มันไม่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ได้ อย่างไรก็ตามการฝึกตนคือการเสริมระดับของชีวิต พวกมันทั้งสองไม่ใช่สิ่งที่เอามาเทียบกันได้เลย”
ในขณะที่เขาสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเขา เฉินเฉินก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง
หลังจากนั้นไม่นาน หลังของเขาก็สั่นเล็กน้อยและเขาก็ดีดตัวขึ้นจากเถาวัลย์ และจับแง่งผาที่สูงชัน
…
ไม่กี่นาทีต่อมา เฉินเฉินก็มายืนอยู่บนขอบหน้าผาลมทมิฬอีกครั้งนึง ในตอนนี้ สภาพจิตใจของเขาแตกต่างจากเมื่อคืนโดยสิ้นเชิง
ในขณะที่มองก้นหุบเขานั้น ไม่เพียงแค่เขาจะไม่รู้สึกกลัว แต่เขายังมีความรู้สึกประทับใจจากการได้อยู่บนจุดสูงสุดของโลกด้วย
“ท่านเจ้าของ ท่านได้ประสบความสำเร็จในการมองหาโอกาสใหญ่ผ่านระบบเป็นครั้งแรก รัศมีการตรวจจับได้เพิ่มขึ้นจากสิบเมตรเป็นสิบห้าเมตร”
ริมฝีปากของเฉินเฉินเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยในตอนที่เขาได้ฟังการแจ้งเตือนในหัวของเขา เขายืนมองดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นอยู่ไกลๆในขณะที่มือไขว้ไว้ที่หลัง
“ระบบ ข้าขอถาม ในระยะสิบห้าเมตรมีใครที่มีระดับการฝึกตนสูงที่สุด?”
“มันคือท่านค่ะ ท่านเจ้าของ ระดับการฝึกตนของท่านอยู่ที่ชั้นต้นของการฝึกพลังปราณ”
“ดี นี่มันเยี่ยมไปเลย” เฉินเฉินสรรเสริญตัวเอง
ก่อนหน้านี้ ในมณฑลเสฉวนมีแค่ท่านเจ้าเมืองเท่านั้นที่พอมีระดับการฝึกตนอยู่บ้าง มันน่าเหลือเชื่อไปเลยที่เขาได้ขึ้นมาเป็นคนที่สองในเสฉวนที่มีระดับการฝึกตน
ตอนนี้พอเขามานึกย้อนถึงการต่อสู้เมื่อคืน เขาก็รู้สึกว่าพวกเขาค่อนข้างน่าขัน มันเหมือนกับมีเด็กกลุ่มนึงกำลังเล่นบ้าๆกันอยู่
…
“ท่านจางต้องหนีไปแล้วแน่ๆ”
เฉินเฉินมองไปรอบๆ เข้าไม่เจอคราบเลือดแม้แต่หยดเดียว ในตอนที่เขาห้อยต่องแต่งจากกำแพงหน้าผาเมื่อคืนนั้น เขาก็พอคิดบทสรุปได้ด้วยตัวเองเพราะเขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่างตกลงมา
อันที่จริง มันคงจะค่อนข้างไร้เหตุผลถ้าเขาไม่สามารถหนีไปได้ ท่านจางเป็นถึงคนที่สมควรจะได้รับโอกาสเช่นนี้ แล้วเขาจะถูกนักฆ่าแค่หยิบมือฆ่าเอาง่ายๆได้ยังไง?
เขาไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านี้อีก เฉินเฉินเดินไปยังต้นไม้ที่เขาใช้ซ่อนตัวเมื่อคืนก่อน แล้วหยิบกระทะกับตะหลิวขึ้นมา จากนั้นก็รีบออกเดินทางไปยังหมู่บ้านหิน
เมื่อคืนก่อน เขาได้หมดเวลากับการวิ่งถึงสองชั่วโมงเต็มในขณะที่ถูกหมาป่าไล่ล่าไปจนถึงผาลมทมิฬในสภาพปางตาย อย่างไรก็ตาม วันนี้เขาเห็นแผ่นหินที่ทางเข้าหมู่บ้านหลังจากที่วิ่งมาได้แค่ครึ่งชั่วโมง ลมหายใจของเขายังไม่ติดขัดและยังไม่มีอาการหอบเลยด้วยซ้ำ มันกลายเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับเขาไปแล้ว!
ในขณะที่เขามองกระทะในมือและแผ่นหินที่อยู่ไกลๆ เฉินเฉินก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
กระทะยังคงเป็นกระทะอันเดิมและหมู่บ้านก็ยังคงเป็นหมู่บ้านเดิม แต่เขากลับไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนเมื่อคืนก่อนแล้ว