บทที่ 228 มีแขกมาเยือนอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ (อ่านฟรี)
อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์จู่ ๆ ซีเว่ยก็คิดออกหลังจากปวดหัวกับเรื่องนี้มาเกือบทั้งวัน
อิทธิพลในปัจจุบันของศาสนจักรแห่งเกมเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของดัชชีอินทรีเงินทางตอนเหนือของจักรวรรดิวัลลา
และเนื่องจากศัตรูในครั้งนี้ใช้ของโบราณที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักอย่างออริจินทั้งแปดเป็นตัวหมาก จึงเป็นไปได้ว่าพวกเขาไม่ได้จ้องทำลายเพียงที่ดินผืนเล็ก ๆ ทางตอนเหนือของจักรวรรดิวัลลา
ในความเป็นจริงพื้นที่ทางเหนือไม่ได้กว้างใหญ่ขนาดนั้น เพราะข่าวของมังกรซอมบี้และออร์คซอมบี้สามารถไปถึงปราสาทอินทรีเงินได้ในเวลาเพียง 3 วัน และไม่ช้าพวกเขาอาจจะได้รับข่าวเกี่ยวกับ เนฟิลิมซอมบี้ ยักษ์ซอมบี้ เอลฟ์ซอมบี้ และอื่น ๆ
ถ้าลางสังหรณ์ของซีเว่ยถูก ก็มีโอกาสมากที่ซอมบี้ของออริจินทั้งแปดที่เหลือจะไม่ได้ปรากฏตัวในภาคเหนือ แต่อยู่ในสถานที่อื่น ๆ ของโลก
ซีเว่ยผ่อนคลาลงเล็กน้อยเมื่อเขาเข้าใจ แต่ก็เพียงเล็กน้อยน่ะนะ
“ดูเหมือนว่าออร์คซอมบี้ที่แพร่เชื้อเหมือน Resident Evil จะไม่ได้เป็นภัยคุกคามใหญ่สำหรับผู้เล่น”
มองจากมุมหนึ่ง ซอมบี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสงครามเทพเจ้าครั้งที่ 4 แต่อย่างใด
ในฐานะหนึ่งในธีมเกมที่ฮอตฮิตที่สุดตลอดปี มีผู้เล่นคนใดในโลกที่ยังไม่เคยฆ่าซอมบี้นับหมื่น จำนวนซอมบี้ที่โดนผู้เล่นฆ่าในเกมต่าง ๆ ทุกวันอาจวนรอบโลกได้…พูดได้ว่าซอมบี้อาจเป็นเพื่อนของผู้เล่นใหม่มากกว่าก็อบลินเสียอีก
“ปัญหาจริง ๆ คือมังกรซอมบี้”
ไม่ว่าจะเป็นโลกไหน มังกรก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังไร้เทียมทาน ที่ยืนอยู่บนด้านบนสุดของห่วงโซ่อาหาร
โลกใบนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
ในขณะที่มังกรไม่มีวันต่อกรกับเทพเจ้าได้ แต่ความสามารถในการต่อสู้ของพวกมันเพียงอย่างเดียวก็ทำให้พวกมันอยู่ในอันดับต้น ๆ ของดินแดนหลัก แม้จะเปรียบเทียบกับเผ่าพันธุ์เหนือธรรมชาติในดินแดนอื่น ๆ พวกมันก็ยังมีอำนาจเหนือกว่า!
เมื่อซีเว่ยจะรู้สึกปวดหัว จู่ ๆ เขาก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างนอกอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขากำลังโจมตีเข้ามา
อันที่จริงมันไม่ใช่การโจมตีที่รุนแรง แต่เหมือนเป็นเคาะตามมารยาทเหมือนเคาะประตูมากกว่าว่า “มีคนมาหา”
ซีเว่ยมองออกไปด้วยดวงตาศักดิ์สิทธิ์ของเขา และพบว่าเขาควรปรับความคิดเสียใหม่ เพราะผู้มาใหม่ไม่ใช่ 'คน' แต่เป็น 'เทพเจ้า'
"ท่านเป็นใคร?"
แม้ว่าผู้มาเยือนจะไม่ได้แสดงความเป็นศัตรู แต่ซีเว่ยก็ยังไม่อนุญาตให้เขาเข้ามาในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขา
เขาไม่ใช่แค่เขาระมัดระวังตัวขึ้นเท่านั้น แต่มีหลายสิ่งหลายอย่างในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขาที่ไม่สามารถให้ใครเห็นได้
มันโอเคหากผู้มาเป็นสิงโตที่คุ้นเคยกับเขา เพราะอัสลานรู้แล้วว่ากองศพที่ยุ่งเหยิงนั้นเป็นเครื่องสังเวยจากผู้ศรัทธาของซีเว่ย แม้ว่าไม่มีใครทำ แต่มันก็ไม่ได้ละเมิดหลักการของสิงโตหรือถือว่าเป็นการกระทำที่ชั่วร้าย
กลับกันเทพอื่น ๆ ที่ไม่คุ้นเคยกับซีเว่ย จะคิดทันทีว่าพวกเขาได้หลุดเข้ามาในรังของเทพเจ้าชั่วร้ายบางองค์เมื่อพวกเขาเห็นกองซากศพ และม้วนแขนเสื้อขึ้นเตรียมพร้อมที่จะตบตีกับซีเว่ยสักสองสามยก...
ผู้มาเยือนมีลักษณะเป็นชายวัยกลางคนที่ค่อนข้างมอมแมม เขามีผมสีดำ มีเครารกครึ้ม แตกต่างจากเคราของคนแคระอย่างสตอฟฟ์เทพเจ้าแห่งงานฝีมือและไวน์ชั้นดี ผู้มาเยือนกลับมีเคราคล้ายกับแพะภูเขาขนปุยแทน
การแต่งกายของเขาก็ไม่เหมือนกับเทพที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์ส่วนใหญ่เช่นกัน เขามีเพียงผ้าเตี่ยวสีน้ำตาลหยาบเผยให้เห็นผิวสีแทน ความจริงซีเว่ยสามารถมองเห็นบางส่วนที่จำเป็นต้องมีการเซ็นเซอร์ด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์เมื่อมองจากมุมต่ำ มันไม่ได้ถูกซ่อนไว้เพียงแค่มองไม่เห็นด้วยแถบผ้าที่ปิดแค่ด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งทำให้ความประทับใจครั้งแรกของซีเว่ยค่อนข้างแย่
นอกจากนี้ก็มีลูกไฟขนาดเล็ก ที่สะดุดตาลอยอยู่ข้าง ๆ เขา
แม้ว่าซีเว่ยจะไม่สามารถบอกได้ว่าผู้มาเยือนเป็นใคร แต่เขาก็ไม่ได้เอื้อมมือไปสัมผัสลูกไฟนั่น
เพราะเขาสัมผัสได้ถึงพลังที่น่ากลัวที่ซ่อนอยู่ภายใน
หรือเขาจะเป็นเอ็มโปริโอเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์? แล้วสิ่งที่ลอยอยู่เหนือไหล่เขาอาจเป็นดวงอาทิตย์ของโลกใบนี้ใช่ไหม?
แต่ความคิดนั้นก็ถูกหักล้างไปแทบจะในทันที
เป็นไปไม่ได้ แม้เอ็มโปริโอไม่สามารถเทียบได้กับเจ็ดเทพบิดร แต่เขาก็เป็นเทพระดับสูงเขาต้องมีพลังมากกว่าเทพเจ้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าซีเว่ยในตอนนี้
และหลักฐานก็คือความทรงจำของเจ้าแห่งน้ำที่เคยเผชิญหน้ากับเอ็มโปริโอด้วยตัวเอง เขาสวมชุดเกราะสีทองที่ค่อนข้างยิ่งใหญ่ในสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่ 3 และมีใบหน้าซ่อนอยู่หลังหน้ากากที่ไม่สามารถมองเห็นได้แม้จะใช้ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่ใช่ไอ้ตัวน่าสงสารที่ยืนอยู่ต่อหน้าซีเว่ยแน่…
ยิ่งไปกว่านั้นเทพแห่งดวงอาทิตย์นั้นมีอำนาจเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเทพเจ้าแห่งเกม เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมาที่นี่เพื่อค้นหาซีเว่ย
"สวัสดี!" ต่างจากเทพเจ้าองค์อื่น ๆ ผู้มาเยือนไม่แปลกใจเลยที่ซีเว่ยเป็นลูกบอล “น่าเสียดายที่เราไม่ได้พบกันในการประชุมครั้งที่แล้ว ข้าคือฟลินท์แมน สมาชิกอีกคนหนึ่งของวิหารล่องหน”
“ฟลินท์แมน…หัวขโมยไฟ!” ซีเว่ยผงะ แต่ไม่ช้าเขาก็หายเป็นปกติ
แม้ว่าฟลินท์แมนจะเป็นเพียงเทพเจ้าระดับกลางเท่านั้น แต่เขาก็มีชื่อเสียงมากในแดนเทพ
นั่นเพราะเขาเป็น ‘ผู้ต่อต้านพระเจ้า’
ผู้ต่อต้านพระเจ้าเป็นชื่อของบุคคลจากแดนมรรตัยที่มาถึงระดับเหนือธรรมชาติ แม้จะตายไปแล้ว แต่พวกเขาก็สามารถเข้าถึงระดับตำนานได้ด้วยการเข้าใจปาฏิหาริย์ และในที่สุดก็เอาชนะเทพเจ้าและรับความเป็นพระเจ้าของเทพองค์นั้น ๆ มาครอง หรือใช้ปาฏิหาริย์บางอย่างเพื่อขโมยส่วนหนึ่งของอำนาจเทพ
แม้ว่าพวกเขาจะถูกเรียกว่าผู้ต่อต้านพระเจ้า แต่สิ่งที่น่าสนใจคือเทพเจ้าที่ดีส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นศัตรูกับผู้ต่อต้านพระเจ้า แต่กลับให้ความเคารพต่อพวกเขาเหล่านี้ที่มาถึงขอบเขตของพระเจ้าด้วยร่างกายของสิ่งมีชีวิตธรรมดา...
…ยกเว้นเทพเจ้าที่อำนาจถูกขโมยไปน่ะนะ
เป็นเวลากว่า 500 ปีแล้วที่ฟลินท์แมนกลายเป็นเทพเจ้า แต่เขาไม่เคยมีอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เป็นหลักเป็นแหล่งเลย สาเหตุก็คือเทพเจ้าแห่งเปลวเพลิงได้ไล่ล่าเขามาตลอด 500 ปี ทำให้เขาต้องล่องลอยท่ามกลางความว่างเปล่า...
ถึงอย่างนั้นความจริงที่ว่าฟลินท์แมนหนีรอดมาได้นานกว่า 500 ปี และเทพเจ้าแห่งเปลวไฟยังจับเขาไม่ได้ ไม่นานมันก็เป็นความบันเทิงที่ยอดเยี่ยมสำหรับเทพเจ้าองค์อื่น ๆ ที่ค่อนข้างเบื่อ ซึ่งทำให้ชื่อของฟลินท์แมนแพร่กระจายไปทั่วแดนเทพ
“ท่านมาที่นี่เพื่อมาพบข้าหรือ” ซีเว่ยยื่นหนวดออกไปจับมือเขา
“เปล่า อันที่จริงคือข้าถูกไล่ล่าอย่างหนักในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา และข้าหวังว่าข้าจะมาหลบภัยที่นี่ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของท่านได้” ฟลินท์แมนกล่าวอย่างจริงจัง “เทพเจ้าแห่งเปลวไฟไม่น่าจะสังเกตเห็นอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ที่เล็กและห่างไกลของท่าน…”
'ขอโทษที่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของฉันมันห่างไกลและเล็กเกินไปสำหรับแก!' ซีเว่ยโต้กลับในใจขณะขมวดคิ้ว
“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้มาขอหลบที่นี่ฟรี ๆ” จากนั้นฟลินท์แมนก็กล่าวต่อ เพราะเข้าใจเหตุผลที่ซีเว่ยเงียบผิดไป “เมื่อเพื่อนตนนั้นจากไป ข้าจะให้สิ่งดี ๆ แก่ท่านเป็นการตอบแทน และข้าสัญญาว่าท่านจะไม่ผิดหวัง!”
----------------------------------
เพจ FC-Translate