บทที่ 227 ออริจินทั้งแปด
“…ออริจินทั้งแปด…” ซีเว่ยพึมพำอย่างเงียบ ๆ ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขา
ในฐานะที่เป็นผู้มาใหม่ เทพเจ้าแห่งเกมไม่รู้เรื่องเช่นนั้น แต่เขาก็ได้คีย์เวิร์ดและค้นหาผ่านความทรงจำของเจ้าแห่งน้ำและรวบรวมข้อมูลบางอย่างได้
หลังจากที่ตรีเอกานุภาพได้สร้างโลกแล้ว พวกเขาก็ได้สร้างสิ่งมีชีวิตมากมายที่อาศัยอยู่ในดินแดนหลักที่เจริญรุ่งเรืองมาหลายชั่วอายุคน พวกเขาก่อให้เกิดวัฒนธรรมมหัศจรรย์มากมาย
เผ่าพันธุ์เหล่านั้นเติบโตอย่างแข็งแกร่งภายใต้การคุ้มครองของเทพเจ้า เช่นเดียวกับชีววิทยาในยุคอีดีแอคารันก่อนการระเบิดแคมเบรียน พวกมันมีความก้าวหน้าและก็มีเอกลักษณ์ในเวลาเดียวกัน
(ยุคอีดีแอคารัน (Ediacaran) หรือยุคเวนเดียน เป็นยุคสุดท้ายแห่งมหายุคนีโอโพรเทอโรโซอิก อยู่ระหว่าง 630 ล้านปีมาแล้วถึง 542 ล้านปีมาแล้ว ยุคนี้จะมีสัตว์แปลก ๆ มากมาย เช่นดิกคินโซเนีย ซึ่งมีลักษณะเหมือนพรมเช็ดเท้าฟู ๆ กินอาหารโดยใช้การย่อยเมือกแบคทีเรียใต้ทะเล แล้วดูดซับสารอาหาร อีกตัวหนึ่งก็คือสไปรกินา มีลักษณะยาว ดูดซับเมือกแบคทีเรียเหมือนดิกคินโซเนีย บนแผ่นดินยังว่างเปล่า)
นั่นคือยุคก่อนประวัติศาสตร์ของโลกนี้
และอย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ มีสงครามของเทพเจ้า 3 ครั้งที่เกิดขึ้นในโลกนี้
ไม่มีบันทึกของสงครามแรกในความทรงจำของเจ้าแห่งน้ำ อาจเป็นเพราะเขายังไม่ได้ถือกำเนิดขึ้น
อย่างไรก็ตามสามารถยืนยันได้ว่า ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อดินแดนหลักมากนัก
ความจริงก็คือซีเว่ยไม่รู้ว่าเทพเจ้าต่อสู้กันอย่างไรในสงครามครั้งแรก…แต่สงครามเทพเจ้าครั้งที่ 2 นั้นแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เพราะทุกอย่างเกี่ยวข้องกับดินแดนหลักซึ่งนำไปสู่การสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด
เหล่าเทพเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจากสงครามแรก และไม่สนใจความก้าวหน้าของสิ่งมีชีวิตมานาน น่าแปลกที่ในยุคที่ไร้พระเจ้านั้น เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ได้พัฒนาเกินที่เทพเจ้าจะแทรกแซงได้ไปแล้ว
แม้เวลาที่เกิดขึ้นจะไม่แน่นอน แต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้ก็คือเผ่าพันธุ์ได้พัฒนาไปสู่ระดับที่น่าทึ่ง ก่อตัวเป็นอารยธรรมที่น่าตื่นตาที่จะไม่สูญหายไปจากโลก
และนั่นคือยุคแรกในบันทึกของเผ่าพันธุ์ในดินแดนที่ต่ำกว่า
ในทางกลับกัน เนื่องจากความเจริญรุ่งเรืองของเผ่าพันธุ์และประชากรที่เฟื่องฟูก็ได้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของเทพเจ้าจำนวนมาก ที่ล่อเลี้ยงด้วยศรัทธาในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์
การดำรงอยู่ของพวกเขาค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้น และแม้กระทั่งแย่งชิงอำนาจของเทพเจ้ายุคเริ่มต้น และเมื่อความขัดแย้งสะสมมาจนถึงขีดสุด เทพเจ้ายุคแรกจึงได้เริ่มทำสงครามกับเทพเจ้าแห่งศรัทธา จุดชนวนสงครามเทพเจ้าครั้งที่ 2 ขึ้น
ดูเหมือนว่าเทพเจ้าแห่งเกมตนแรก ซึ่งเป็นเทพเจ้ายุคแรก และบรรพบุรุษของซีเว่ย จะถูกสังหารในสงครามครั้งนั้น และโดนขโมยความเป็นพระเจ้าไป
ไม่เหมือนกับสงครามเทพเจ้าครั้งแรก ไฟของสงครามเทพเจ้าครั้งที่สองไม่เพียงแต่จะลุกลามไปทั่วดินแดนหลักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงดินแดนลับอื่น ๆ อีกมากมาย พวกเขาเหล่านั้นได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งของเทพเจ้า และกลายเป็นเหยื่อในสงคราม
สงครามรั้งใหญ่ที่โหมกระหน่ำมานานกว่า 300 ปี ได้ทำลายล้างระบบนิเวศทั้งหมดในดินแดนหลัก สิ่งมีชีวิตทั้งหมดถูกกวาดล้างจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ไม่รู้จักจบสิ้นตลอด 300 ปี อารยธรรมอันวิจิตรและงดงามในยุคแรกจึงถูกทำลายลง
ท้ายที่สุดทั้งเทพเจ้าที่เกิดจากศรัทธาหรือเทพเจ้ายุคแรกก็ไม่มีฝ่ายใดอ้างชัยชนะ (แม้ว่าซีเว่ยจะเชื่อว่าหากสงครามดำเนินไปอีกสักพัก เทพเจ้าที่เกิดจากศรัทธาจะถูกทำลายในไม่ช้า หากพวกเขาไม่เหลือผู้ศรัทธา) ตรีเอกานุภาพแห่งการสรรค์สร้างไม่สามารถอยู่เฉยได้ เขาเข้ามาหยุดความขัดแย้งของเทพเจ้าและเปลี่ยนแปลงโลก
เกือบทุกอย่างพัฒนาขึ้นจากบาดแผลบนโลก หลังจากที่เหล่าเทพเจ้าถูกโจมตีโดยจากตรีเอกานุภาพ พวกเขาก็ได้เข้าใจว่าการกระทำของพวกเขา สร้างความเจ็บปวดให้กับโลกมากเพียงใด พวกเขาจึงระงับความขัดแย้งชั่วคราว และปฏิบัติตามหน้าที่ของตนเอง เลือกอัครสาวกและเฝ้าดูเผ่าพันธุ์ใหม่ที่ถือเกิดหลังสงครามครั้งที่สองอย่างระมัดระวัง
และนี่ยังเป็นช่วงที่บรรพบุรุษของมนุษย์ปรากฏตัวขึ้นบนโลกใบนี้อย่างลึกลับ พวกเขาคว้าช่วงเวลาอันมีค่านี้พัฒนาเผ่าพันธุ์ผ่านการดูแลที่อ่อนโยนอันหาได้ยากจากเทพเจ้า และแผ่ขยายเงาอารยธรรมไปยังแทบทุกมุมของดินแดนหลัก!
และนั่นคือยุคที่สอง
แต่เผ่าพันธุ์ที่ฉลาดที่สุดในยุคที่ 2 ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นพวกโนมส์ พวกเขากดขี่เผ่าพันธุ์อื่น ๆ มากมาย (รวมถึงมนุษย์) เป็นทาสพัฒนาเทคโนโลยี พวกเขามีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสูงล้ำจนในที่สุดก็สร้างยานอวกาศที่สามารถบุกเข้าไปในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์และต่อสู้กับเทพเจ้าโดยตรงได้
แต่หลังจากที่เทพเจ้าตบพวกโนมส์จนตาย เทพเจ้าก็ได้ปรับการตั้งค่าเผ่าพันธุ์นี้ใหม่พวกเขาลดความสามารถของพวกมันและทำให้ปราศจากภูมิปัญญา กลายเป็นเพียงสัตว์ประหลาดอ่อนแอ จากนั้นก็หยุดแสดงห่วงใยต่อสิ่งมีชีวิตนี้
ทัศนคติของฝ่ายต่าง ๆ เริ่มขยับเข้าใกล้ยุคปัจจุบันมากขึ้น
อาจเป็นเพราะพวกโนมส์ได้ทำให้เหล่าเทพเจ้าโกรธเกรี้ยว ในสงครามเทพเจ้าครั้งที่ 3 เทพเจ้าหลายองค์จึงได้เฝ้าดูเผ่าพันธุ์ที่มีภูมิปัญญาเผ่าอื่น ๆ รวมถึงมนุษย์อย่างจริงจัง ถึงแม้จะปล่อยให้อารยธรรมของพวกเขาดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น แต่เหล่าเทพก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออะไร พวกเขาแค่เฝ้าดูอารยธรรมที่พัฒนาขึ้นอย่างหลากหลายในยุคที่สองค่อย ๆ ตายลง เฝ้าดูเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาทั้งหมดพ่ายแพ้และกลับไปเริ่มต้นอีกครั้งจากยุคหิน
แม้ขณะที่พวกเขาเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนกำลังพัฒนา เทพเจ้าก็มักจะเล่นลูกไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อขัดขวางการพัฒนาให้หยุดชะงักไปก็จริง แต่การที่ความก้าวหน้าของมนุษย์หยุดนิ่งลงมานานนับพันปี ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหลักคำสอนของพระเจ้าที่ศาสนจักรจำนวนนับไม่ถ้วนสั่งสอนเลย แต่มันเกิดขึ้นจากสุสาน (ซากปรักหักพัง) ของยุคแรกและยุคที่สองต่างหาก!
อีกอย่างควรพูดว่าหลังจากสิ้นสุดสงครามเทพเจ้าครั้งที่ 2 ตรีเอกานุภาพแห่งการสรรค์สร้างก็ได้หายไปเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะกฎเหล็กที่ป้องกันไม่ให้เหล่าเทพเข้ามาในดินแดนหลัก ได้เข้ามาแทรกแซงอีกครั้งเมื่อสงครามเทพเจ้าครั้งที่ 3 เกือบจะขยายเข้าสู่ดินแดนมรรตัย เทพเจ้าเกิดใหม่อย่างซีเว่ยก็คงจะคิดว่าพวกเขาได้ล่มสลายไปหลังจากสงครามเทพเจ้าครั้งที่ 2…
ส่วนออริจินทั้งแปดที่ราชินีเอลฟ์กล่าวถึง คือเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นโดยตรีเอกานุภาพ และรอดพ้นจากวิกฤติการสูญพันธุ์อของสงครามเทพเจ้าครั้งที่ 2 และยังคงมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบัน
เผ่าพันธุ์ทั้งแปดนั้นคือ มังกร: มังกรที่ได้เข้าร่วมต่อสู้ในสงครามเทพเจ้าได้ถูกทำลายไปหมดแล้ว ผู้ที่เหลือรอดคือลูกหลานของพวกเขาที่จำศีลอยู่ในช่วงสงคราม
เนฟิลิม: ลูกหลานของทูตสวรรค์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยตรีเอกานุภาพจากวัสดุเหลือใช้
ยักษ์: บรรพบุรุษของยักษ์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับมนุษย์ แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับยักษ์แห้งแล้ง
ปีศาจ: เผ่าพันธุ์ที่รอดชีวิตแต่เพียงผู้เดียวจากนรก
ไนท์วอคเกอร์: บรรพบุรุษของมนุษย์เงาและแวมไพร์
ไฮเอลฟ์: บรรพบุรุษของเอลฟ์ทั้งหมด
ออร์ค: บรรพบุรุษของออร์คยุคใหม่
และคนแคระภูเขา: เผ่าพันธุ์เดียวที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก และคนแคระเทาก็เป็นสายพันธุ์หนึ่งของพวกเขา
หากเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นกับออริจินทั้งแปดจริง ๆ นอกจากมังกรซอมบี้ ปีศาจซอมบี้ และออร์คซอมบี้แล้ว ตอนนี้ควรจะมีเนฟิลิมซอมบี้ ยักษ์ซอมบี้ แวมไพร์ซอมบี้(?) เอลฟ์ซอมบี้ และคนแคระซอมบี้ด้วยสินะ
เมื่อคิดได้แบบนั้น ซีเว่ยก็รู้สึกเจ็บปวด
“เอิ่ม…นี่มันไม่แย่ไปหน่อยเหรอ”
----------------------------------------
เพจ FC-Translate