บทที่ 223 ความคิดเห็นส่วนตัวของซีเว่ย
แตกต่างจากเอ็ดเวิร์ดที่โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ซีเว่ยที่กำลังรับชมการแสดงของผู้เล่นในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์กลับยกย่องเอลีน่า
"ตามที่คาดหวังไว้สำหรับนักบุญหญิง(ฝึกหัด) ที่ฉันเลือก!"
เขาที่สามารถตรวจสอบหน้าสเตตัสของผู้เล่นได้ เขารู้แน่นอนว่าทำไมเอลีน่าถึงขโมยลาสคิลไป
แม้เขาจะคิดสะระตะ หนวดของเขาก็ไม่เคยหยุดนิ่ง เขารวบรวมศพของปีศาจน้อยออกมาดูดกลืน
แต่ก็มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่เปลี่ยนเป็นพลังงานบริสุทธิ์ ส่วนที่เหลือเป็นพลังที่บิดเบือนไม่บริสุทธิ์และขยะไร้ประโยชน์
“ฉันเดาว่าคงไม่มีใครรู้ว่าจริง ๆ ว่าพลังนี่เป็นของใคร…”
ซีเว่ยจ้องมองไปที่พลังศักดิ์สิทธิ์แปลก ๆ ซึ่งยังคงดิ้นเหมือนก้อนสไลม์ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวด
เนื่องจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์มีการปราบปรามพลังที่ทำให้เสียหายอยู่แล้ว เขาจึงไม่ต้องกังวลว่าเจ้าสิ่งนี้จะก่อกบฏ แต่การเก็บมันไว้ก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีเช่นกัน
และที่แย่ไปกว่านั้น มันไม่สามารถใช้เพื่อสร้างคลาสใหม่ให้ผู้เล่น หรือเติมพลังศักดิ์สิทธิ์ให้เขาได้เหมือนแบตเตอรี่ นับประสาอะไรกับทักษะชีวิตของผู้เล่น
แต่พลังศักดิ์สิทธิ์นี่ก็มีเอกลักษณ์มากจนซีเว่ยไม่กล้าโยนมันออกไปในความว่างเปล่า เพราะเขากลัวว่าแทนที่จะถูกลบหายไปด้วยความว่างเปล่า มันจะแอบเข้าไปในดินแดนอื่นและเปลี่ยนที่นั่นให้เห็นดงซอมบี้…
ซีเว่ยมองไปที่พลังศักดิ์สิทธิ์นั่นอย่างรังเกียจ หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็หยิบกะโหลกของเทพเจ้ากระดูกเน่าออกมา
บังเอิญว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ภายในกะโหลกถูกใช้ไปจนเกือบหมดแล้ว ดังนั้นจึงเหมาะมากที่จะใช้ผนึกก้อนหยะแหยงนั่นไว้...เอ่อ ฉันหมายถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกบิดเบือน
และเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซีเว่ยก็เหวี่ยงหัวกะโหลกไปที่มุมของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่เขาพิจารณาว่าเขาควรจะให้รางวัลอะไรแก่ผู้เล่น
บอกตรง ๆ เขาไม่พอใจกับโชว์ของผู้เล่นครั้งนี้เลย
ปีศาจแข็งแกร่งก็จริง แต่มันก็เป็นเพียงเผ่าพันธุ์เหนือธรรมชาติ ไม่ต้องพูดถึงว่าความสามารถของมันลดลงหลังจากถูกผนึกมาเป็นเวลานาน
เขาแทบจะเดาได้เลยว่าผู้เล่นจะต่อยปีศาจคว่ำได้แบบไม่ยากเย็น
แต่หลังจากเอาชนะปีศาจได้ พวกเขาก็ประมาทเมื่อต้องจัดการกับไนท์ครายศพพยาบาท พวกเขาอาศัยความคุ้ยเคยตอนสู้กับมันครั้งแรกและประเมินมันต่ำเกินไป
สุดท้ายพวกเขาก็เกือบจะไม่รอดหลังจากที่ไนท์ครายตัวน้อยระเบิดออกมา ถ้าซีเว่ยไม่โผล่ไปจิ้มหัวลีอาขณะที่เธอยังหมกมุ่นอยู่กับฟันปีศาจน้อยเหล่านั้นและร่ายออราเคิลได้สำเร็จ ผู้เล่นทุกคนที่นั่นคงจะต้องถูกฆ่าตายอย่างน่าอับอาย
แต่ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้เรียนรู้บทเรียนอะไรเลย เมื่อพวกเขาเห็นว่าร่างแยกตัวสุดท้ายที่นั่นกำลังจะตาย ความประมาทก็เกิดขึ้นอีกครั้ง และเกือบทั้งหมดถูกระเบิดใส่ในจังหวะเดียว แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ตายทันที แต่ตอนนี้เกือบทั้งหมดโดนดีบัฟเชื้อซอมบี้ซ้อนทับกันหลายสิบชั้น และตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไปออก!
จริงอยู่ที่ความแข็งแกร่งของซีเว่ยเพียงพอที่จะก้าวออกไปลบล้างดีบัฟเหล่านั้นด้วยพรของพระเจ้า แถมการทำเช่นนั้นยังทำให้เขาได้รับคลื่นพลังศรัทธาจำนวนมาก และช่วยยกระดับความศรัทธาของเหล่าสาวกได้มากขึ้น
แต่เขาก็ต้องยอมแพ้หลังจากคิดทบทวนอย่างรอบคอบแล้ว
เหตุผลก็ง่ายมาก หากเขาทำเช่นนั้นผู้เล่นก็จะไม่ได้เรียนรู้บทเรียนราคาแพงนี้ และจะยิ่งพึ่งพากเทพเจ้ามากขึ้น
มันก็โอเคที่จะให้พวกเขาจะพึ่งพาเล็กน้อย หากเขาเป็นหนึ่งในเจ็ดเทพบิดรที่อยู่ยงคงกระพันซึ่งไม่มีใครเทียบได้ในแดนเทพ แต่ซีเว่ยนั้นอ่อนแอมาก จนแม้แต่การฆ่าเทพเจ้ากระดูกเน่าเขายังต้องเตรียมการหลายซับหลายซ้อน
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงใช้สิ่งนี้เพื่อเตือนผู้เล่น ว่าพวกเขายังต้องระวังตัวแม้ว่าพวกเขาจะมีชีวิตอมตะ และความประมาทก็เป็นต้นเหตุแห่งความล้มเหลว
“แต่บทเรียนก็คือบทเรียน รางวัลสำหรับการฆ่าบอสก็ยังคงมีให้…อืมคราวนี้จะเป็นอะไรดีนะ”
☆
ลงไปในดินแดนมรรตัย ป่าทริเนีย
“เอลีน่า?”
โจสังเกตเห็นว่าดีบัฟเชื้อซอมบี้ของเอลีน่าหายไปแล้ว ต่างจากเอ็ดเวิร์ดผู้หดหู่
'สถานะผิดปกติได้รับการรีเซ็ตหลังจากอัพเลเวลหรือ?'
“ข้าเลเวลอัพแล้ว”
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ผมสีเงินทวินเทลพูดอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเก็บค้อนดาวตก(เกมไบเบิ้ล) ที่ยังคงมีคราบเลือดติดคล้องไว้บนสะโพก
“เอ่อ…” โจไม่รู้จะพูดอะไรกับเธอดี
ปกติแล้วเจสสิก้าเป็นคนที่ใกล้ชิดกับเอลีน่ามากที่สุด แต่เธอยังคงอยู่ในเมืองหลวงของเอลฟ์เพราะเซฟาริม แทนที่จะมาเข้าร่วมการล่าบอสกับพวกเขา
เอลีน่าไม่ได้สังเกตเห็นความลังเลของโจเลย เธอแค่หยิบขนมออกมาจากกระเป๋ายัดเข้าปากแล้วเคี้ยวจนละเอียดก่อนจะกลืนลงไป
"อ๊ะ…"
"อะไรรึ?" โจสะดุ้ง
"ข้าอิ่มแล้ว"
“…”
เอลีน่าตบไหล่โจที่กำลังเอ๋อ และเดินไปหาเอ็ดเวิร์ดที่นอนอยู่บนพื้นที่ไหม้เกรียมแล้วจิ้มเข้าที่จุดอ่อนตรงเอว
"อะไร?" เอ็ดเวิร์ดถามอย่างล่องลอยโดยเหลือ HP เพียงเศษเสี้ยว
“บอกให้ทุกคนยืนชิด ๆ กันหน่อย” เจ้าตัวเล็กพูดอย่างจริงจัง
แม้ว่าจะเป็นคำขอที่แปลกประหลาด แต่เอ็ดเวิร์ดก็ทำตามที่เธอถามและให้ทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่มารวมตัวกัน เอลีน่าเป็นนักบุญหญิง แม้ว่าเธอจะยังอยู่ในระหว่างการฝึกฝน แต่เธอก็เหนือกว่าเอ็ดเวิร์ดสาวกธรรมดาไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในศาสนจักรใดก็ตาม...
จากนั้นเด็กหญิงก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมีตัวเลขหลากหลายปรากฏขึ้นรอบ ๆ ตัวเอลีน่า
เธอชูหนังสือขึ้นพร้อมกับตะโกนว่า “กลยุทธ์การอยู่รอด: อินฟินิตี้!”
เสี้ยววินาทีถัดมา รัศมีสีเงินก็แผ่ออกมาจากร่างของเธอและก่อตัวขึ้นเหมือนกลุ่มหมอก ก่อนจะกลายเป็นเทวดาตัวน้อยบินโปรยกากเพชรรอบตัวเธอพร้อมกับเป่าแตร
แต่แตรไม่มีเสียงดนตรีเลย มันเหมือนเครื่องเล่นเทปขัดข้องที่ร้องเพียงคำว่า 'อิน-ฟิ-นิ-ตี้' ซ้ำ ๆ ไม่เพียงจะไม่ไพเราะ แต่ยังหนวกหูและน่ารำคาญมาก…
แม้ทักษะนี้จะน่าขัน แต่ผู้เล่นที่มารวมตัวกันก็รู้สึกได้ว่าบางอย่างที่ทำให้ไม่สบายตัวภายในร่างของพวกเขากำลังจางหายไปอย่างรวดเร็ว ดั่งเช่นหิมะที่ละลายภายใต้แสงของดวงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิ...
เมื่อเทวดาตัวน้อยเป่าแตรดังอย่างต่อเนื่องว่า (อิน-ฟิ-นิ-ตี้ อิน-ฟิ-นิ-ตี้~~) เชื้อซอมบี้ที่ซ้อนทับกันเกือบโหลก็หายไปอย่างรวดเร็วจากแถบสถานะของผู้เล่น
ผู้เล่นที่รอดชีวิตไม่อดไม่ได้ที่จะตะโกนอย่างตื่นเต้น มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าครั้งสุดท้ายที่พวกเขารู้สึกโชคดีที่รอดชีวิตมาได้คือเมื่อใด
เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้ว
มีผู้เล่นไม่มากนักที่ทราบว่าเอลีน่ามีคลาสลับอย่างนักบุญหญิง(ฝึกหัด) ด้วยความวุ่นวายในวันนี้ ตัวตนของเธอจะถูกเปิดเผยต่อผู้เล่นอย่างแน่นอน
นอกจากนี้วิธีที่เจ้าหญิงนักรบลีอาใช้พลิกกระแสการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ข้ากลัวว่านับจากวันนี้ผู้เล่นคนอื่น ๆ อาจพยายามตามหาคลาสลับ...
แต่ในขณะที่ผู้เล่นกำลังส่งเสียงโห่ร้องดีใจและตบหลังกันไปมา พวกเขาก็นิ่งเงียบเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของมาร์นี่
“หมอ! ที่นี่มีหมอไหม!” มาร์นี่อุ้มเซลีนเด็กสาวชาวเอลฟ์ที่หมดสติไว้ในอ้อมแขน “เชื้อซอมบี้ของเธอยังไม่หายไป! เธอต้องได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด!”
--------------------------------------------
เพจ FC-Translate