ตอนที่ 37 เรียนรู้
ตอนที่ 37 เรียนรู้
"รูดี้เอาหนังสือที่เจ้ากำลังอ่านมาให้ข้าดูมั่งสิ ~! "คลีเมนไทน์อุทานอย่างมีความสุขขณะที่เธอกระโดดขึ้นไปบนเตียงที่เด็กหนุ่มนอนอยู่ด้วยสีหน้าเขินอายเล็กน้อย จากนั้นรูดี้ก็พยักหน้าและค่อยๆยื่นหนังสือเข้าหาเธอ
"มันเป็นตำราอาหารที่บอกเกี่ยวกับวิธีการปลุงอาหารจากวัตถุดิบในป่า ...และมันก็ยังอธิบายเล็กน้อยเกี่ยวกับวิธีรวบรวมพวกมันอย่างดีที่สุดและเราก็สามารถรู้ได้ด้วยว่าอะไรกินได้และอะไรกินไม่ได้" เขาอธิบายและคลีเมนไทน์ก็ยิ้มตอบอย่างสดใส " มันเป็นหนังสือสำหรับผู้ใหญ่หนิ! งั้นเจ้าช่วยอ่านให้ข้าฟังได้ไหม ?” เด็กสาวถามอย่างตื่นเต้นก่อนที่รูดี้จะพยักหน้าชี้ไปที่คำใดคำหนึ่งในบรรทัดแรกเพื่อตั้งสมาธิว่าเขาอ่านถึงตรงไหน
"วิธีง่ายๆที่จะดูว่า ... ดะ...ดูว่าพืชมัน ...ปะ...ปลอด ... พิษ... ก็ให้ดูว่า สะ ... สัตว์... กะ - กิน มันหรือไม่ ... "รูดี้อ่านออกเสียงออกมาจนแม้แต่อิมพ์ก็ได้ยินเขา เขาอ่านส่วนนั้นในหนังสือก่อนหน้านี้มาแล้วสั้นๆและมันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับอิมพ์ แต่ทว่าคลีเมนไทน์กลับมองรูดี้ด้วยสีหน้าตื่นเต้น "ว้าว! เจ้าอ่านได้จริงๆด้วย เก่งจัง!" เธอหัวเราะออกมาราวกับว่าหมายความตามที่พูดจริงๆ ดังนั้นรูดี้จึงตอบสนองโดยการเกาหลังคอด้วยความดีใจ
นี่เป็นเรื่องปกติงั้นรึ? อิมพ์ไม่แน่ใจจริงๆ แต่บางทีเขาควรจะถามพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ "ทักษะการเข้าใจภาษาของเจ้าอยู่ระดับไหนรึ" อิมพ์ถามเสียงดังเพื่อให้ทุกคนในห้องได้ยิน
"เอิ่ม ... ข้าก็ไม่รู้ ... แต่ข้านั้นอ่านค่าสถานะของตัวเองไม่ออก... "คลีเมนไทน์ยอมรับอย่างเขิน ๆ แต่ในทางกลับกันรูดี้ แซมมี่และอาร์คก็ดูจะรู้ตัวบ้างแล้ว "ข้าอยู่ฝึกหัดระดับ5 " แซมมี่ตอบอย่างเงียบๆและอาร์คก็พยักหน้า "ของข้าก็น่าจะฝึกหัดระดับ 11 ฮิฮิ" อาร์คพูดอย่างสุภาพและรูดี้ก็แสยะยิ้มอย่างรวดเร็วและกอดอก
"เฮ้ แต่ของข้าหน่ะคือฝึกหัดระดับ 19!" เขาอุทานและอิมพ์มองพวกเขาอย่างประหลาดใจ พวกเขาสามารถพูดได้ดีดังนั้นเขาจึงไม่คิดอยู่แล้วว่าระดับความสามารถของพวกเขาคงจะอยู่ต่ำกว่าเขาไม่มากนัก
“แล้วคุณหละ?” อาร์คถามอย่างสงสัยและอิมพ์ก็ค่อยๆเปิดสถานะของเขาและเลือกที่จะดูอีกครั้ง ดูเหมือนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคำว่าฝึกหัดกับระดับสินะ
" ฝึกหัดระดับ 89" อิมพ์อธิบายและคนอื่น ๆ มองเขาอย่างตื่นเต้น
“นั่นสูงมากเลยไม่ใช่รึไง?” อาร์คถามด้วยความประหลาดใจและแซมมี่ก็ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว "ใช่ ... พ่อของข้ายังติดอยู่ที่ระดับ 99 ... " เธออธิบายด้วยสีหน้าขมขื่นเล็กน้อยและอิมพ์ก็มองเธออย่างสับสน
"มันหมายความว่าไง ไอ่คำว่า" ติดอยู่ "หน่ะ ?" อิมพ์ถามขึ้นแต่แซมมี่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพื่อตอบคำถาม
“หืม คุณไม่รู้กระทั่งคำพื้นฐานพวกนี้ได้ยังไงกัน ?” เธอตอบและมองออกไปก่อนที่รูดี้จะยิ้มเยาะตอบกลับและหัวเราะเล็กน้อย “เจ้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันไม่ใช่รึไง?” เมื่อเขาพูดออกมา ใบหน้าของแซมมี่ก็แดงระเรื่อและเธอก็ส่ายหัว
"แน่นอนสิว่าข้าต้องรู้สิ! ข้าก็แค่ไม่อยากบอกเขาเท่านั้นเอง…." แซมมี่ก็ตอบ จากนั้นอาร์คก้หัวเราะเบาๆและหันไปหาอิมพ์
"ข้าเองก็ไม่คิดว่าตัวเองพูดถูกได้ทั้งหมดหรอกนะ แต่ข้าคิดว่าคนเรานั้นมีสิ่งที่ทำได้ดีแตกต่างกันและนั่นก็เป็นการบ่งบอกถึงระดับและเลเวลของทักษะที่เราใช้ออกมา บางคนไม่สามารถเรียนรู้ทักษะบางอย่างได้ด้วยซ้ำ... แต่เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้สามารถเปลี่ยนแปลงกันได้ ... ในฐานะเด็กแล้วทักษะของเราจะเพิ่มระดับได้ช้าเป็นอย่างมากและเด็กทารกอย่างลีออนหรือนักบวชศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถกระทั่งเรียนรู้ทักษะได้ด้วยซ้ำ "เด็กชายอธิบายก่อนที่จะเกาแก้มอย่างเขินอาย" แต่ก็ตราบใดที่พวกมันไม่ใช่ทักษะเฉพาะตัวหละนะ "เขากล่าวเสริมและอิมพ์ก็พยักหน้าช้าๆด้วยความเข้าใจ
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถสอนเด็ก ๆ ให้พูดได้เลยทันที นี่ทำให้เขารู้สึกรำคาญเล็กน้อย หลังจากเขาถอนหายใจออกมาอิมพ์ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ตรงมุมห้องพร้อมกับวางหนังสือลงบนโต๊ะก่อนจะขึ้นไปบนเตียงของรูดี้และนั่งลงข้างๆเด็กชาย
รูดี้มองเขาอย่างสับสนขณะที่อิมพ์หยิบหนังสือไปจากเขาจากนั้นก็ใช้นิ้วชี้ไปที่บรรทัดแรกที่รูดี้เพิ่งอ่าน เขาทำแบบเดียวกับที่เอวาลินทำในตอนนั้นเพื่อที่จะสอนรูดี้ได้อย่างถูกต้อง
“วิธีที่ดีเพื่อดูว่าพืชนั้นกินได้หรือไม่ก็คือการดูว่าพืชนั้นมีสัตว์ชนิดไหนกินมันหรือไม่” เขาพูดเสียงดังขณะที่มองไปที่รูดี้และชี้ต่อไปยังประโยคถัดไปเพื่อให้รูดี้มองตามในขณะที่เขามองผ่านรูหน้ากากลงมา
“อ่านต่อสิ”อิมพ์บอกเขาและอย่างช้า ๆ รูดี้ก็พยักหน้าและทำตามที่เขาบอก แม้ว่ารูดี้จะตกใจเล็กน้อยเมื่ออิมพ์มานั่งอยู่ข้างๆก็ตาม
" สะ ... สัตว์ จะ-จำนวน… - ตะ….ตาม…..สัญ ... สัญ ... สัญชาตญาณ ... "รูดี้เริ่มพูดออกมาแม้ว่าเขาจะรู้สึกประหม่าที่ถูกอิมพ์จ้องมองอยู่ก็ตาม แต่อสูรหนุ่มก็ชี้ไปยังคำนั้นแล้วหันไปหารูดี้ " ตามสัญชาตญาณ "เขาพูดขึ้นและรูดี้ก็มองไปที่คำนั้นและค่อยๆพูดซ้ำสิ่งที่อิมพ์พูดโดยการพยายามเริ่มพูดทั้งประโยคอีกครั้ง
"สัตว์หลายชนิดสามารถใช้สัญชาตญาณ ... ยะ….แยก... แตก.. ... คำนี้คืออะไรหรอ?" เด็กหนุ่มถามอย่างระมัดระวังและอิมพ์ก็มองอย่างรวดเร็ว "แยกความแตกต่าง" เขาอธิบายและรูดี้ก็พยักหน้าช้าๆจากนั้นก็อ่านหนังสือต่อไปโดยมีอิมพ์คอยช่วยเหลือเขาจนกระทั่งรูดี้สามารถอ่านทั้งประโยคได้อย่างถูกต้องจนจบ
"สัตว์หลายชนิดสามารถแยกความแตกต่างระหว่างอาหารที่ฆ่าพวกมันหรืออาหารที่พวกมันสามารถกินได้อย่างปลอดภัยโดยใช้สัญชาตญาณ" เด็กชายอุทานอย่างภาคภูมิใจและอิมพ์ก็ค่อยๆพยักหน้าตอบรับ
"ทำได้ดีมาก" อิมพ์กล่าวและแม้ว่ามันจะเป็นเสียงโทนเดียว แต่รูดี้กลับดูมีความสุขเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นอีกสักพักอิมพ์ก็ยังคงช่วยรูดี้อ่านหนังสือทำอาหารในขณะที่เด็ก ๆ คนอื่น ๆ ก็ฟังอย่างสงสัยราวกับว่ามีใครบางคนกำลังอ่านนิทานให้พวกเขาฟัง ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ที่ร้านหนังสือแซมมี่จะไม่ได้อ่านหนังสือให้ลีออนฟังแต่อย่างใด เธอเพียงแค่เปิดภาพสวยๆให้เขาดูเท่านั้น ดังนั้นอิมพ์จึงสัญญาว่าจะช่วยเด็กคนอื่น ๆ ให้อ่านได้ในภายหลังเช่นกัน
แต่หลังจากนั้นไม่นานอิมพ์ก็สังเกตเห็นว่าเด็ก ๆ ทุกคนดูเหนื่อยมากและทารกทั้งสองที่ถูกวางไว้ในเตียงของตัวเองก็ได้หลับไปแล้ว ดังนั้นอิมพ์จึงค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงและเดินกลับไป ไปทางมุมห้องที่มีเก้าอี้และโต๊ะอยู่
"เจ้าสี่คนนอนเถอะ " อสูรหนุ่มบอกพวกเขา "ข้าจะอยู่ต่ออีกหน่อย" เขาอธิบายและเด็ก ๆ ก็พยักหน้าช้าๆพร้อมกับปีนขึ้นไปบนเตียงที่พวกเขาจองไว้สำหรับตัวเองอย่างเหนื่อยล้า จากนั้นอิมพ์ก็เริ่มอ่านหนังสือของเขาเล่มหนึ่งซึ่งมันเป็นหนังสือที่เขาสนใจมากที่สุดในตอนนี้
'ทฤษฎีเวทมนตร์และการปฏิบัติ'. ดูเหมือนเป็นหนังสือที่ค่อนข้างเจาะลึกเกี่ยวกับเวทมนตร์ และมันยังอธิบายถึงความรู้ทั่วไปที่เหมาะแก่การเริ่มต้นอีกด้วย ดังนั้นอิมพ์จึงสนใจเล่มนี้มากที่สุด หลังจากที่เขารู้สิ่งที่ต้องการจากมันแล้วเขาค่อยอ่านหนังสือเกี่ยวกับวิญญานต่อ
และสิ่งที่อิมพ์ค้นพบในขณะที่อ่านหนังสือเกี่ยวกับเวทมนตร์นั้นน่าสนใจเป็นอย่างมาก
เวทมนตร์ส่วนใหญ่แบ่งออกเป็นสองส่วน การจัดการและการสร้าง ส่วนของการจัดการนั้นจะให้อธิบายก็คือการควบคุมองค์ประกอบที่มีอยู่ตามธรรมชาติในโลกซึ่งเป็นสิ่งที่นักเวทย์ประมาณ 95% ให้ความสำคัญ และตอนนี้สิ่งที่อิมพ์ทำได้ก็คือการจัดการ การควบคุมเลือดของตัวเองผ่านน้ำในร่างนั้นจำเป็นต้องใช้เวทย์มนต์น้ำของเขาและส่วนอากาศในร่างนั้นเขาจำเป็นต้องใช้เวทย์อากาศหรือลมที่มี
สำหรับเวทมนตร์ 'การสร้าง' เป็นสิ่งที่ค่อนข้างหายากและยากที่จะทำสำเร็จ และดูเหมือนว่าหนังสือเล่มนี้จะไม่ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างเวมย์มนต์เท่าไหร่นัก มันเป็นหนังสือสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้เวมย์มนต์เท่านั้น ดังนั้นสำหรับอิมพ์แล้วมันจึงสมเหตุผลที่จะไม่อธิบายเกี่ยวกับการสร้าง
สำหรับตอนนี้เขาเลือกที่จะลองใช้วิธีฝึกฝนสำหรับผู้ที่มีเวทย์มนตร์ระดับ 'เริ่มต้น' ดู แต่เขานั้นเคยฝึกเวทย์อากาศมาแล้วซึ่งมันคือสิ่งที่เขาทำก่อนหน้านี้นั่นเอง สิ่งที่เขาทำก่อนหน้านี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับลมปราณของเขาโดยการควบคุม 'มานา' หรือสิ่งที่อิมพ์เรียกว่า 'ความร้อน'
นั่นดูเหมือนจะเป็นขั้นตอนหนึ่งของการฝึกฝนและขั้นตอนต่อไปคือขั้นตอนสำหรับผู้ที่เคยทำมาแล้ว คุณจะต้องควบคุมอากาศที่ออกมาจากร่างกายของคุณในขณะที่มันอยู่นอกร่างกาย สิ่งนี้จะทำได้ก็ต่อเมื่อคุณควบคุมมานาไว้ในอากาศและตั้งสมาธิกับมันไว้ตลอดเวลา ดังนั้นอิมพ์จึงคิดว่าเขาน่าจะลองทำแบบนี้ดู เขารับรู้ถึงความร้อนได้ดีอยู่แล้วดังนั้นมันก็คงไม่มีปัญหาอะไรนัก
เขารวบรวมสมาธิอย่างช้าๆและอิมพ์ก็ปล่อยลมหายใจลึก ๆ ออกมาจากปากของเขา ซึ่งมันพัดฝุ่นบางส่วนบนพื้นกระจายออกไปจากอิมพ์อย่างรวดเร็ว แล้วอิมพ์ก็ค่อยๆหลับตาลงและตั้งสมาธิเพื่อรู้สึกถึงความร้อนที่กระจายอยู่ทั่วห้องและราวกับว่าเขาพยายามจะนำมันกลับเข้ามาในร่างกายของเขา เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกทันที
เมื่อสัมผัสได้ถึงลมกระโชกเบา ๆ ที่กระทบร่างกายของเขา อิมพ์ก็พลิกหน้าหนังสือของเขาไปเล็กน้อยเพื่อดูว่าเขาทำถูกต้องหรือไม่
และดูเหมือนว่าการแจ้งเตือนจะคิดแบบเดียวกับเขา
[ทักษะเวทอากาศระดับเริ่มต้นเลเวลขึ้น!]
เมื่อเห็นว่าเวทมนตร์ของเขามีความคืบหน้าเล็กน้อย อิมพ์จึงคิดที่จะลองทำมันซ้ำอีกครั้ง เป้าหมายของการฝึกนี้เห็นได้ชัดว่าคือการควบคุมลมหายใจที่ปล่อยออกมารอบๆตัว ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องยากอะไรดังนั้นอิมพ์จึงไม่คิดว่าเขาไม่ควรหยุดจนกว่าจะทำมันจนชิน
อิมพ์ทำขั้นตอนนี้อยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แม้ว่าเขาจะเหนื่อยเป็นอย่างมากก็ตามแต่ในที่สุดเขาก็ก้าวหน้าขึ้นเป็นอย่างมากเช่นกัน ตอนนี้เขาสามารถขยับลมหายใจเป็นวงกลมรอบๆพื้นได้แล้ว มันอาจจะไม่มีประโยชน์อะไรมากนักแต่อิมพ์ก็คิดว่าดีกว่าไม่ได้อะไรเลย อีกทั้งเขายังสามารถพัฒนามันได้อีก
ดังนั้นสำหรับตอนนี้อิมพ์คิดว่าเขาควรจะหยุดพักสักหน่อยจนกว่าเขาจะหายเหนื่อย เขาเอนหลังพิงเก้าอี้มองเข้าไปในห้องที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างพอดี ทุกคนดูเหมือนจะนอนหลับกันอย่างสบาย เขานั้นหวังไว้ว่าคืนนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นและพวกเขาก็สามารถออกเดินทางไปตอนเช้าไปได้ตามที่ตั้งใจ อิมพ์รู้สึกไม่ชอบเมืองนี้เลย ดังนั้นเขาจึงต้องไปจากที่นี่ให้ไวที่สุด
“หืม .. ?” อย่างช้าๆอิมพ์สังเกตเห็นบางอย่างเกี่ยวกับความคิดของเขาที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน ถ้าเขาต้องการไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แล้วทำไมเขาไม่ไปเลยหละ? พวกเขาควรอยู่ในรถม้าและจากเมืองนี้ไปแล้วไม่ใช่รึ ? ทำไมพวกเขาถึงไม่ไปกัน ?
แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะสายไปเล็กน้อยแล้ว เพราะตอนที่อิมพ์กำลังคิดอยู่นี้ก็ได้มีบางอย่างเกิดขึ้น เสียงระฆังดังไปทั่วเมืองและแสงสีม่วงสว่างจ้าก็ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาขณะที่ได้ยินเสียงหัวเราะจากท้องถนน
และความรู้สึกอันน่าหวาดกลัวที่เกินกว่าจะทนไหวก็ปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน