Chapter 26: เป็นเจ้าชายนี่มันโคตรเหนื่อยเลยจริงๆ - 1 (ส่วนที่ 2)
“ไอ้โง่! เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังทำบ้าอะไรอยู่!?”
พรรคพวกของเขารีบวิ่งเขามาหาฉัน เพื่อเป็นการตอบสนอง ฉันได้ยกพลั่วขึ้นแล้วชี้ไปที่พวกเขา ซึ่งนักบวช ‘ผู้กล้าหาญ’ เหล่านี้ก็ได้ถอยกลับไปด้วยอาการตกตะลึงกับการกระทำของฉันอย่างเห็นได้ชัด
“อยากให้เฉาะหัวพวกเจ้าด้วยหรอ?”
“เฉาะหัวพวกเราเนี่ยนะ???”
ฉันมองกลับไปข้างล่าง
ฉันเห็นไฮส์พยายามคลานออกมาจากหลุมดังนั้นฉันเลยเตะเขากลับเข้าไปข้างใน
เขาส่งเสียงร้องโวยวายออกมาดังลั่นในขณะที่สะดุดกลับเข้าไปในหลุม จากนั้นเขาก็ตะคอกใส่ฉันด้วยความโกรธล้วนๆ “ไอ้เวรนี่! แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร....!?”
“แล้วไง? แกรู้รึเปล่าหล่ะว่าฉันเป็นใคร?”
“...ว่าไงนะ?”
ฉันย่อตัวลงแล้วจ้องไอ้โง่คนนี้ผ่านช่องของหน้ากากจะงอย “ฉันบอกว่า ก่อนที่แกจะมาขึ้นเสียงใส่ฉันแกรู้รึเปล่าว่าฉันเป็นใคร?”
ในตอนนี้ไฮส์ได้ลืมเรื่องความเจ็บปวดของตัวเองไปหมดแล้วและปิดปากเงียบสนิท
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”
มีทหารกับพาลาดินกลุ่มนึงรีบวิ่งเข้ามายังจุดที่พวกเราอยู่
ฉันมองพวกเขาที่กำลังเข้ามาแล้วยักไหล่ “เห้ออ ช่างบังเอิญจริงๆ ขาของเจ้าโง่นี่มันมาอยู่ในจุดที่ฉันกำลังพรวนดินอยู่พอดีหน่ะเห็นไหม? เพราะฉะนั้นฉันก็เลยหยุดมือไม่ทันแล้วเผลอฟาดเข้าไปโดนเขา โถ่ โถ่ ทำไมต้องเอาเท้ามาไว้ในที่แบบนี้ด้วยหล่ะพวก?”
“ห..ห้ะ! ท่านพาลาดินครับ ไอ้โง่เสียสตินี่มันเฉาะขาของผม! ท่านต้องลงโทษเขานะครับ เดี๋ยวนี้เลยด้วย! ตัวผมนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจาก ไฮส์ แฮดรอน ลูกชายคนโตของบ้านเคานต์แฮดรอน!”
ไฮส์โวยวาย ทำให้พาลาดินจ้องมาที่ฉันผ่านช่องว่างของหน้ากาก สายตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจกับความจริงที่ว่าฉันก่อเรื่องอีกแล้ว บางทีเขาคงคิดว่าฉันเนี่ยแหล่ะเป็นคนผิด
แต่ก็นั่นแหล่ะ เขามีอคติกับฉันมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะฉะนั้นปฏิกิริยาของเขาจึงไม่น่าประหลาดใจเลย
พาลาดินถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมา “ได้โปรดเถอะ ท่านต้องขอโทษ...”
“เห้อ พาลาดิน เจ้าชื่ออะไร?”
ฉันพูดตัดบทเขาในทันที
ฉันเป็นหลานชายของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
สถานะกับอำนาจของฉันอาจจะถูกลิดรอนไปแล้วหลังจากที่ถูกเนรเทศ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันตกต่ำถึงจุดที่ต้องมาขอโทษขยะไร้ชื่ออย่างไอ้เจ้าเด็กนี่
ใช่แล้ว ในชีวิตนี้ฉันจะไม่มีวันขอโทษขยะเป็นอันขาด
คนที่ควรได้รับคำขอโทษคือฉันต่างหากหล่ะ คำขอโทษที่มาทำให้ฉันรู้สึกเซ็งแบบนี้
**
(บรรยายมุมมองบุคคลที่ 3)
พาลาดินฮาร์แมนตัวแข็งทื่อในทันที
เขาเป็นรองหัวหน้าของภาคีอัศวินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งนำโดยตัวจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เอง ภาคีอัศวินกางเขนศักดิ์สิทธิ์
เขาเป็นคนที่แม้แต่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ยังรู้จัก ดังนั้นฮาร์แมนจึงถือว่าเป็นคนที่ค่อนข้างมีอิทธิพลในระดับนึง ขุนนางต่ำต้อยจากดินแดนห่างไกลคงไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขาด้วยซ้ำ
ซึ่งมันก็เป็นเช่นเดียวกันกับเจ้าชายที่ถูกเนรเทศคนนี้ด้วย
ฮาร์แมนมีหน้าที่กำกับดูแลเจ้าชายที่เอาแต่ก่อความวุ่นวายไม่รู้จักจบจักสิ้น หลังจากที่ได้ขังเด็กชายเอาไว้ในโบสถ์ พาลาดินก็ได้บังคับให้เขาสวดภาวนาและดื่มแต่น้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นการชดเชยสำหรับการกระทำของเขา
เจ้าชายเองก็ต้องรู้สึกตัวแล้วแน่ๆว่าสถานะของฮาร์แมนนั้นไม่สามารถดูถูกได้เลยเพราะเขาเริ่มมีท่าทีที่อ่อนลงหลังจากเหตุการณ์นั้น และท่าทีที่เชื่อฟังหลังจากเหตุการณ์พยายามฆ่าตัวตายของเขาเองก็ต้องเป็นเพราะความทรงจำตอนที่ถูกกักบริเวณยังคงหลงเหลืออยู่ในใจของเขาอย่างแน่นอน
นี่คือสิ่งที่เขาคิดจนถึงตอนนี้ แต่ว่า...
“ฉันถามว่าเจ้าชื่ออะไร”
เสียงของเด็กชายราบเรียบ แต่แม้กระนั้นมันกลับดังก้องอย่างทรงพลังจนคำพูดของเขาถูกฝังกลับเข้าไปที่ส่วนลึกในหัวของฮาร์แมน
พาลาดินกลืนน้ำลายแห้งๆกลับเข้าไป ดวงตาของเขาสั่นคลอน ทั่วทั้งร่างของเขารู้สึกหนักอึ้งและเฉื่อยชา ไม่สิ มันไม่ใช่แค่เขา แต่บรรยากาศรอบๆกำลังหนักหน่วงขึ้นด้วย
ฮาร์แมนตระหนักถึงสาเหตุของปรากฎการณ์นี้ได้ในทันที เสียงของเจ้าชายแผ่พลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาอย่างหนาแน่น
‘พระเจ้า เสียงนี้มันเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์เลยไม่ใช่หรอ? เจ้าชายใช้วจีวิญญาณได้ยังไงกัน....?’
ฮาร์แมนไม่รู้ว่าจะหาวิธีตอบคำถามของตัวเองได้ยังไง ในระหว่างนั้น ‘คำสั่ง’ ที่เจ้าชายทิ้งเอาไว้ก็ยังคงฝังติดอยู่ในหูของเขาอย่างหนักแน่น
“...ฮาร์แมน ผมชื่อฮาร์แมน ไดอันครับ เจ้าชาย”
ในตอนที่เขาพูดชื่อของตัวเองออกมานั้น เหงื่อก็เริ่มไหลลงมาที่แก้มของเขา และเนื่องจากความกังวลนี้เอง เขาถึงกับพูดออกมาติดขัดเล็กน้อย
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
มีลูกชายของขุนนางซักตระกูลนึงอยู่ข้างในหลุมที่พร้อมฝัง จากนั้นก็มีเด็กสาวยืนอยู่ใกล้ๆด้วยท่าทีที่ดูตื่นเต้น และสุดท้าย ตัวการของเรื่องอย่างเจ้าชายเองก็กำลังยืนอยู่ต่อหน้าฮาร์แมน
นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?
ไม่สิ ก่อนหน้านั้น...
‘คนๆนี้ใช่หลานชายของจักรพรรดิจริงๆหรอ?’
เด็กชายสวมหน้ากากอยู่ แต่เสียงของเขาตรงกับเสียงของเจ้าชาย คนๆนี้คืออัลเลน ออโฟเซ่อย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม บรรยากาศที่แผ่ออกมาจากตัวเขาในตอนนี้มันแตกต่างจากตัวเขาในยามปกติโดยสิ้นเชิง
เขาแตกต่างจากตัวบัดซบที่มีชื่อเสียงอื้อฉาวในเรื่องของความขี้ขลาดและชื่นชอบการดูถูกคนอื่น
“ถ้างั้นฮาร์แมน ไดอัน จงบอกสถานะของฉันมาซิ”
“...”
สายตาของเจ้าชายมองทะลุมาที่ฮาร์แมนจากใต้หน้ากากจะงอย ดวงตาคู่นั้นไม่มีความสั่นไหวเลย
สายตานี้มัน...
“...นี่เป็นคำสั่ง”
‘ประกาศิตแห่งจักรวรรดิ’ ที่ไม่มีใครสามารถขัดขืนได้
เขาอาจจะถูกขับไล่ออกจากราชวงศ์ แต่เขาก็ยังแผ่กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่และขัดขืนไม่ได้ซึ่งมีแต่ราชวงศ์เท่านั้น
เหมือนกับถูกมันดึงดูด ฮาร์แมนเอ่ยปากออกมาแล้วเริ่มพูด “ท ท่านคือ...ท่านอัลเลน...ออโฟเซ่...” ตอนนี้น้ำเสียงของเขาฟังเหมือนกับกำลังคร่ำครวญอย่างหมดหนทาง “หลานชายลำดับเจ็ด...ขององค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ครับ”
ท้ายที่สุด พาลาดินก็ไม่สามารถสบตากับเจ้าชายได้อีกแล้วลดสายตาลง อย่างไรก็ตาม คำตอบของเขานั้นเพียงพอแล้วที่จะปิดปากลูกชายคนโตของตระกูลแฮดรอน
ไหล่ของเจ้าชายกระตุกเล็กน้อยเหมือนกับว่าเขาพึงพอใจกับคำตอบของฮาร์แมน “ว่าไง? ได้ยินแล้วใช่ไหม? คนที่เจ้าตีตราว่าเป็นพวกบ้านนอกจริงๆแล้วก็คือหลานชายของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ยังไงหล่ะ! เป็นยังไง? กลัวหัวหดเลยหล่ะสิ?”
ด้วยเหตุนี้เอง บรรยากาศอันหนักอึ้งก็หายไปในทันที
เจ้าชายย่อตัวลงแล้วจ้องไปที่ไฮส์ที่ยังคงอยู่ข้างในหลุมด้วยสีหน้าตื่นตระหนก จากนั้นเขาก็เริ่มใช้นิ้วจิ้มศีรษะของเด็กชายที่ตัวใหญ่กว่าอย่างรุนแรง
“คนอย่างเจ้ากล้าเรียกฉันว่าบ้านนอกหรอ? แล้วอะไรอีกนะ? ไอ้เวรใช่ไหม? ฉันจะทุบกระโหลกทึบๆของเจ้าซะ ได้ยินใช่ไหม? ว่าไงหล่ะพวก? โถ่เอ้ย..ไอ้เวรนี่! ฉันเป็นหลานชายของจักรพรรดินะ! เจ้ากล้าขึ้นเสียงใส่ฉันได้ยังไง? หรือว่าจะให้ฉันจับฝังไปทั้งตระกูลเลยดี!?”
ท่าทีของเขาในตอนนี้หยาบคายมากจนดูคล้ายกับนักเลงตามท้องถนนมากกว่าขุนนางซะอีก ซึ่งตอนนี้ฮาร์แมนก็กำลังแหวกว่ายอยู่ในความรู้สึกที่ไม่เข้ากันอย่างรุนแรงนี้ ตอนนี้ เจ้าชายดูเหมือนกับขยะประเภทที่กู่ไม่กลับแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อครู่ก่อนนั้นเขาแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อสักครู่นี้เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันหนักหน่วงที่เด็กชายแผ่ออกมาใช่ไหม?
มีอยู่ช่วงนึง เขาถึงกับเห็นภาพหล่อนว่ากำลังถูกเงาของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ที่นำกองทัพขนาดมหึมาโค่นล้มราชาเนโครแมนเซอร์จ้องอยู่ด้วยซ้ำ
และนั่นก็คือสาเหตุที่เขาทำตามคำสั่งของเจ้าชายไปโดยไม่รู้ตัว
หรือนี่จะหมายความว่าแม้จะแค่เล็กน้อยแต่เจ้าชายก็มีสายเลือดของจักรพรรดิไหลเวียนอยู่
“คือว่า คือ..”
ลูกชายคนโตของเคานต์แฮดรอนไม่สามารถปะติดปะต่อประโยคให้สมบูรณ์ได้ด้วยซ้ำหลังจากที่ได้รับรู้ความจริง
“หืม นี่เจ้าอยากให้ทั้งตระกูลถูกกำจัดอย่างนั้นหรอ?”
“...”
ดวงตาของเด็กชายแฮดรอนเบิกกว้าง เขากัดริมฝีปากเล็กน้อย
เขาเคยได้ยินมาว่าหลานชายลำดับเจ็ดนั้นไม่มีอิทธิพลแล้ว นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าเขาถูกเนรเทศไปแล้วด้วย ซึ่งนี่ก็หมายความว่า ต่อให้เด็กชายตัดสินใจก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นที่นี่ เขาก็ไม่น่าจะสามารถทำอันตรายกับตระกูลเคานต์ได้
อย่างไรก็ตาม มันมักจะมีกรณีของคำว่า ‘ถ้า’ อยู่เสมอ เนื่องจากเขาไม่สามารถทำนายอนาคตได้ ไฮส์จึงทำการตัดสินใจอย่างรวดเร็วและระมัดระวังเรื่องการเข้าหามากขึ้น
เขารีบก้มศีรษะแล้วเอ่ยปากพูดออกมา “ผมขอโทษจริงๆครับ เจ้าชายอัลเลน ออโฟเซ่ โปรดรับคำขอโทษจากข้าน้อยผู้ต่ำต้อย ลูกชายคนโตของบ้านแฮดรอน ไฮส์ แฮดรอนผู้นี้ด้วย”
“....ดีมาก”
อัลเลนพยักหน้า
ฮาร์แมนเองก็รู้สึกโล่งอกในขณะที่เฝ้ามองภาพนี้ ถ้าบรรยากาศที่หนักหน่วงเมื่อก่อนหน้านี้ยังดำเนินอยู่ เขารู้เลยว่าเขาคงทำอะไรไม่ได้แน่ ซึ่งนี่เป็นสาเหตุที่เขารู้สึกโล่งใจอย่างมากที่เหตุการณ์จบลงในลักษณะนี้
ลูกชายคนโตของบ้านแฮดรอนอาจจะบาดเจ็บที่นิ้วเท้า แต่เขาจะไม่เป็นอะไรหลังจากที่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ดังนั้น ด้วยเหตุนี้เอง เรื่องทุกอย่างก็จะจบลงไปได้ด้วยดีและ....
“หืม? เจ้าขอโทษแค่ฉันสินะ? ก็ได้ ฉันยอมรับคำขอโทษ ตอนนี้ก็ตายซะ”
และมันก็ยังไม่จบ
ทหารกับพาลาดินฮาร์มอนรีบเข้ามาหยุดเจ้าชายและพลั่วของเขา
ซึ่งนี่ก็คือบทสรุปของวันที่วุ่นวายอีกวันนึง