Chapter 259 -260: จะปฏิเสธงั้นเหรอ?, เธอคือราชินีหยก
Chapter 259: จะปฏิเสธงั้นเหรอ?
หินก้อนที่สองของกู้หนิงก็มีหยกอยู่เช่นกัน หวางซินหยวนเริ่มหน้าเสีย
“พระเจ้า! คุณหนูคนนี้โชคดีชะมัด!”
“ใช่ อันที่จริงฉันยังไม่เคยเห็นใครที่สามารถตัดหยกสองชิ้นติดต่อกันได้เลยสักครั้ง!”
ทุกคนต่างพากันทึ่ง
“เป็นไปได้ยังไง? ทำไมกัน?” หวางซินหยวนไม่เชื่อสายตาตัวเองและไม่อยากยอมรับความจริง
หวางหงหมิงก็ไม่พอใจเช่นกัน ผู้หญิงคนนี้โชคดีหรือเพราะเธอมีความสามารถกันแน่?
ถ้าผู้หญิงคนนี้มีความสามารถในการพนันหินจริง ก็มีความเป็นไปได้ว่าหินในรถเข็นของเธอมีหยกมากเกินกว่าครึ่ง หวางหงหมิงหน้าถอดสี
โดยปกติคนงานจะต้องตื่นเต้นที่ได้ตัดหยกออกมา เพราะพวกเขาสามารถมีชื่อเสียงได้จากการทำเช่นนั้น แต่ตอนนี้มันเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เจ้านายของพวกเขาไม่ต้องการให้พวกเขาตัดหยกเลย ดังนั้นมือของพวกเขาจึงสั่นเล็กน้อย หินในมือของพวกเขาเหมือนมันฝรั่งร้อนๆที่พวกเขาอยากจะโยนทิ้งแต่ก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
หยกระดับกลางชิ้นที่สองเป็นประเภทหยกน้ำ
ในเวลานี้เครื่องตัดหินเครื่องที่สามก็พร้อมใช้งานแล้ว ดังนั้นกู้หนิงจึงหยิบหินชิ้นที่สามออกมาโดยที่ยังคงมีหยกระดับกลางอยู่ข้างใน ชั้นสีเขียวก็เผยให้เห็นออกมาภายในไม่กี่นาที
ตอนนี้ทุกคนอ้าปาก ตาค้าง
หวางหงหมิงตัวสั่นหน้าซีด สีหน้าของหวางซินหยูก็ไม่สู้ดี ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวเพราะความโกรธระคนอิจฉา
เมื่อมีใครตัดหยกได้ จะมีประทัดจุดเพื่อบอกข่าวดี ผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาในร้าน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณหนู ผมเป็นผู้จัดการบริษัทเป่าหยวน จางหยวน ครับ นี่นามบัตรของผม หวังว่าวันหนึ่งพวกเราจะได้ทำธุรกิจร่วมกันนะครับ” อยู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งแนะนำตัวเองกับกู้หนิงอย่างกะทันหัน
บริษัทเป่าหยวนเป็นแบรนด์บริษัทเครื่องประดับระดับสองของวงการอัญมณี
เป้าหมายต่อไปของกู้หนิงคือการขยายกลุ่มลูกค้าสำหรับธุรกิจผู้ให้บริการหยกซึ่งเธอกำลังจะเปิดในเร็วๆนี้ และบริษัทเครื่องประดับก็เป็นลูกค้าเป้าหมายหลักของเธอ
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันถังอันหนิง” กู้หนิงใช้ชื่อเดิมของเธอเมื่อชาติที่แล้ว เธอไม่ได้กังวลว่ามันจะทำให้เธอเดือดร้อนหากตระกูลถังรู้หรือฉีซีเยว่รู้เข้า
บนโลกนี้มีคนหน้าคล้ายกันมากมายนับประสาอะไรกับคนที่มีชื่อเดียวกัน แม้ว่าเธอจะปรากฏตัวด้วยชื่อถังอันหนิงต่อหน้าพวกเขาแล้วยังไง พวกเขาก็คงไม่สงสัยเพราะเธอดูเปลี่ยนไปไม่ใช่ถังอันหนิงคนเดิม
จากนั้นกู้หนิงก็ยื่นนามบัตรตัวเองให้เขา
“คุณถัง ยินดีที่ได้รู้จักครับ! ผมคือผู้จัดการร้านเครื่องประดับจินหยู ฉินหยวน...”
“คุณถัง เป็นเกียรติมากที่ได้รู้จักคุณครับ ผม.....”
…………
ผู้จัดการร้านขายเครื่องประดับมากมายทยอยเข้ามาทักทายกู้หนิงและแลกเปลี่ยนนามบัตรกัน เผื่อวันข้างหน้าพวกเขาอาจได้ทำธุรกิจร่วมกัน
ภายในเวลาสั้นๆ กู้หนิงก็ได้รับนามบัตรมากมายจากแบรนด์ระดับหนึ่ง สอง และสาม
มีคนประมูลหยกทันทีเมื่อมันถูกตัดออกมาจนหมด
“ห้าล้าน”
“5.5 ล้าน!”
…
“สิบสามล้าน”
ในตอนท้ายหยกดำถูกประมูลไปด้วยราคาสิบสามล้านหยวน
เพื่อไม่ให้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอ กู้หนิงได้บอกให้ K เปิดบัญชีในธนาคารสวิสให้เธอก่อนหน้านี้
ธนาคารสวิสมีระบบรักษาความลับระดับสูง และเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นธนาคารที่น่าเชื่อถือที่สุดของโลก ประมาณหนึ่งในสี่ของทรัพย์สินส่วนตัวของคนรวยระดับโลกถูกเก็บไว้ในธนาคารแห่งนี้ นักการเมือง นักธุรกิจ และคนดังระดับโลกต่างก็ทุ่มเงินให้กับธนาคารสวิสซึ่งได้สร้างอุตสาหกรรมการเงินที่มีชื่อเสียงระดับโลกของสวิตเซอร์แลนด์ แม้ว่าจะมีคนต้องการสืบหาตัวตนของเธอ พวกเขาย่อมคว้าน้ำเหลว
การประมูลแรกจบลงอย่างรวดเร็ว
กู้หนิงหยิบหินก้อนที่สี่ออกมาและมันก็เหมือนเดิม
ทุกคนเบิกตากว้างตกใจสุดขีด ตัดหยกออกมาต่อเนื่องสามครั้งก็ว่าน่าตกใจมากแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะยังมีอีกตามมาเรื่อยๆ
หยกก้อนที่สองถูกตัดออกมาเรียบร้อยแล้ว และถูกประมูลขายไปในราคาแปดล้านหยวน
หินก้อนที่ห้าของกู้หนิงก็ยังสามารถตัดหยกมีค่ามากออกมาได้อีก
ทุกคนตกตะลึงและไม่มีใครเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง พวกเขาคิดว่าตัวเองกำลังฝันกลางวันอยู่
“พระเจ้า! นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เป็นประจักษ์พยานการตัดหยกต่อเนื่องห้าครั้ง!”
“ฉันคิดว่าหินก้อนที่เหลือต้องมีหยกอยู่ข้างในแน่”
“เห็นด้วย!”
ผู้คนเริ่มเอนเอียง
“ทำไมเธอดูคุ้นๆจัง?”
“ใครหรอ?” มีคนถาม
“ฉันจำไม่ได้แต่เธอดูคุ้นๆ”
ไม่นานข่าวเรื่องตัดหยกได้ห้าครั้งต่อเนื่องก็แพร่กระจายออกไปข้างนอก ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาที่ร้านมากมาย
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” หวางซินหยวนตะโกน ถ้ายังดำเนินต่อไป เธอต้องแพ้แน่ซึ่งนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอต้องการให้เกิดขึ้น ดังนั้นเธอจึงพยายามล้มการพนันครั้งนี้
แม้ว่าหวางหงหมิงจะคิดแบบเดียวกับหลานสาว แต่กระนั้นเขาก็ยังรู้สึกว่ามันน่าอายเกินไปที่จะทำแบบนั้น สิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำวันนี้มันเหนือความคาดหมายเขามาก เขาทั้งตกใจและเสียใจเพราะหินเหล่านั้นมาจากร้านของเขาเอง! และเขาไม่สามารถเอากลับคืนได้เพราะเขาขายมันไปแล้ว!
“อะไร? เธอจะล้มเลิกไม่พนันแล้วเหรอ?” กู้หนิงปรายตามองหวางซินหยวน
ทุกคนต่างก็หันไปมองหวางซินหยวนด้วยความไม่พอใจ
หวางซินหยวนรู้สึกอาย แม้ว่าเธอจะไร้ยางอายเธอก็ยังตะเบ็งเสียงพูดว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วจะทำไม? เธอจะทำอะไรฉันได้?”
เธอไม่เชื่อว่ากู้หนิงจะสามารถจัดการอะไรเธอได้เพราะเธอเป็นถึงลูกสาวของตระกูลหวาง!”
“ท่านคิดเห็นเช่นไรคะ นายท่านหวาง?” กู้หนิงหันไปพูดกับหวางหงหมิง น้ำเสียงของเธอฟังดูเยาะเย้ยถากถางและท้าทายในที
หวางหงหมิงหน้าแดงเล็กน้อย เขารู้ว่ามันน่าอายแต่เขาไม่อยากให้มันดำเนินต่อไปจริงๆ เขาจึงใช้ข้ออ้างว่า “ในเมื่อคุณถังได้ตัดหยกออกไปหลายชิ้นแล้ว ฉันไม่คิดว่าเธอจำเป็นต้องอยากได้หยกชมพูรากบัวอีก ทำไมเราไม่หยุดกันแค่นี้?”
Chapter 260: เธอคือราชินีหยก
“นายท่านถางต้องฉันเล่นแน่ หยกชมพูรากบัวมีมูลค่าอย่างน้อยก็ยี่สิบล้านหยวน ทำไมฉันต้องทิ้งมันไปด้วยล่ะคะ? เฮ้อ แต่ฉันก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผลเหมือนกัน ถ้าฉันชนะท่านไม่ต้องให้หยกชมพูรากบัวกับฉันก็ได้ค่ะ แต่ท่านก็ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวนให้ฉันแทน ได้ยินมาว่าตระกูลหวางเป็นตระกูลร่ำรวยติดอันดับในเมืองเถิง ฉันคิดว่ายี่สิบล้านหยวนคงไม่ทำให้ตระกูลหวางขนหน้าแข้งร่วงหรอกค่ะ ใช่ไหมคะ?” กู้หนิงกล่าว
หวางหงหมิงไม่พอใจ ถึงแม้ว่ายี่สิบล้านหยวนจะไม่ได้มากมาย แต่ใช่ว่าเขาจะยกเงินให้ใครก็ได้
“คุณถัง เธอแน่ใจหรือ?” หวางหงหมิงถามข่มขู่
“ทำไมจะไม่แน่ใจล่ะคะ? หลานสาวของท่านเป็นคนเสนอการพนันเอง และตอนนี้เธอไม่ต้องการพนันแล้ว? ไม่คิดว่าน่าอายเกินไปหน่อยหรอคะ?” กู้หนิงถามเสียงเย็น เธอไม่ใช่ไก่อ่อน
ผู้คนเริ่มถกเถียงและวิพากษ์วิจารณ์
“ใช่! พวกเขาไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น”
“ตระกูลหวางถือว่าเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลตระกูลหนึ่ง ทำแบบนั้นคงไม่เหมาะเท่าไหร่มั้ง”
“ใช่ ฉันเห็นคุณหนูหวางแย่งเอาหยกชมพูรากบัวจากคุณถังด้วยตาตัวเอง!”
“อะไรนะ? หน้าไม่อายจริงๆ!”
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตระกูลหวางทำแบบนั้น”
…………
แม้ว่าตระกูลหวางจะมีอิทธิพลแต่ไม่ได้มีอำนาจมากขนาดนั้น เพราะฉะนั้นจึงยังไม่คนกล้าวิพากษ์วิจารณ์พวกเขา
โดยเฉพาะตัวแทนบริษัทเครื่องประดับ พวกเขาเข้าอกเข้าใจกู้หนิงและไม่ได้เกรงกลัวต่อตระกูลหวางแม้แต่น้อย เพราะเบื้องหลังพวกเขามีคนที่มีอำนาจมากกว่าตระกูลหวางคอยสนับสนุน
หวางหงหมิงหน้าแดงเพราะขายหน้า แต่เขาไม่สามารถระเบิดโทสะในที่สาธารณะได้
ดังนั้นเขาจึงพยายามระงับความโกรธเอาไว้อย่างเต็มที่แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ได้ เธอสามารถตัดหินต่อไปได้ หากเธอชนะ ฉันจะจ่ายเงินให้เธอในจำนวนเดียวกันกับราคาของมัน”
ตระกูลหวางไม่ได้ขาดแคลนหยกก็จริงแต่ก็ไม่ได้มีหยกระดับกลางค่อนสูงมากมายเหมือนกัน ดังนั้นเขาเลือกให้เงินสดกับเธอดีกว่าหยก
“คุณปู่....” หวางซินหยวนไม่เห็นด้วย
“หุบปาก! แกเป็นคนสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาเองก็ต้องรับผลของมันให้ได้” หวางหงหมิงตวาดหลานสาว ตอนนี้เขาหงุดหงิดกับนิสัยเอาแต่ใจของหลานสาว ถ้าเธอไม่พนันกับกู้หนิงก็คงไม่เกิดเรื่องเหล่านี้
“คุณปู่ พวกเราเป็นหนึ่งในตระกูลที่ทรงอิทธิพลในเมืองเถิง คุณลุงก็เป็นถึงรองนกยกเทศมนตรี ทำไมพวกเราต้องสนใจผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้ด้วย?” หวางซินหยวนเถียง เธอไม่ปิดบังความเกลียดชังต่อกู้หนิงไว้เลย
“โอ้ รองนายกเทศมนตรีอยากรังแกใครก็ได้ที่ต้องการงั้นเหรอ? เจ้าหน้าที่ของรัฐควรมีความเที่ยงธรรมและสมเหตุสมผลมิใช่เหรอ? อีกอย่างรองนายกไม่ใช่คนที่มีอำนาจที่สุดของเมือง ถ้าหากว่ามีคนที่ตำแหน่งสูงกว่าลุงของเธอรู้ว่าเธอทำอะไรบ้าง คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลุงของเธอกันนะ?” กู้หนิงหล่าว
หวางหงหมิงต้องการดูว่ากู้หนิงจะตื่นตระหนกเพราะเครือข่ายครอบครัวของพวกเขาหรือไม่ แต่คาดไม่ถึงกู้หนิงไม่กลัวเลย
“ซินหยวน หุบปากเดี๋ยวนี้! นี่เป็นเรื่องของแก อย่าเอาคนในครอบครัวของเรามาเกี่ยวข้องด้วยแล้วก็ลุงของแกด้วย ฉันไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจผิด” หวางหงหมิงตำหนิหลานสาว เขากลัวว่าจะมีผลกระทบต่อลูกชายคนรองของเขา ถ้าอาชีพการงานของลูกชายถูกทำลาย ตระกูลหวางย่อมโดนหางเลขนี้ไปด้วย
ผู้หญิงคนนี้ไม่สนใจอำนาจของตระกูลหวางของเรา หรือเธอมีคนที่มีอำนาจมากกว่าอยู่เบื้องหลัง? หวางหงหมิงอดไม่ได้ที่จะคิดกับตัวเอง
หวางหงหมิงไม่อยากยอมรับแต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงพูดอะไรออกมาอีก เธอทำเพียงภาวนาให้หินของกู้หนิงไม่มีหยกอยู่ข้างในอีกเลย
การพนันดำเนินต่อไป ไม่กี่นาทีต่อมาหินก้อนที่หกก็ถูกเอาหยกออกมาและประมูลออกไป
ทุกครั้งที่หวางหงหมิงได้ยินว่ามีหยกอีกชิ้นในก้อนหินของกู้หนิง เขาก็อารมณ์เสียมากขึ้น
กู้หนิงได้ตัดหยกระดับกลางค่อนสูงจำนวนมากจนถึงตอนนี้
อย่างไรก็ตามคนงานรู้สึกทรมาน ตอนนี้พวกเขาได้แต่หวังว่าเจ้านายของพวกเขาจะไม่ระบายความโกรธใส่พวกเขา มิฉะนั้นพวกเขาอาจถูกไล่ออก
เมื่อหยกชิ้นที่เจ็ดถูกตัดออกมา มันคือหยกไฮบีซคัซหรือหยกดอกชบา มือของคนงานสั่นเทิ้ม เหงื่อซึมตามไรผม
“เป็นได้ยังไง? ยังไง!” หวางซินหยวนเกือบร้องไห้ออกมา
ส่วนหวางหงหมิงยอมแพ้แล้ว เขารู้ว่าพวกเขาจะต้องแพ้อย่างแน่นอนและรู้สึกอิจฉาความสามารถในการพนันหินของกู้หนิง
“โอ้ ฉันจำได้แล้ว!”
ทันใดนั้นผู้ชายที่พูดว่ากู้หนิงดูคุ้นๆหน้าก็เอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “ฉันอ่านข่าวในเน็ต มีผู้หญิงคนหนึ่งตัดหยกระดับกลางค่อนสูงและระดับสูงได้อย่างต่อเนื่องที่เมือง G เธอทำเงินได้สามร้อยสี่สิบห้าล้านหยวน! ทุกคนจึงเรียกเธอว่าราชินีหยก! ใช่ ฉันคิดว่าเธอคือราชินีหยก”
“อะไรนะ? ราชินีหยก?”
ทุกคนตะลึง หันไปมองกู้หนิงเป็นตาเดียว
หวางหงหมิงก็ได้ยินเช่นเดียวกัน แต่เขาไม่เชื่อ ผู้หญิงคนนี้ก็แค่โชคดีเท่านั้น แต่....
ถ้าผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ต่อหน้าเขาคือราชินีหยก แสดงว่าข่าวคือเรื่องจริงเพราะเธอเพิ่งแสดงความสามารถต่อหน้าทุกคน
เมื่อนึกถึงความสามารถที่โดดเด่นอย่างยิ่งของผู้หญิงคนนี้ หวางหงหมิงปรายตามองหินในรถเข็นของกู้หนิงด้วยความกังวล มีหยกอยู่ในหินทุก... หวางหงหมิงไม่กล้าคิดต่อเพราะเขาไม่สามารถยอมรับความจริงได้
มีคนใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปกู้หนิง กู้หนิงสังเกตเห็นแต่เธอไม่ได้ห้ามเขา ตั้งแต่เธอเปลี่ยนชุดและเปลี่ยนการแต่งหน้า เธอก็ไม่กลัวว่าจะมีคนจำเธอได้
ไม่นานข่าวหัวข้อ ‘ราชินีหยกได้ตัดหยกที่มีมูลค่าสูงอีกครั้งที่เมืองเถิง’ ก็ถูกเผยแพร่ออกไป
ประชาชนในเมืองเถิงทุกคนรับรู้ว่าการพนันหินนั้นมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นพวกเขาจึงสงสัยว่าเหตุใดจึงสามารถตัดหยกออกได้อย่างง่ายดาย
บางคนค้นหา ‘ราชินีแห่หยก’ ทางอินเทอร์เน็ต และพบว่ามีข่าวที่น่าประหลาดใจเกี่ยวกับเธอมากขึ้น