สุดยอดนักสืบในโลกแห่งจินตนาการ (SDFW)-ตอนที่ 36
ตอนที่ 36 ไร้ผู้รอดชีวิต, ไปหาหมอไหม? และพุ่งสู่เลเวล 5
“ฉันเช็คดูแล้ว ในที่เกิดเหตุมีศพคนร้ายอยู่ 9 ศพ มีกระสุนปืน glock ฝังในร่าง 4 ศพ ส่วนอีกห้าที่เหลือตายด้วยปืนลูกซอง”
ในวิทยุตกอยู่ในความเงียบงันไปชั่วขณะหนึ่ง
ทุกคนรู้ว่าไม่มีเจ้าหน้าที่จากเอฟบีไอคนใดใช้ปืนลูกซองแน่นอน พวกเอฟบีไอเลือกที่จะใช้ไรเฟิลหรือปืนกล แม้ว่าพวกเขาจะมีอาวุธปืนพกอยู่เหมือนหัน แต่โดยทั่วๆ ไปแล้วเอฟบีไอจะไม่ค่อยใช้มันในการต่อสู้ลักษณะนี้อย่างแน่นอน
และแน่นอนว่าลุคเป็นคนใช้ปืนลูกซองเพียงคนเดียวในปฏิบัติการครั้งนี้ ทุกคนในกรมรู้ว่าลุคพกปืนลูกซองเรมิงตันอยู่ในรถและปืนพกประจำตัวของลุคก็คือกล็อค 17 ที่มีอำนาจการยิงในระยะกลางๆ
และแน่นอนว่าลุคเป็นคนเดียวที่จะใช้ปืนพกเนื่องจากทักษะการยิงปืนลูกซองของลุคยังอ่อนหัดและช้าเกินไปเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้จำนวนมาก
“ไอ้เจ้าลุค…มันร้ายกาจขนาดนั้นเลยเหรอ? เมื่อสัปดาห์ที่แล้วฉันยังหัวเราะที่มันเป็นมือปืนเป้าสะอาดอยู่เลย” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดอย่างสับสน
“อืม ไว้คุณมาดูที่เกิดเหตุเอาเองละกัน”
“เอาล่ะๆ แค่นี้แหล่ะรีบๆไปเก็บกวาดที่เกิดเหตุให้เรียบร้อยและรีบไปช่วยพวกนั้นที่บ้านของเซลิน่าดีกว่า ยังมีมือปืนอีก 20 คนที่ต้องจัดการ”
“อ้อ..หัวหน้ากับเจ้าลุคกำลังมุ่งหน้าไปที่นั่นแล้วหล่ะ”
“…”
“…”
โรเบิร์ตที่กำลังฟังวิทยุคุยกันระหว่างอยู่ในรถ เขาหันไปมองที่ลุคและพูดว่า "นี่แกฆ่าพวกมันทั้งหมดเหรอ?"
ลุคตอบคำถามของโรเบิร์ตด้วยกันฮัมเพลง โดยที่สายตาของลุคยังคงจดจ่ออยู่ที่ถนนข้างหน้า
โรเบิร์ตกล่าวว่า“เมื่อจบเรื่องนี้แล้ว ฉันว่าพาแกไปหาจิตแพทย์ดีกว่า”
ลุคยิ้ม "ไม่เป็นไรหรอกครับ ในเมื่อพวกมันกล้าที่จะมาจัดการผม ผมก็กล้าที่จะฆ่าพวกมัน”
โรเบิร์ตถามว่า“แกแน่ใจนะ”
ลุคหัวเราะ “แน่นอนครับ. แต่ผมคิดว่าคุณน่าจะต้องหาจิตแพทย์มาให้เซลิน่ามากกว่านะได้”
โรเบิร์ตถามว่า “เอ๊ะ นี่พวกแกคบกันแล้ว?”
ลุคกลอกตาของเขา “เธอเป็นผู้หญิง มันจะแปลกไปไหมที่หลังจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้วเธอไม่จำเป็นต้องไปปรึกษาจิตแพทย์”
โรเบิร์ตหัวเราะตอบด้วยสีหน้าแปลก ๆ
หลังจากโรเบิร์ตและลุคไปถึงบ้านเซลิน่า การต่อสู้ก็จบลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อกลุ่มอาชญากรพบทหารผ่านศึกที่มีทักษะในด้านความแม่นปืนอย่างสูงอย่างโรเบิร์ต ความบ้าคลั่งของมันก็ถูกจัดการโดยสิ้นเชิง และด้วยการนั้นพวกคนร้ายก็เริ่มแสดงให้เห็นถึงความไร้ระเบียบวินัยของพวกมันทันที
และบวกกับความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ เพียงแค่เวลาไม่ถึง10 นาที พวกอาชญกรกลุ่มนี้เริ่มที่จะหลบหนีไปราวกับมดแตกรังเลยทีเดียว
ตั้งแต่ที่โรเบิร์ตมาถึงจนพวกคนร้ายเริ่มวิ่งหนี่ โรเบิร์ตก็ได้จัดการพวกมันไปแล้วหกคน
หนึ่งในนั้นกำลังคิดที่จะหลบเข้าไปในบ้านในละแวกใกล้เคียงเพื่อหลบซ่อน แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปมันก็เจอกับปากกระบอกปืนสีดำสนิท
“เชี่-..” คนร้ายยังอุทานไม่ทันจบคำ ก็โดนกระสุนปืนที่พุ่งออกมาจากรังเพลิง ร่างของคนร้ายก็กระเด็นไปหงายหลังไปทันที
คนที่เป็นเจ้าของเหตุการณ์ยิงคือหญิงสาวชาวละตินอเมริกา
หลังจากที่คนร้ายเริ่มบุกบ้านของเธอนั้น เธอก็ไม่ได้วิตกกังวลอะไรมากนัก แต่เธอกลับตอบสนองโดยการปิดประตูและใช้โซฟาของเธอขวางประตูไว้อีกชั้น จากนั้นเธอหลบหลังโซฟาพร้อมเล็งปืนของเธอฟาดบนแขนและเล็งตรงไปที่ประตู
ข้างๆ เธอมีเด็กหญิงสองคนและเด็กชายหนึ่งคนนอนอยู่บนพื้นเงียบๆ เด็กสาวคนโตกระซิบว่า“แม่ค่ะ เมือไรเซลิน่าจะกลับมา?”
ผู้หญิงคนนั้นตอบด้วยเสียงกระซิบว่า“น่าจะเร็ว ๆ นี้แหล่ะ แม่ได้ยินเสียงของเธอแล้ว แต่ว่าข้างนอกตอนนี้มีคนเลวเต็มไปหมด พวกเราออกไปข้างนอกตอนนี้ไม่ได้ และก็อย่าเสียงดังไป”
“ค่ะ!” สาวน้อยปิดปากทันที
สุดท้ายแล้วก็มีมือปืนเพียงสองคนที่หลบหนีไปได้ ส่วนคนอื่นๆ ไม่ถูกจับก็ถูกสังหารโดยเอฟบีไอและตำรวจก่อนที่พระอาทิตย์ของวันใหม่จะขึ้น
ถึงแม้ว่ามือปืนสองคนที่หลบหนีไปได้แต่พวกเขาก็หนีไปได้ไกลมากนัก
และถึงแม้ว่าเมืองในแถบๆ นี้พื้นที่จะกว้างใหญ่เป็นพิเศษ แต่ทว่าประชากรที่อาศัยอยู่มีไม่มากเท่าไร
บ้านเรือนแถวๆ นอกเมืองจะมีบ้านคนอยู่เพียงไม่กี่ครอบครัวเท่านั้น อันที่จริงแล้วในรัศมีระยะสิบกิโลเมตร จะพบเพียงฟาร์มเลี้ยงสัตว์สักฟาร์มสองฟาร์มเท่านั้น
คนร้ายที่หนีไปได้ทั้งสองคนมีอยู่คนหนึ่งหลบเข้าไปในฟาร์มเลี้ยงสัตว์แห่งหนึ่งและพยายามฆ่าเจ้าของฟาร์มเพื่อที่จะขโมยรถแล้วใช้หลบหนี
แต่อย่างไรก็ตามพวกตำรวจของเมืองได้แจ้งข่าวของคนร้ายที่จะเข้ามาจู่โจมเมืองประชาชนทั่วไปได้รู้แล้วและให้เจ้าของฟาร์มในบริเวณใกล้เคียงละแวกนี้ให้ระวังคนแปลกหน้าเอาไว้และอย่าเข้าใกล้พวกเขาเนื่องจากคนแปลกหน้าอาจจะเป็นสมาชิกแก๊งคาร์ลอสที่เคยส่งมาลอบสังหารตำรวจของเมืองเมื่อหลายวันก่อน
ดังนั้นหลังจากที่คนร้ายที่จะขโมยรถคนนี้ชักปืนออกมา ก็มีกระสุนฝังเข้าไปที่มือของเขาแล้ว
อันที่จริงลูกกระสุนมาจากเด็กชายคนหนึ่งที่เขาตั้งใจจะเล็งไปที่ศีรษะของคนร้าย แต่อนิจจาเขายิงพลาดอย่างแรงและไปโดนแขนแทน
ส่วนคนร้ายที่หนีไปได้อีกคนไม่รู้ว่าจะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้าย เขาถูกพบในอีกสามวันต่อมาในเวลาเที่ยงๆ
เขานั้นไม่มีอะไรตกถึงท้องมาแล้วสองวันได้ และเพราะด้วยความหิวและกระหายน้ำทำให้เขาเป็นลมในฟาร์มปศุสัตว์แห่งหนึ่ง
เจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ที่ไปพบเขาจึงเรียกตำรวจเขามาจัดการ
หนึ่งชั่วโมงต่อมาตำรวจมาถึงก็พาตัวคนร้ายผู้น่าสงสารไป
ด้วยเหตุนี้มือปืนทุกคนที่ครอบครัวคาร์ลอสส่งมาจึงโดนจัดการทั้งหมดและไม่มีใครหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว
คริสหัวหน้าของเอฟบีไอที่ควบคุมปฏิบัติการครั้งนี้มีความรู้สึกสุขใจและทุกข์ใจในเวลาเดียวกัน
คริสรู้สึกสุขใจมากเพราะการปฏิบัติการครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างราบรื่นและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัส อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องทุกข์ใจเพราะลุคได้ฆ่าสมาชิกคนสำคัญของคาร์ลอส แฟมิลี่อย่างเฮอร์นันเดซ คาร์ลอส
จากคนร้ายทั้งหมดประมาณ 50 คน มีคนที่รอดชีวิตไม่ถึงสิบคน
และในบรรดาคนร้ายที่รอดชีวิตก็ได้รับบาดเจ็บและส่วนใหญ่ก็เสียชีวิตก่อนจะถึงโรงพยาบาลซะอีก จะมีก็แค่สามคนที่ไปเสียชีวิตในโรงพยาบาล
ด้วยเหตุนี้ข้อมูลที่คริสจะสามารถหาได้จากพวกคนที่มีชีวิตรอดจึงค่อนข้างจำกัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มสิบคนที่ซุ่มโจมตีลุคและเซลิน่า โดยที่กลุ่มนั้นมีฮอร์นันเดซเป็นผู้นำโดยตรงและพวกเขาทั้งกลุ่มเป็นคนสัญชาติเม็กซิโกทั้งหมด และแน่นอนว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นสมาชิกระดับสูงของคาร์ลอสแฟมิลี่และน่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับพวกคาร์ลอสมากกว่าอีก 40 คนเหลือที่รวมกันซะอีก
และอดีตสมาชิกหน่วยรบพิเศษสองคนที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกคาร์ลอสไม่มีทางจะเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มกระจอกทั้ง 40 คนนี้อย่างแน่นอน
อันที่จริงคนร้ายทั้ง 40 คนเป็นสมาชิกของ Limedog ส่วนใหญ่เป็นเพียงนักเลงข้างถนนทั่วไปที่ไม่รู้วิธีต่อสู้อย่างถูกต้อง สิ่งเดียวที่พวกมันรู้คือปลดเซฟปืนและเหนี่ยวไกซึ่งนั่นทำให้กระสุนหมดลงอย่างรวดเร็ว
และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้พวกมันพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชแม้ว่าจะใช้คนจำนวนมากก็ตาม
และในทำนองเดียวกันเหล่านักเลงข้างถนนเหล่านี้ก็ไม่ได้มีข้อมูลใดๆ เดียวกับกิจการภายในของพวกคาร์ลอสแฟมิลี่
คริสพบว่าคนเหล่านี้ใช้รถบรรทุกขยะแอบลักลอบเข้าเมืองมาทีละไม่กี่คน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาใช้เวลานานมากในการเตรียมการโจมตีซึ่งรถที่ขับชนลุคและเซลิน่าก็คือรถบรรทุกขยะคันเดียวกันที่ขนพวกมันเข้ามาทั้งหมด
คริสไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือทำใดๆได้กับผลลัพธ์ที่เกิดตอนนี้
ทั้งโรเบิร์ตและลุคฆ่าพวกคนร้ายไปแล้วกว่าครึ่ง
คริสจะไปว่าอะไรโรเบิร์ตกับลุคได้? ไปบ่น? จะได้โดนตอกกลับมาหน้าหงายหล่ะสิ
ทั้งโรเบิร์ตและคริสได้ตกลงกันแล้วว่าจะให้เครดิตกับพวกเอฟบีไอมากกว่าครึ่งหนึ่ง มันคงจะคาดหวังอะไรมากไม่ได้ว่าพวกโรเบิร์ตจะพยายามจับเป็นพวกศัตรูทั้งๆ ที่พวกมันต้องการจะเอาชีวิตพวกโรเบิร์ต
เมื่อลุคกลับถึงบ้านเขาบอกโรเบิร์ตว่าเขาจะไปนอนก่อน ลุคเดินตรงไปชั้นบน หลังจากอาบน้ำแล้วลุคก็นอนลงบนที่นอนสปริงอันเก่าของเขาทันที
ในที่สุดลุคก็มีเวลาตรวจสอบระบบเสียที
ภารกิจ: เอาชนะมือปืนคาร์ลอสแฟมิลี่เสร็จสิ้น
รางวัลสำหรับการเสร็จสิ้นภารกิจมีมูลค่า 2,000 ประสบการณ์และ 2,000 เครดิต
การมีส่วนร่วมของโฮสต์ในภารกิจนี้คือ 42 เปอร์เซ็นต์ รางวัลค่าประสบการณ์ 840 และเครดิต 840 แต้ม
ติ้ง!
ประสบการณ์ถึง 900 คะแนนโฮสต์จึงเลเวลเพิ่มเป็นระดับ 5
ค่าสถานะเพิ่มเติม: 3 แต้ม
ลุคจัดการเพิ่มค่าสถานะหนึ่งแต้มให้กับความคล่องแคล่วก่อนที่จะหลับสนิทโดยที่ไม่ได้สนใจความรู้สึกไม่สบายเล็กน้อยที่เกิดขึ้น
ถัดจากนั้นมาสองวันคริสก็จากไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน แต่ก่อนที่คริสจะจากไปคริสได้ทิ้งรายละเอียดการติดต่อไว้ให้ลุค
“อีกสองปีต่อจากนี้หากนายสนใจ นายสามารถลองสมัครเข้าร่วมเอฟบีไอได้นะ ถ้านายผ่านการทดสอบ ฉันมีที่ว่างในทีมของฉันสำหรับนายแน่นอน” คริสกล่าว
ลุคยิ้มและรับนามบัตรไว้ “อืม ไว้เจอกัน”
ลุครู้สึกว่าคริสชวนเขาแค่พอเป็นพิธีไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก แต่ก็อย่างว่าลุคก็เพิ่งเป็นตำรวจที่เข้าทำงานได้เพียงสองเดือนเท่านั้นและลุคก็ไม่ได้มียศใดๆ ด้วยซ้ำ ส่วนถ้าถามถึงระดับการศึกษาของลุค ลุคก็เป็นเพียงคนที่เพิ่งจบการศึกษาระดับมัธยมปลายเท่านั้น
B_R : ปุกาศ ปุกาศ !!!!!!!!!
.
.
เรามีเพจแล้วน้าเข้าไป Follow กดถูกใจพูดคุยติดตามข่าวสารกันได้น้า ….
https://www.facebook.com/สุดยอดนักสืบในโลกแห่งจินตนาการ-SDFW-105519611538127