บทที่ 36 เพื่อน (5)
“ฮ่าฮ่า นายแน่ใจใช่ไหม?”
“เยี่ยมมาก”
"มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร"
กัสปาเปเลอรอสหัวเราะอย่างร่าเริงขณะดื่มไวน์ของเขา
งานเลี้ยงที่เพเรียนเป็นคนจัดขึ้นด้วยตัวเอง
เขาพยายามหนักแค่ไหนที่จะเข้ามาในครั้งนี้?
ไม่ใช่เรื่อวอาหารหรือไวน์เท่านั้น
มันคือมิตรภาพ
เป็นการสร้างมิตรภาพกับเหล่าขุนนางที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง
กัสปาอยู่ในตระกูลชั้นสูงในต่างจังหวัด
ตอนที่เขายังเด็กเขารู้สึกว่าตัวเองเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำของอาณาจักร แต่เมื่อเขาโตขึ้นเขาก็ตระหนักว่ามันห่างไกลจากความจริงแค่ไหน
ในเมืองหลวงมีการจัดงานเลี้ยงเกือบทุกวัน มันเป็นสถานที่สำหรับการสร้างมิตรภาพและการแลกเปลี่ยนการรบที่แตกต่างกันไป
ขุนนางจะต้องพิสูจน์คุณค่าของตนในขณะที่ตรวจสอบคนอื่นๆ และผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันมักจะรวมตัวกันเป็นกลุ่ม
ความสัมพันธ์ดังกล่าวอาจมีผลอย่างมากเนื่องจากพวกเขาอาจสืบทอดวงศ์ตระกูลของตนในภายหลัง
แต่กัสปาไม่ได้รับโอกาสให้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในเมืองหลวงเพราะเขามาจากต่างจังหวัด
นั่นคือเหตุผลที่งานเลี้ยงนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเขา
สำหรับวันนี้เขามีเสื้อผ้าที่สั่งทำโดยร้านชั้นนำและเขาได้เรียนรู้ชื่อของไวน์ราคาแพงมากมายและอาหารพื้นเมืองอื่นๆ
เพื่อให้เป็นไปตามกระแสนิยม
ในไม่ช้าความพยายามอย่างหนักของกัสปาก็สัมฤทธิ์ผล
โดยธรรมชาติแล้วเขาแนะนำตัวได้ดีมาก จนขุนนางในเมืองหลวงเพิกเฉยต่อต้นกำเนิดของเขาได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนความจริงที่ว่าตระกูลเปเลอรอสเป็นตระกูลชนชั้นสูงในจังหวัดที่รู้จักก็ช่วยเขาได้เช่นกัน
‘การจะได้พูดคุยกับเพเรียนนั่นเป็นเรื่องที่ยากเอามากๆ’
เพเรียนจุน
เขาเป็นคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของสังคมในเมืองหลวง แม้แต่ขุนนางที่หัวสูงยังต้องก้มหัวให้เขา
แม้ว่าเขาจะสามารถคุยกับเพเรียนได้เพียงครั้งหนึง แต่ก็ยากที่พวกเขาจะสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งได้
กัสปาเคยได้ยินมาว่าแม้เพเรียนจะดูนุ่มนวล แต่เขาก็จู้จี้จุกจิกอย่างน่าประหลาดใจในการคบหาเพื่อน
หลังจากเรียนรู้สิ่งนี้เขาเลือกที่จะเปลี่ยนเป้าหมายอย่างชาญฉลาดไปที่แพทริคเดอร์ซิดี้ให้เป็นคนที่เขาอยากสร้างสายสัมพันธ์ด้วย
เขาเป็นลูกชายคนโตของมาร์ควิสเดอร์ซิดี้และเป็นลูกของหนึ่งในห้าครอบครัวที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวง (Editor note: มาร์ควิส คือตำแหน่งหนึงของราชการฝรั่งคลายๆดยุค)
“ผมได้ยินข่าวลือมาว่าทักษะดาบของแพทริคไม่ได้ด้อยไปกว่าอัศวินในอาณาจักรลัวโนเบิลเลย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! หากใครมุ่งไปที่เส้นทางใดสักทางอย่างน้อยเขาก็ควรจะอยู่ในระดับนั้นไม่ใช่หรือ?”
“โดดเด่นมากครับ”
แพทริคเป็นคนง่ายๆ
เขาเป็นคนที่เชื่อว่าตัวเองมีความพิเศษและพร้อมจะเชื่อตัวเองแบบนั้นต่อไป
มันค่อนข้างง่ายที่จะจัดการกับคนประเภทนี้
‘ฉันอาจจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงของแพทริคในอนาคต’
กัสปาเชื่อมั่นว่าการเปิดตัวทางสังคมครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ
ดังนั้นเขาจึงค่อยๆจิบไวน์ขณะที่มองไปรอบๆ
‘มีผู้หญิงดีๆมากมาย’
พวกเธอแตกต่างจากเด็กผู้หญิงในต่างจังหวัดอย่างแน่นอน
พวกเธอมีทั้งร่างกายและรูปร่างหน้าตาที่สวยงามและบุคลิกเจ้าเล่ห์ที่รู้วิธีควบคุมหัวใจของผู้ชาย
กัสปาตรวจสอบพวกเธอทีละคนโดยมีความคิดสกปรกที่ว่าสักคนในนี่อาจจะกลายมาเป็นภรรยาของเขา
แล้วผู้หญิงคนหนึ่งก็เตะตาเขา
“…”
ในช่วงเวลานั้นกัสปาหลงเสน่ห์ในทันที
เธอช่างดึงดูดสายตาอย่างไม่น่าเชื่อแม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางผู้หญิงสวยคนอื่นๆ ก็ตาม
เธอมีผมสีน้ำเงินดวงตาสีม่วงและริมฝีปากที่น่าทึ่งซึ่งดูเหมือนจะดึงดูดสายตาของทุกคนที่มองมา
‘ - ผู้หญิงคนนี่ช่างงดงามอะไรเช่นนี้…’
นั่นใช่ลิเลียจุนที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นราชินีแห่งโซเชียวในเมืองหลวงหรือไม่?
ไม่...เขาได้ยินมาว่าผมของเธอนั่นสีบลอนด์
ไม่ใช่แค่กัสปา ขุนนางส่วนใหญ่ก็จ้องมองผู้หญิงคนนี้ในขณะที่แสร้งว่าไม่ได้ทำ
อย่างไรก็ตามไม่มีใครเข้าใกล้เธอเพราะความงามที่น่าทึ่งและการปรากฏตัวที่ไม่คุ้นเคยของเธอ
ตอนนั้นเอง
ราวกับว่าเธอพบบางสิ่งที่ต้องการ ใบหน้าของเธอสดใสขึ้นมากและเธอก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เธอกำลังมองหาทันที
กัสปารีบหันไปมองว่าคนรู้จักของสาวสวยคนนี้เป็นใครกัน
เขาเป็นผู้ชายที่ผอมมาก
มันยากที่จะหาคนๆนั่นเจอ นั่นเป็นเพราะผมของผู้ชายคนนั่นซึ่งเป็นสีขาวโดดเด่นท่ามกลางฝูงชน
ในขณะเดียวกันเขาก็ตัดสินว่าผู้ชายคนนี่เป็นคนที่ไม่สำคัญอย่างแน่นอน
นี่เป็นเพราะชายคนนี้อยู่คนเดียวตลอดในงานเลี้ยง
ถ้าเขาไม่มีคนรู้จักเขาก็ควรจะเดินไปรอบๆจนเหงื่อออกเหมือนกับกัสปา แต่การกระทำของเค้ากลับตรงกันข้าม
แน่นอนว่าเขาจะต้องเป็นมือใหม่ที่โชคดีที่ได้รับเชิญมายังงานเลี้ยง
นั่นคือสิ่งที่เขาคิด
‘ความสัมพันธ์ของพวกเขาคืออะไร?’
กัสปาเฝ้าดูบทสนทนาระหว่างทั้งสองคนด้วยสายตาอิจฉา
ช่วงเวลานั้นเอง
'ฮะ?'
เมื่อเขามองไปที่ใบหน้าของผู้ชายผมขาวดีๆ เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้นเอามากๆ
เหมือนเขาเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง…
'อา…! นั่นมันเฟรย์เบลคไม่ใช่เหรอ?
ถึงตระกูลเบลคจะเป็นหนึ่งในห้าตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิ แต่มันก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับผู้ชายขี้อายคนนี้เลย
บรรดาขุนนางจากเมืองพิลาทรู้ดีว่าอิซากะเบลคไม่ได้ปฏิบัติต่อเฟรย์เหมือนกับลูกชาย
‘ไอ้คนขี้แพ้แบบนั้นจะรู้จักสาวงามแบบนี้ได้ยังไง…’
หลังจากคิดสักพักกัสปาก็เดาออก
ต้องเป็นเพราะชื่อเสียงของตระกูลเบลคแน่ๆ
มิฉะนั้นจะไม่มีคำอธิบายอื่นใด
“หุหุหุ!”
กัสปาเกิดความคิดดีๆ
เขามีความคิดที่จะทำให้เฟรย์อับอายเพื่อยกสถานะของตัวเองในเวลาเดียวกัน
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เข้าไปหาเฟรย์
“เฟรย์แกคือเฟรย์ใช่ไหม?”
"นายคือ?"
ในขณะนั้นกัสปามีความรู้สึกแปลกๆ
นั่นเป็นเพราะเสียงของเฟรย์เย็นชากว่าที่เขาจำได้
แต่เขาก็ยังคงส่ายหัว
“ฮ่าฮ่า! อะไรกัน นายพยายามทำตัวเท่หรือ? ฮะ?”
ข้างนอกเขาอาจดูสงบ แต่ข้างในเขาน่าจะกำลังเป็นบ้า
เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้ปากของเขาก็โค้งงอโดยไม่รู้ตัว
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะไอ้ขี้แพ้ของตระกูลเบลค”
กัสปาคิดว่าถ้าเขาพูดออกไปแบบนี้เฟรย์คงจะมีปฏิกิริยาบางอย่าง แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น
เฟรย์กลับหันหน้าหนีจากเขาราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจอะไร
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สนใจ
ใบหน้าของกัสปาเปลี่ยนเป็นสีแดงชั่วขณะ แต่เขาก็ยังคงกลั้นความโกรธเอาไว้ได้
“ตั้งแต่ฉันได้ยินมาว่าแกเข้ามาเรียนในสถาบันการศึกษา ตระกูลเบลคทรงพลังก็จริงแต่ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าแกซึ่งมีความสามารถน้อยกว่าฉันจะสามารถเข้าเรียนได้”
“ไปให้พ้น”
"ฮะ?"
กัสปาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอ้าปากค้างในขณะนั้น
เขาได้ยินอะไรนะ?
‘ไปให้พ้นหรือ? ผู้ชายคนนี้บอกให้ฉันหลีกไปหรือเปล่า? '
เฟรย์ที่ไม่สามารถแม้แต่จะสบตากับเขาได้ก่อนหน้านี้เพิ่งจะบอกให้เขาหลบไปให้พ้น?
“แ - แก…”
“เฟรย์คุณรู้จักเขาไหม?”
ขณะที่กัสปากำลังจะระเบิดโซเนียก็เข้ามาแทรก
เขาคิดว่าน้ำเสียงของเธอช่างไพเราะอย่างไม่น่าเชื่อเขาจึงพยายามอย่างหนักที่จะระงับความโกรธของเขา
เขาไม่สามารถแสดงใบหน้าที่น่าเกลียดต่อหน้าสุภาพสตรีที่สวยงามคนนี้ได้
เขายิ้มเลี่ยนๆให้กับโซเนีย
“ผมขอโทษที่ฉันทักทายช้า ผมชื่อ กัสปาเปเลอรอส คุณจะให้เกียรติผมได้รู้จักชื่อของคุณได้ไหม?”
“…”
โซเนียบังคับตัวให้ไม่ให้จุกที่ท้อง
ช่วงเวลาที่เธอเห็นหน้าเขาและได้ยินเสียงของเขามันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายจนอยากจะอ้วก
ขุนนางในอาณาจักรลัวโนเบิลพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการมากนัก สำหรับเธอทัศนคติของขุนนางที่นี่เป็นเพียงการอวดฉลาด
นั่นคือเหตุผลที่เธอมองหาเฟรย์ที่พูดคุยกับเธอด้วยใบหน้าที่แสนจะว่างเปล่า
“… โซเนีย อควาริด”
ถึงกระนั้นเธอก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้จึงทำได้เพียงตอบอย่างไม่เต็มใจ
"อา! คุณคงเป็นคู่หมั้นของเพเรียน”
“…แต่การหมั้นยังไม่ได้รับการยืนยัน…”
กัสปายิ้ม
ใช่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว
‘เธอมาจากประเทศอื่นดังนั้นเธอจึงถูกเขาหลอกได้อย่างง่ายดาย’
ความจริงที่ว่าเฟรย์เป็นความอัปยศของตระกูลเบลคนั้นเป็นเรื่องจริงที่เปิดเผยซึ่งทุกคนในโลกของชนชั้นสูงรู้กันดี
อย่างไรก็ตามหากอีกฝ่ายเป็นขุนนางจากประเทศอื่นก็เข้าใจได้ว่าพวกเขาไม่น่าจะไม่รู้เรืองนี่
“กัสปาเกิดอะไรขึ้น?”
กลุ่มของแพทริคได้เดินเข้ามา
ดูเหมือนพวกเขาจะมาเพราะกัสปา แต่สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่โซเนียอย่างชัดเจน
กัสปามีความคิดที่ไร้สาระเมื่อเห็นการจ้องมองของพวกเขา
"พวกเขาเป็นเหมือนกับ"ไฮยีน่า"ฝูงหนึ่ง"
ดูเหมือนว่าเขาจะลืมไปแล้วว่าเขาก็เข้ามาหาด้วยเหตุผลเดียวกัน
มันเหมือนกับเขาว่ามีอุปสรรคมากมายปรากฏขึ้น แต่ในไม่ช้าเขาก็คิดหาวิธีที่จะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์
เขายิ้มหยาดเยิ้มอีกครั้งและกล่าวว่า
“คุณผู้หญิงมีไวน์รสเลิศอยู่บนโต๊ะนั่น คุณอยากย้ายไปที่ตรงนั่นไหม?”
“มะ- ไม่ ฉัน…ไม่ไปฉัน…กำลังคุยอยู่กับเฟรย์”
เธอไม่ได้เอ่ยชื่อของเฟรย์โดยมีคำนำหน้าใดๆ
เธอสนิดมากพอที่จะเรียกชื่อแกเฉยๆเลยหรือเฟรย์?
ริมฝีปากของกัสปากระตุก
“คุณผู้หญิงดูเหมือนคุณกำลังจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง”
“เข้าใจผิด?”
“ผู้หญิงครับชายคนนี้เป็นสมาชิกของตระกูลเบลคก็จริง แต่เขาเป็นไอ้พวกขี้แพ้ที่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ เขาเรียกได้ว่าเป็นความอัปยศของตระกูลเบลค”
กัสปาพูดอย่างเงียบๆ แต่เสียงของเขาก็ไปถึงหูของโซเนียอย่างแน่นอน
เมื่อเธอมองเขาด้วยสายตาที่สับสนกัสปาก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น
“เอิร์ลอิซากะหมดความหวังในตัวเขาแล้วและคิดที่จะขังเข้าไว้ในสถาบัน” (Editor Note : Earl = ยศของฝรั่ง)
"อา ใช่ไหมเฟรย์ไอ้เพื่อนยาก?”
“คุคุ ฉันได้ยินมาว่าเขาทำให้ตัวเองต้องอับอายในสถาบันเวสต์โร้ด”
แพทริคและเพื่อนๆเล่นตามบทไปกับกัสปาตามคาด
ด้วยวิธีนี้แผนก็เกือบสมบูรณ์
แพทริคยิ้มให้ขณะที่เขาพูด
“เฟรย์เบลค…ฉันรู้จักพี่ชายของนายนะมัสเกลและไฮนซ์พวกเขาทั้งสองเป็นพ่อมดในหอคอยเวทมนตร์ มัสเกลเพิ่งเป็นหัวหน้าชั้นในหอคอยเวทมนตร์อีกด้วย”
"แล้วไง?"
“พวกเขาทั้งสองเป็นคนที่เหลือเชื่อมากแต่ดันมีสายเลือดเดียวกับแกไง ไม่สิฉันอาจจะเข้าใจผิด ฉันไม่คิดว่าพวกเขามีสายเลือดเดียวกับแกเลยว่ะ!”
“คิกคิกคิกคิก!”
“…”
เฟรย์รู้สึกรำคาญ
เป็นเพียงเพราะงานเลี้ยงของเพเรียนเขาจึงพยายามจะอดทนกับมัน
ถ้าเขาทำร้ายคนพวกนี้ที่นี่บรรยากาศของงานเลี้ยงจะยุ่งเหยิงซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนให้เพเรียน
อย่างไรก็ตามคำพูดถากถางจากคนไม่กี่คนเหล่านี้ดูเหมือนจะเริ่มมากเกินไป
ตอนนั้นเอง
“ฉันคิดว่ามันรุนแรงไปหน่อยนะ”
มีคนเข้ามาในกลุ่มพร้อมกับพูดคำเหล่านั้น สายตาของทุกคนก็หันมามองว่าเป็นใคร
มีสี่คนอยู่ที่นั่นแต่ละคนก็คุ้นตาเฟรย์มาก
เมื่อมองอย่างใกล้ชิดพวกเขาเป็นขุนนางที่แสดงความขอบคุณต่อเฟรย์ หลังเหตุการ์ณบนเรือคอร์เตซ
กัสปามองไปที่ชายที่พูดด้วยความประหลาดใจ
‘นั้นมันเอ็นโซทีฟอลส์ไม่ใช่หรือ?’
เขาเป็นลูกของตระกูลโซทีฟอลส์ที่กัสปาให้ความสนใจเช่นกัน
เขาไม่ได้มีอิทธิพลมากเท่ากับแพทริคเดอร์ซิดี้ แต่ตระกูลของเขาก็ยังคงเป็นหนึ่งในตระกูลที่ดีที่สุดในบรรดาผู้เข้าร่วมงานเลี้ยง
ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเข้าข้างเฟรย์?
“คุณหมายถึงอะไรที่บอกว่ารุนแรงเกินไป?”
“ทักษะของเฟรย์นั้นไม่มีใครในสถาบันการศึกษาเก่งพอที่จะเป็นคู่มือเค้าได้เลยนะ อย่ารังเกียจเขาเลย”
“ฮ่าฮ่า คุณกำลังหมายถึงคนแบบพวกเราหรือเปล่า…หรือมีคนเก่งๆเพียงไม่กี่คนอยู่ในสถาบันเวสต์โร้ด”
“…”
เมื่อเทียบกับการแสดงออกที่ยิ้มแย้มของแพทริคแล้วใบหน้าของเอ็นโซนั้นดูดุดัน
นั่นไม่ใช่ทั้งหมด
การแสดงออกของผู้ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาก็ดูเหมือนเป็นอริเช่นกัน
พวกเขารู้ว่าทักษะของเฟรย์นั้นยอดเยี่ยมเพียงใด
เฟรย์นั่นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเพเรียนที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะที่เก่งที่สุดในสถาบันอีก
เขามีความสามารถในการเอาชนะลิชที่ว่ากันว่าอยู่ในระดับ 5 ดาวได้อย่างง่ายดาย!
อย่างไรก็ตามมีขุนนางเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้
ไม่มีใครอื่นนอกจากคนที่เดินทางบนเรือรบของจักรวรรดิที่คุ้มกันคอร์เตซที่รู้ความจริงนี่ ไม่ว่าเฟรย์จะทรงพลังเพียงใดความจริงที่เรือรบของจักรวรรดิสองลำจมลงก่อนที่พวกเขาจะมีโอกาสตอบโต้อาจทำลายศักดิ์ศรีของจักรวรรดิได้
เพราะเหตุนั้นเรื่องนี่จึงถูกเก็บเงียบ
นักเรียนส่วนใหญ่ยังปฏิเสธที่จะยอมรับว่าชีวิตของพวกเขาได้รับการช่วยเหลือโดยเฟรย์ซึ่งพวกเขาเห็นว่าด้อยกว่า
บางคนถึงกับกล่าวว่าเพเรียนเป็นผู้ช่วยพวกเขา
อย่างไรก็ตามเอ็นโซไม่ลืมว่าเขาเป็นหนี้ชีวิตของเฟรย์
เมื่อเขาเห็นเฟรย์ในงานเลี้ยงตอนแรกเขาอยากจะเข้าไปคุยกับเฟรย์ แต่เมื่อเห็นว่าเฟรย์ต้องการอยู่คนเดียวเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่เข้าไป
เอนโซและคนอื่นๆ ต่างเคารพเฟรย์เป็นอย่างมาก
แต่แล้วพวกเขาก็เห็นว่าเฟรย์ถูกพูดจากดูถูกในงานเลี้ยงและพวกเขาก็ไม่สามารถหยุดนิ่งได้อีกต่อไป
เพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่เฟรย์เท่านั้น แต่นักเรียนของสถาบันเวสต์โร้ดทั้งหมดกำลังถูกดูถูก
“อย่าเอ่ยถึงสถาบันเวสต์โร้ดอีก”
“มันเป็นแค่โจ็กนะทำไมคุณไม่ผ่อนคลายล่ะ ฉันไม่ได้ต้องการให้นายโมโหนะ”
“ถ้านายขอโทษเฟรย์ฉันจะอภัยให้”
“ขอโทษ? ให้เขา?”
แพทริคทำหน้าตางุนงง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เอ็นโซถึงกัดเขาและเข้าข้างเฟรย์
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะขอโทษ
“ฉันขอโทษ แต่ตระกูลเดอร์ซิดี้จะไม่ก้มหัวให้ใคร ยิ่งไปกว่านั้นมิตรภาพในสถาบันเวสต์โร้ดช่างสาบซึ้งเสียจริง นายเป็นคนที่เชิญไอ้น่าสมเพชเฟรย์มางานเลี้ยงนี่เอง”
“คุคุคุ”
“แย่จริงๆนะที่มีแต่พวกสกปรกปะปนอยู่ในงาน เหมือนน้ำกับสกปรกเลย”
“ไม่ใช่ฉันหรอกที่…เชิญเขา…”
เอนโซยังพูดไม่จบ แต่กลับจ้องมองข้างหลังแพทริคด้วยสีหน้าว่างเปล่า
แล้วแพทริคก็ได้ยินเสียงเย็นชาข้างๆหูของเขา
"ฉันเอง"
"อะไรนะ?"
แพทริคมองกลับไป หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น
เขาเห็นชายผมบลอนด์เดินตรงมาหาพวกเขา
“ฉัน…เชิญเขาเอง”
นี่เป็นครั้งแรกที่เฟรย์ได้เห็นใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของเพเรียน