บทที่ 35 เพื่อน(4)
'มันคืออะไรกัน?'
เชพเพิร์ดยังคงไม่มั่นคง
เขารู้สึกว่าตัวเองเข้าใจผิดหลังจากได้ยินคำพูดของเฟรย์
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ทำให้ความสงสัยของเขาหมดไปและเขายังคงรู้สึกเหมือนว่าเขาควบคุมกระแสของการสนทนาได้อยู่
ข้อเท็จจริงนั้นสำคัญมาก แต่ทันใดนั้นกระแสก็เปลี่ยนไป
เมื่อเขาพูดถึงเดมิก็อดความระมัดระวังบนใบหน้าของเฟรย์ก็หายไปราวกับว่ามันถูกชะล้างออกไป
แม้กระทั่งรอยยิ้มบนริมฝีปากของเขา
แน่นอนว่ารอยยิ้มนั้นหายไปอย่างรวดเร็วทันที่ที่มันปรากฏ
"ได้โปรดพูดต่อไปเถอะครับ"
“…นายรู้จักเดมิก็อดไหม?”
หากเขาไม่รู้ปฏิกิริยาของเขาคงจะไม่สามารถอธิบายได้
เฟรย์พยักหน้า
"เล็กน้อย"
“รู้ได้ยังไง?”
“เมื่อฉันได้ต่างหูคู่นี้ มันมีข้อความของชไวเซอร์อยู่ใกล้ๆ พวกมัน”
เชพเพิร์ดตกใจ
“บะะ...บันทึกของชไวเซอร์? นายยังมีอยู่ไหม?”
"ก็นะแต่ก่อนอื่นผมอยากฟังเรื่องราวของคุณก่อน”
“…”
เชพเพิร์ดถูกบังคับให้ยอมรับว่าเขาแพ้ในการต่อรองนี้ ตอนนี้เขาทำได้เพียงกลืนคำถามของเขาและดำเนินเรื่องของเขาต่อไป
"…ได้ เดมิก็อดเป็ณสิ่งมีชีวิตครึ่งเทพที่อยู่เหนือมนุษย์ ไม่มีทางที่เราจะรู้ได้ว่ามีอยู่กี่คนหรือมีพลังอำนาจมากแค่ไหน อย่างไรก็ตามพวกเขาได้เปิดเผยพลังเพียงเล็กน้อยของพวกเขาแค่เพียงพอในการครองทวีปเท่านั้น”
แน่นอนว่าพวกเขามีจำนวนไม่มากนัก
เฟรย์รู้ดีว่าตัวเลขของพวกเขานั้นไม่น่าจะเกินหนึ่งร้อยคน
อย่างไรก็ตามทุกคนมีพลังมากจนเรียกได้ว่าเป็นหายนะและไม่ใช่เรื่องเกินจริง
“เราไม่รู้ว่ามีอยู่กี่คนจุดประสงค์ก็คืออะไรหรือทำไมพวกเขาถึงเลือกที่จะซ่อนไว้ แต่มีบางสิ่งที่เรามั่นใจได้”
เชพเพิร์ดมองจมลงไป
“มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะกวาดล้างทุกเผ่าพันธุ์นอกเหนือจากตัวเอง…และมันก็เคยทำมาแล้วหลายครั้ง”
พวกเขารู้ถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดก็เพียงพอแล้ว
“4,000 ปีก่อนมีวีรบุรุษห้าคนที่ต่อสู้กับพวกเขาอย่างกล้าหาญ”
เชพเพิร์ดได้บอกรายละเอียดของแต่ละคน
มหาจอมเวทย์ มหานักปราชญ์ ราชานักรบเวทมนตร์ ราชาดาบ และแม่มดดำ
“แต่หลังจากที่ลูคัสหายตัวไปความสัมพันธ์ระหว่างคนอื่นๆ ก็ร้าวฉาน มีการต่อสู้ระหว่างราชานักรบเวทมนตร์และราชาดาบ แม่มดดำหายตัวไปและมหานักปราชญ์ก็พยายามดิ้นรนด้วยตัวเอง แต่แค่นั้นมันยังไม่เพียงพอ นั่นคือช่วงเวลาที่กลุ่มกบฏที่มีอำนาจมากที่สุดกับเดมิก็อดได้หายไปจากประวัติศาสตร์”
เชพเพิร์ดพูดแบบนี้และชี้ไปที่รอยสักของเขาและรอยสักเวทมนตร์ก็ส่องแสงเล็กน้อยราวกับเป็นการตอบสนอง
“เซอร์เคิลของเราเป็นองค์กรที่สืบทอดเจตจำนงของพวกเขา”
เฟรย์ไม่ได้คาดคิดว่าเชพเพิร์ดจะอ้างตัวเองว่าเป็นผู้สืบทอด
เขารู้สึกแปลกๆ
“เซอร์เคิลเป็นชื่อขององค์กรหรือ?”
“นั่นเป็นวิธีที่เรามักเรียกกัน แต่จริงๆแล้วมันซับซ้อนกว่านั้นเล็กน้อย เมื่อหลายปีผ่านไปเจตจำนงของเซอร์เคิลนั้นไม่สามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้”
“…มีหลากหลายเซอร์เคิลเหรอ?”
"ในทางหนึง โดยพื้นฐานแล้วพวกเขา ... คอยตรวจสอบซึ่งกันและกัน”
เฟรย์ไม่รู้จะพูดอะไร เขาพูดไม่ออก
พวกเขากำลังทำอะไรในเวลานี้? โอกาสในการชนะนั้นต่ำมากแม้ว่าพวกเขาจะรวมตัวกันก็ตาม
เชพเพิร์ดถอนหายใจราวกับว่าเขาสังเกตเห็นความคิดของเฟรย์
“มีเซอร์เคิลใหญ่และเล็กมากมาย แต่เซอร์เคิลที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบันคือสโตรว์เน็คลิซ ไพลส์ฟาวเดอร์อาร์เมลท์ และลูซิดซอร์ด”
“…”
เป็นชื่อที่คุ้นเคย
พวกเขาเป็นเหมือนสโมสรในสถาบันเวสต์โร้ด
นอกเหนือจากนั้นยังคงมีคำถาม
ทำไมไม่มีอีกสองชื่อที่เหลือ
“…ฉันไม่รู้เกี่ยวกับเซอร์เคิลอื่นๆ มากนักแต่ฉันได้ยินมาว่าสถานการณ์ปัจจุบันของโทร์วแมนริงส์นั้นไม่ค่อยจะดีนัก มีข่าวลือว่าพวกเขากำลังจะยุบ ไม่นานมานี้เซอร์เคิลมาสเตอร์ได้เสียชีวิตและครึ่งหนึ่งของผู้บริหารก็ย้ายไปอยู่กับเซอร์เคิลอื่น”
“แล้วราชานักรบเวทมนตร์คาซาจินล่ะ?”
“วรยุทธของกษัตริย์คาซาจินกล่าวกันว่าถูกส่งต่อไปทีละคน แต่ไม่มีผู้สืบทอดปรากฏตัวออกมานานแล้ว เรากำลังมองหาเบาะแส แต่จนถึงขณะนี้เรายังไม่พบอะไรเลย”
“ความสัมพันธ์นี้เกี่ยวอะไรกับสโมสรต่างๆในสถาบันการศึกษา?”
เชพเพิร์ดหัวเราะเยาะแล้วพูดว่า
“สมาชิกชมรมส่วนใหญ่ไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเรา แต่เรารู้ว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นใคร เซอร์เคิลต้องการคนเก่งอยู่เสมอ หากใครโดดเด่นในสโมสรเราก็จะเข้าไปหาพวกเขาก่อน”
“มันจำเป็นต้องเลือกชื่อเดียวกันด้วยหรือ?”
“มันดูเรียบง่ายในตอนแรก แต่มันก็ใช้ได้ผลจริงๆ ในความเป็นจริงมีหลายกลุ่มที่มีชื่อคล้ายๆกันทั่วทวีปและมีประโยชน์มากๆ ท้ายที่สุดมันช่วยให้หลบสายตาและหูของเดมิก็อดที่อาจจะอยู่ที่ไหนก็ได้”
เขาพูดอย่างใจเย็น แต่ความจริงแล้วในใจของเขากระสับกระส่ายเล็กน้อย
หากพวกเดมิก็อดเกิดรู้ความจริงชีวิตของพวกเขาก็จะจบลงอย่างง่ายดายเหมือนแมลง
ในขณะที่รับรู้ข้อเท็จจริงนั้นการแสดงออกของเชพเพิร์ดก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“อย่างที่ฉันบอกไปว่าเซอร์เคิลต่างๆจะคอยตรวจสอบกันและกัน ทศวรรษที่ผ่านไม่ได้มีแต่กลุ่มใหญ่เพียงสามกลุ่มแต่มีถึงสี่กลุ่มมันรวมถึงโทร์วแมนริงส์ด้วย”
หลังจากพูดแบบนั้นเขาก็มองเฟรย์ด้วยสายตาที่ซับซ้อน
“นั่นคือเหตุผลที่ฉันสับสน นายมีต่างหูไต้ฝุ่นดังนั้นฉันจึงคิดว่านายเป็นสมาชิกของโทร์วแมนริงส์”
จากสิ่งที่เขาได้ยินเฟรย์ก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจผิดได้โดยธรรมชาติ
อย่างไรก็ตามเฟรย์คลิกลิ้นของเขา
เป็นข่าวดีอย่างแน่นอนว่ามีกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซอร์เคิลที่กำลังต่อต้านเหล่าเดมิก็อด แต่ข่าวร้ายก็คือพวกเขาไม่ได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว
เดมิก็อดไม่สามารถจัดการได้ด้วยการกระจายอำนาจ
“ฉันบอกนายทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ถึงตานายแล้ว นายได้ต่างหูที่เทือกเขาอิสปาเนียใช่หรือไม่?”
"ใช่"
“หืม…”
เชพเพิร์ดจมอยู่ในความคิดและเฟรย์ก็เดาได้จากการดูท่าทีของเขา
“นายรู้เรื่องนี้มาก่อนใช่ไหม?”
“ผมได้ยินข่าวลือว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะมีสิ่งประดิษฐ์ของเหล่าฮีโร่อยู่ที่นั่น แต่ในบรรดาผู้ที่ไปที่นั่นมีเพียงไม่กี่คนที่มีชีวิตรอดกลับมาและไม่มีหลักฐานที่จะแสดงให้เห็นได้”
นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ
เฟรย์รู้ว่ามีดันเจี้ยนใต้ดินอยู่ใต้ทะเลสาบของภูเขาไฟบนภูเขาเดรกแต่คนอื่นๆ ไม่รู้เช่นนั้น
แม้แต่ภูเขาธรรมดาก็ยังค้นหาเป็นเวลานานทั้งๆที่มีคนมากกว่าร้อยคนก็ตาม แต่เทือกเขาอิสปาเนียที่ถูกเรียกว่าสวรรค์สำหรับสัตว์ประหลาดนั้นจะยากกว่ามากแค่ไหน
และแม้ว่าพวกเขาจะโชคดีพอที่จะพบดันเจี้ยนใต้ดิน แต่ก็ยังมีทอร์กุนทารอพวกเขาอยู่เมื่อพวกเขาออกไป
เฟรย์พูดหลังจากนั้น
“ต่างหูไต้ฝุ่นเป็นมรดกของลูคัส ถ้าผมมีสิ่งเหล่านี้นั่นหมายความว่าผมเป็นสมาชิกของโทร์วแมนริงส์เลยหรือเปล่า?”
"มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก"
“แล้วทำไมคุณถึงคิดผิดว่าผมเป็นพวกเดียวกับคุณ”
“ก็นายสวมมันด้วยความภาคภูมิใจ พวกเราส่วนใหญ่จะรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของเซอร์เคิลของพวกเรา”
เฟรย์มองไปที่รอยสักของเชพเพิร์ด ซึ่งทำให้ชายคนนั้นหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ
“ฉันชื่นชมชไวเซอร์มากกว่าคนอื่นๆ ในโลกนี้”
'ยินดีด้วยนะชไวเซอร์'
เฟรย์จมอยู่ในความคิดชั่วขณะและแสดงความยินดีกับเพื่อนที่ตายไปนานแล้ว
'เซอร์เคิลหรือ? หึฉันไม่จำเป็นต้องกลับไปที่สถาบันแล้วเพราะฉันพบพวกเขาแล้ว'
ในตอนแรกเหตุผลที่เขาเลือกที่จะเรียนต่อที่สถาบันคือเขาต้องการได้รับความเข้าใจเกี่ยวกับโลกปัจจุบันและเขาตั้งใจที่จะค้นหาตัวตนที่แท้จริงของคณบดีไซริสทรีซไนน์ของสถาบัน
ตอนนี้เขาคิดออกได้บางส่วนแล้วเพราะเชพเพิร์ดแอบให้คำตอบเขาโดยไม่รู้ตัว
“ไซริสทรีซไนน์ คณบดีของสถาบันเวสต์โร้ด ความสามารถของเธอนั้นสูงกว่าที่เธอเปิดเผยต่อสาธารณชนมาก เธอเองก็อยู่ในเซอร์เคิลด้วยหรือ?”
“ฉันเชื่อว่าเธอเป็นหนึ่งในผู้บริหารของไพลส์ฟาวเดอร์อาร์เมลท์ ฉันเองก็ไม่รู้อะไรมากไปกว่านั้น”
เขาได้เรียนรู้แม้กระทั่งตัวตนของคณบดี เหตุผลเดียวที่แท้จริงของเขาในการกลับไปที่สถาบันได้หายไป
เฟรย์พยายามจัดระเบียบความคิดของเขา
เขารู้สึกได้ว่าเชพเพิร์ดยังคงมองเขาด้วยสายตาสงสัย
“มีอะไรอยากถามอีกไหม?”
“…ฉันต้องบอกว่าฉันอยากรู้เกี่ยวกับปฏิกิริยาของคุณ ฉันจะบอกคุณล่วงหน้าฉันยังไม่เชื่อใจคุณเต็มที่”
มันค่อนข้างกะทันหัน
เฟรย์มองด้วยความอยากรู้อยากเห็นขณะที่เชพพาร์ดค่อยๆเปิดปาก
“ก่อนอื่นฉันอยากให้คุณแสดงสิ่งหนึ่งให้ฉันเห็นลองใช้ต่างหูไต้ฝุ่นให้ดูหน่อย”
เขาขอให้เฟรย์ใช้เวทมนตร์ป้องกันหรือ?
เฟรย์อยากรู้เกี่ยวกับความตั้งใจของเชพเพิร์ดแต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเขาจึงเล่นไปตามน้ำ
อูววว
เขาเปิดใช้งานคาถาป้องกัน
จากนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงความสงสัยที่จางหายไปจากดวงตาของเชพเพิร์ด
“ฮู อย่างน้อยก็ไม่ใช่กรณีที่เลวร้ายที่สุด”
“คุณกำลังพูดถึงอะไร?”
“ไม่ใช่เพราะฉันเข้าใจผิดว่าคุณเป็นสมาชิกโทร์วแมนริงส์เท่านั้น ที่ฉันระวังคุณมันมีเหตุผลที่ใหญ่กว่านั้น”
เฟรย์ไม่ได้เร่งเขาแต่มองไปที่เขาแทน
เชพเพิร์ดเปิดปากของเขาช้าๆและพูด
“อิซากะเบลค”
นี่คือชื่อพ่อของเฟรย์ แต่ทำไมตอนนี้ถึงพึ่งเอ่ยขึ้นตอนนี้?
หลังจากตรวจสอบปฏิกิริยาของเฟรย์ที่เอียงศีรษะอย่างระมัดระวัง เชพเพิร์ดก็พูดต่อ
“หลังจากการประชุมหอคอยเมื่อเดือนก่อนฉันได้รับรายงานมาว่าเขาติดต่อกับพวกเดมิก็อด”
* * *
เย็นวันนั้นมีการจัดงานเลี้ยง
สมาชิกของครอบครัวที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวงต้องมาร่วมงานอย่างแน่นอนและการเพิ่มเครื่องดื่มและอาหารที่ดีที่สุดทำให้บรรยากาศในห้องจัดเลี้ยงนั้นอบอุ่นมาก
เฟรย์มองไปรอบๆ คนที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้ามีสไตล์ แต่สายตาของเขากลับถูกดึงดูดไปที่อย่างอื่น
มีผู้คนมากมายที่นั่น แต่ในที่สุดเขาก็พบสิ่งที่เขากำลังมองหา
ผู้ที่มาจากองค์กรเซอร์เคิลคือคนที่เขากำลังมองหา
แต่สถานการณ์ยังไม่ดีนัก
นอกจากนั้นเขายังมีปัญหาเล็กๆน้อยๆ
การสร้างอนาสตาเซีย
การดูดกลืนโฟรเซินริฟเวอะได้อย่างเต็มที่
เซอร์เคิลนั้นเป็นสถานที่แบบไหนและเขาจะเชื่อใจเชพเพิร์ดได้แค่ไหน
นอกจากนี้ยังมีข่าวลือเกี่ยวกับอิซากะเบลด
“…”
เชพเพิร์ดยังไม่เชื่อใจเขาอย่างเต็มที่
ไม่...เขายังค่อนข้างสงสัยในตัวของเฟรย์
สาเหตุหนึ่งคือพฤติกรรมที่น่าสงสัยของอิซากะเบลด
ในเวลาเดียวกันเขาได้รับข้อมูลสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง
ข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ให้ข้อมูลของเดมิก็อดไม่สามารถใช้มรดกของวีรบุรุษได้
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหลังจากที่เขาใช้ต่างหูไต้ฝุ่นความสงสัยของเชพเพิร์ดก็ลดลงเล็กน้อย
‘เป็นการดีที่สุดที่จะไม่เปิดเผยไม้เท้าแห่งมหานักปราชญ์ถ้าหากเป็นไปได้’
มันเป็นสัญลักษณ์ของชไวเซอร์โดยตรง
ปฏิกิริยาของมันจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับต่างหูไต้ฝุ่น
เขาไม่จำเป็นต้องเปิดเผยเรื่องนี้และทำให้เรื่องมันซับซ้อนมากขึ้น
เฟรย์ส่ายหัว
ปัญหาทั้งหมดของเขาค่อนข้างยุ่งยากและเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแก้ปัญหาทั้งหมดในคราวเดียว
เขาจะทำทีละขั้นตอนราวกับว่าแกะด้ายที่ผูกปมออก
เฟรย์รู้สึกว่าสิ่งที่เร่งด่วนที่สุดคือการทำให้พลังของโฟรเซินริฟเวอะกลายมาเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์ ในขณะเดียวกันก็จะฟื้นฟูร่างกายที่ยังไม่สมดุลในปัจจุบันของเขา
เขาเห็นใครบางคนเดินเข้ามาหาเขาขณะที่เขาพยายามคิดวิธีแก้ปัญหาของเขา
หลังจากเหลือบมองเขาก็รู้ว่าเธอคือโซเนีย
เธอสวมชุดสีขาวซึ่งดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีกับผมสีฟ้าของเธอ
“เฟรย์คุณมาถึงแล้วหรอ?”
บางทีเธออาจจะเดินไปรอบๆ งานเลี้ยงเพื่อมองหาเฟรย์
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาก็ตระหนักได้ว่าในฐานะชาวต่างเมืองโซเนียอาจไม่มีคนรู้จักในงานเลี้ยงนี้
และตัวละครหลักของงานเลี้ยงเพเรียนจะปรากฏขึ้นเมื่อบรรยากาศในงานเลี้ยงถึงจุดสูงสุด
“คุณก็เข้าร่วมด้วยหรือ?”
"ใช่"
"ฉันเข้าใจละ"
เฟรย์พยายามคิดต่อไปแต่โซเนียก็ไม่จากไปและดูเหมือนว่าเธอยังต้องการอะไรบางอย่างจากเขา
“โซเนีย”
“ฮ - ฮะ?”
เมื่อเธอได้ยินชื่อของเธอและเธอก็มองเข้าไปในดวงตาของเขา
เฟรย์ถามคำถามหลังจากเห็นท่าทีของเธอ
“คุณมีอะไรจะบอกฉันใช่ไหม?”
“…”
“…?”
"…ไม่มีอะไร"
จากนั้นเธอก็ส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ
เฟรย์ยื่นแก้วไวน์ให้เธอโดยคิดว่าเธอคงกระหายน้ำ
‘คิดดูอีกทีแล้วงานหมั้นของเธอล่ะ?’
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ความจริงมันง่ายมากที่จะถามแต่จริงๆแล้วเขาไม่ได้สนใจมันขนาดนั้น
ทันทีที่เขากำลังจะคิดอีกครั้งเฟรย์ก็เห็นว่าชายร่างอ้วนกำลังมองมาที่เขา
เสื้อผ้าของเขาดูเหมือนกำลังจะปริออกและใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยไขมัน
ทันทีที่สบตากันชายคนนั้นก็เดินเข้ามาหาเขา
“นั้นเฟรย์ใช่ไหม?”
"นายคือ?"
“ฮ่าฮ่า! อะไรกัน นายพยายามจะทำตัวให้ดูเท่หรือ? ฮะ?”
เฟรย์พยายามเขย่าความทรงจำของเขา
ทัศนคติของเขาบ่งบอกว่าเขาเป็นคนรู้จักของ ‘เฟรย์’ …
‘ฉันคิดว่าฉันเคยเจอเขาที่สถาบันการศึกษา’
เช่นเดียวกับที่เขาพยายามขุดลึกลงไปในความทรงจำของเขา
ปากของคนที่เดินมาหาเขาบิดเบี้ยวอย่างเยาะเย้ย
“ไอ้ขี้แพ้เฟรย์ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
เฟรย์หยุดความพยายามที่จะเขย่าความทรงจำของเขา
เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้เข้ามาหาเขาด้วยเจตนาที่ดี