บทที่ 1 ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
บทที่ 1 ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
เทือกเขาอันกว้างใหญ่รอบๆมียอดเขาสูงและหุบเหวขนาดใหญ่และกลุ่มภูเขาที่ไม่มีที่สิ้นสุดตั้งตระหง่านอยู่
แสงแดดส่องผ่านเมฆที่ย้อมสีและกระจายแสงสีทองขณะที่ผู้คนอาบน้ำอย่างอบอุ่นภายใน
เมื่อมีคัมภีร์อมตะอยู่ในมือ สือฮ่าวและมดตัวน้อยก็พอใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ นี่คือเป้าหมายสูงสุดของการเดินทางครั้งนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงเต็มไปด้วยความสุขที่ได้รับมัน
แม้ว่าจะยังคงเสียดายอยู่บ้าง แต่บทหลังของคัมภีร์อมตะก็ไม่ได้อยู่ในดินแดนฝั่งนี้ แต่ถูกคนทรยศขโมยข้ามไปอีกฝั่งของดินแดนและในตอนนี้พวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องเร่งรีบในการค้นหาบทหลังของคำภีร์แต่อย่างใด
ตอนนี้มันเพียงพอแล้วตราบใดที่พวกเขาฝึกฝนคำภีร์ในส่วนแรกอย่างจริงจัง!
“พวกเจ้าควรออกไปได้แล้ว พลังอันมหาศาลของสถานที่แห่งนี้กำลังปราบปรามคนนอกอย่างพวกเจ้าการอยู่ที่นี่นานเกินไปอาจทำให้ขั้นพลังของพวกเจ้าเสียหายได้ซึ่งยากจะฟื้นฟูกลับมา” อีกาเตือน
กระดูกของบรรพบุรุษพวกเจ้าฝังไว้ที่นี่ โดยปกติพลังงานชั่วร้ายจะไม่ค่อยปรากฏออกมา แต่จะปะทุในช่วงเวลาพิเศษ เมื่อเวลาเหล่านั้นมาถึงแม้แต่ผู้สูงสุดยังต้องหลบหนี
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส!” สือฮ่าวโค้งคำนับแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ
“ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะสามารถฝึกฝนคัมภีร์อมตะได้สำเร็จและบรรลุความสมบูรณ์แบบ!” อีกาพูดอย่างจริงจังและมองไปที่สือฮ่าว
“ข้าจะทำให้สำเร็จ!” สือฮ่าวให้สัญญาซึ่งจะเป็นเรื่องยากมากเพราะมีคัมภีร์อีกห้าหน้าในส่วนหลังไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด
“ภูเขาลูกนี้ถล่มลงมาแล้วไม่เป็นไรจริงๆเหรอ?” มดตัวน้อยถาม
ท้ายที่สุดพวกเขาได้รับประโยชน์จากการล่มสลายของยอดเขาลูกนี้ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“ไม่ต้องสนใจหรอกถ้าวันหนึ่งมีคนจากอีกฟากกลับมาเห็นฉากนี้คงคิดว่าปีนั้นที่พวกเขาทำไม่สำเร็จจนเป็นเหตุให้ยอดเขาพังลงมา” อีกาพูดพร้อมกับกลายเป็นควันสีดำโฉบไปมาเพื่อจัดเรียงก้อนหินเหล่านั้นใหม่
“ลาก่อน!ผู้อาวุโส” สือฮ่าวหันมากล่าวอำลาพลางถอนหายใจเงียบๆ
เพราะเขารู้แล้วว่าอีกาตัวนี้คือสิ่งใด
เบื้องหลังพวกเขาควันสีดำกลับมารวมตัวกันเป็นอีกาอีกครั้ง จากนั้นก็สลายกลายเป็นใบหน้าคนขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความหดหู่สิ้นหวัง
ในที่สุดใบหน้าที่ใหญ่โตนี้ก็ค่อยๆสลายหายไปอย่างช้าๆ
พวกเขาเป็นวิญญาณของวีรชนและบางคนก็ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย ด้วยความยึดติดบางอย่างวิญญาณเหล่านี้จึงไม่ได้สลายหายไปตามกาลเวลา
กลุ่มวิญญาณวีรชนที่อาฆาตแค้นเหล่านี้พวกเขาต้องการเห็นคนรุ่นหลังผงาดขึ้นหวังล้างความอัปยศของบรรพบุรุษและเอาชนะศัตรูอีกฟากหนึ่งให้ได้
เหล่าศัตรูทำลายดินแดนบริสุทธิ์ของฝั่งนี้ฆ่านักรบทำลายลูกหลานของพวกเขา
นี่เป็นความเกลียดชังที่ดำเนินมาตั้งแต่สมัยโบราณแม้ว่าจะตายไปแล้ว แต่ความสิ้นหวังและเคียดแค้นก็ยังคงลอยอยู่ในโลกนี้.
สือฮ่าวอยู่ห่างออกไปแต่ยังได้ยินเสียงการต่อสู้เก่า ๆแม้ว่ามันจะคลุมเครือมากแต่ความโศกเศร้ายังพุ่งตรงเข้าสู้หัวใจเขา
พวกเขาตายจนหมดสิ้นและครอบครัวของพวกเขาก็ไม่มีใครคุ้มครอง ต้องเผชิญการล้างเลือดครั้งใหญ่
สือฮ่าวมองเห็นผืนดินที่เปื้อนเลือด ชายทุกคนจากทุกเผ่าพันธุ์ต่างๆเข้าสู่สงครามครั้งนี้ เหลือแต่ผู้หญิงและเด็กแต่ผลที่ตามมาคือความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ เหล่าผู้ชราที่อ่อนแอต่างเป็นเช่นเดียวกับผู้หญิงและเด็กเล็กล้วนถูกฆ่าล้าง
บรรพบุรุษเสียชีวิตในสนามรบทั้งหมด!
นี่คือเรื่องราวอันน่าเศร้าของดินแดนฝั่งนี้ เดิมมีความเจริญรุ่งเรืองแต่ผลที่ตามมาคือถูกทำลายล้างโดยผู้คนในอีกฟากหนึ่งทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่
"ข้าจะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง!" สือฮ่าวสาบานกำหมัดแน่น
"ท่านแม่พี่น้องทุกคนข้าคิดถึงพวกท่าน ... " ดวงตาของมดน้อยป็นสีแดงก่ำเดินโซเซไปทีละก้าวเมื่อเห็นคนที่เขารักต่างถูกฆ่าที่นี่?
เป็นการยากที่จะทำใจได้เมื่อเห็นความโหดร้ายนี้: "เราต้องแข็งแกร่งขึ้นจากนั้นก็ข้ามไปล้างแค้นให้พวกเขา แม้เจ้าจะตายก็ต้องเป็นเหมือนพ่อของเจ้าหลั่งเลือดจนหยดสุดท้ายเข่นฆ่าศัตรูให้พินาศ!”
เมื่อพวกเขาเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ครั้งแรกพวกเขาเห็นศพมากมายและแม้แต่เลือดที่ไหลออกมาก็ยังคงเดือดพล่าน
สือฮ่าวรู้ว่าพวกเขาได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงนั่นคือจุดจบสุดท้ายของบรรพบุรุษ!
วีรชนผู้ล่วงลับ!
สือฮ่าวทำได้แค่ถอนหายใจ!
พวกเขาหันหลังออกไปจากดินแดนโบราณแห่งนี้ไปตามทางบนภูเขาที่สูงตระหง่านหลายลูก
"อาสวรรค์! หากข้ามองไม่ผิด... เขายังมีชีวิตอยู่!" ใครบางคนอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา
ข้างนอกยังมีคนบางส่วนที่ยังไม่ได้กลับไปที่จริงแล้วมีผู้คนไม่น้อยรอดูจุดจบของสือฮ่าว
มีเมืองขนาดใหญ่หลายแห่งในซื่อหลินเป่ยไห่(ทะเลเหนือ)ที่มีผู้คนอาศัยเป็นจำนวนมาก
ทุกคนเชื่อว่าการเข้าสู่สนามรบจำลองขั้นสูงสุดของสือฮ่าวจะต้องตายอย่างแน่นอนและเป็นไปไม่ได้มีชีวิตรอดกลับมา มันเป็นเส้นทางที่ไม่อาจหวนกลับ
ดังนั้นหลายคนไม่ต้องการเสียเวลาที่นี่
อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวของสือฮ่าวสร้างความตื่นตระหนกแก่ผู้คนอย่างยิ่งเป็นข่าวใหญ่ที่สั่นสะเทือนทั่วทะเลเหนือ!
ไม่เคยมีใครรอดชีวิตออกมาได้มันเต็มไปด้วยอันตราย สนามรบขั้นสูงสุดนั้นน่ากลัวเกินไปและเป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตรอดกลับมา
วันนี้ใครบางคนสร้างตำนานและความสำเร็จอันน่าทึ่ง!
ตูม!
ความเดือดพล่านที่นี่ข่าวแพร่กระจายทุกทิศทางไปยังเมืองใหญ่หลายแห่งและส่งไปยังส่วนลึกของทะเลเหนือ
"เขาสามารถมีชีวิตกลับมาได้ สมกับเป็นอัจฉริยะแห่งสวรรค์ตัวจริง!"
คำสรรเสริญใดๆของอัจฉริยะในยุคนี้ต่างจืดจาง เมื่อเปรียบเทียบความสำเร็จของสือฮ่าว ทุกคนต่างรู้ในสนามรบจำรองขั้นสูงสุดถ้าเข้าไปจะต้องตายอย่างแน่นอน อดีตเป็นเช่นนี้ ปัจจุบันก็สวมควรเป็นเช่นนี้
ไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกของคนอื่นสือฮ่าวเองก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเช่นกัน เขาได้พบกับยอดฝีมือที่ไม่มีใครเทียบได้ในดินแดนแห่งนี้และแม้ว่าเขาจำทุ่มสุดตัวก็ทำได้เพียงแค่พ่ายแพ้ตกตายทั้งสองฝ่าย เขารู้ดีว่าผู้คนจากอาณาจักรต่างๆเข้าสู่สนามรบจำรองขั้นสูงสุด และอันตรายที่พวกเขาพบนั้นสอดคล้องกับขอบเขตพลังของพวกเขา
เขาสามารถพบกับผู้นำทัพหนุ่มสาวของอีกฝั่ง หากผู้ยิ่งใหญ่ฝั่งนี้เข้าไปพวกเขาอาจพบกับครึ่งก้าวผู้อมตะ
เส้นทางขากลับเงียบสงบไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง
แมงป่องโบราณบนภูเขายักษ์เช่นเดียวกับซากศพโบราณบนหน้าผาลาดชัน ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆเมื่อเขาเดินผ่าน
ในที่สุดก็หลุดพ้นจากอันตรายสือฮ่าวถอนหายใจอย่างโล่งอก
เฮ่อ!
ทันใดนั้นลมก็พัดพาหมอกสีดำปลิวคละคลุ้งพร้อมกับฝนตกหนักกระหน่ำท่วมท้นพื้นดินด้านนอกภูเขายักษ์หลายลูก
บรรยากาศอึดอัดชวนตกตะลึง!
"แย่แล้ว!ที่นี่ไม่เคยมีฝนตกมาหลายล้านปีแล้วหรือว่าวิญาณอมตะมีอยู่จริง!"
บางคนตะโกนทำสร้างความโกลาหลและหลายคนก็หนีไปอย่างรวดเร็ว
เพราะที่นี่ทั้งมืดครึ้มเต็มไปด้วยหมอกและความอึดอัด
มีเพียงสือฮ่าวเท่านั้นที่รู้ว่านี่ไม่ได้มีสาเหตุจากวิญาณอมตะ แต่เป็นคนอื่น
พายุรุนแรงพัดกระหน่ำจนท้องฟ้าถูกฉีกออกเป็นรอยแยกมิติพร้อมกลับพาร่างสือฮ่าวลอยเข้าสู่รอยแยกนั้น
เมื่อยืนอยู่ที่นี่มองไปที่ท้องฟ้าสือฮ่าวรู้สึกถึงความต่ำต้อยของคนคนหนึ่งเมื่อเทียบกับจักรวาลอันกว้างใหญ่
"เป็นเจ้านั้นเอง!" สือฮ่าวหว่างคิ้วปรากฏเป็นเส้นสีดำ สีหน้าของเขาแสดงความไม่พอใจ
ฝั่งตรงข้ามมีสองคนหนึ่งชราหนึ่งฉกรรจ์ ชายชราสือฮ่าวไม่รู้จักเส้นผมเบาบางสีขาวราวกับหิมะใบหน้าหม่นหมองกลิ่นอายความตายตลบอบอวนดูท่าคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว
สำหรับชายหนุ่มสือฮ่าวรู้จักดีเมื่อไม่นานมานี้เขาได้ลงมือสั่งสอนไปรอบนึงจนเกือบเอาชีวิตมาทิ้งในสำนักเทพสวรรค์ หวังหมิงหลง
สองคนนี้มาจากตระกูลหวัง
“ต้องการอะไร!” สือฮ่าวถามเสียงเย็น
“ข้าเชื่อว่าเจ้าน่าจะเข้าใจดีถึงเหตุผลที่เรามา!” การแสดงออกของหวังหมิงหลงนั้นเย็นชามีเจตนาร้ายความเป็นศัตรูอย่างชัดแจ้ง
หัวใจสือฮ่าวเย็นเฉียบ ตระกูลหวังกล้าลงมือต่อเขาจริงๆ พวกมันวางแผนที่จะกำจัดเขาที่นี่?
“ข้าถูกบังคับให้เข้าสู่เหมืองโบราณโดยตระกูลหวังของเจ้าจนเกือบตายต่อมาถูกพวกเจ้าจับเป็นทาสถูกพวกเจ้ากดขี่ ตอนนี้เจ้าต้องการฆ่าข้าอย่างนั้นสินะ” สือฮ่าวถาม
“หนุ่มน้อยเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด พรสวรรค์ของเจ้ายอดเยี่ยมควรค่าแก่การเคารพ อย่างไรก็ตามนี่คือเหตุผลที่เจ้าทำให้หลายคนหวาดกลัว เมื่อเจ้าเติบโตข้าเกรงว่าอาจนำภัยพิบัติครั้งใหญ่มาสู่ตระกูลหวัง” ชายชราพูด แม้ว่าเขาจะให้ความรู้สึกราวกับว่าขาข้างนึงก้าวสู่ถนนแห่งความตายไปแล้วและพร้อมที่จะตายได้ทุกเมื่อ แต่เสียงของเขาก็ยังคงดังก้องทำให้เลือดและลมปราณสือฮ่าวพุ่งพล่าน!
“ฆ่าข้า!พวกเจ้าไม่รู้สึกว่ามันมากไปหน่อยเหรอ? นอกเหนือจากนี้เมื่อผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเทพสวรรค์ได้ทราบเรื่องนี้พวกเจ้าตระกูลหวังทุกคนจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่?” สือฮ่าวมองพวกเขาอย่างเย็นชา
“ใครจะรู้ว่าข้าเป็นคนลงมือ? ทุกคนก็เห็นแล้วว่ามีการเปลี่ยนแปลงแปลก ๆ เกิดขึ้นบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นและนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เจ้าหายตัวไป” ชายชราตระกูลหวังยิ้มแย้มแจ่มใส
“เจ้าคิดว่าวิธีการของเจ้ายอดเยี่ยม แต่มันยากที่จะซ่อนความลับในโลกนี้ ด้วยความสามารถของผู้อาวุโสใหญ่เขาจะทราบในทุกสิ่งอย่างแน่นอน!”สือฮ่าวกล่าว
“เพื่อผลประโยชน์ของตระกุลเพื่อกำจัดภัยพิบัติในอนาคตแม้ว่าตัวประหลาดเฒ่านั้นจะค้นพบแล้วยังไงล่ะ? ตอนนั้นเจ้าก็ตายไปแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าเขาต้องการที่ทำสงครามกับตระกูลหวังจริงๆ” หวังหมิงหลงเยาะเย้ย
“เจ้าคิดว่าจะมีชีวิตต่อไปได้?ถ้าข้าตาย” ศือฮ่าวกล่าวอย่างเย็นชา
“ข้ารู้ตัวมานานแล้ว การยั่วยุเจ้าในสำนักเทพสวรรค์เป็นความจงใจ ข้าแค่ทำตามคำสั่ง ความตั้งใจเพียงอย่างเดียวของข้าในตอนนี้คือการฆ่าเจ้าที่นี่!ความแค้นในใจข้าถึงจะคลาย” ใบหน้าของหวังหมิงหลงซีดเซียว เขาจ้องไปที่ สือฮ่าวด้วยความขุ่นเคืองและกล่าวว่า“ถ้าผู้อาวุโสจากสำนักเทพสวรรค์ยืนยันว่าพวกเราลงมือ เขาจะรู้เพียงว่าข้าฆ่าเจ้าด้วยความแค้นเก่าของเรา ในสถานการณ์เช่นนี้เพื่อผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าเขาจะไม่มีทางสู้กับตระกูลหวังอย่างแน่นอน ที่เขาทำได้ก็แค่ฆ่าข้าไปเท่านั้น!”
“อีกอย่างชายแก่คนนี้กำลังจะตายในไม่ช้าดังนั้นข้ายินดีที่จะพาเจ้าลงหลุมไปด้วย” ผู้อาวุโสจากตระกูลหวังหัวเราะเบาๆเต็มไปด้วยเจตนาร้าย
สือฮ่าวหน้าซีดหนาวไปถึงหัวใจ “พวกเจ้าเกลียดข้ามากขนาดนี้เลยเหรอ? กระทั่งไม่ลังเลที่จะทิ้งชีวิตตัวเองเพียงเพื่อกำจัดข้า”
“เดิมทีมันไม่มากนัก แต่การเติบโตของเจ้าเร็วเกินไป หากยังคงดำเนินต่อไปวันที่ตระกูลหวังของข้าจะถูกคุกคาม นั่นจะเป็นหายนะดังนั้นเจ้าควรจบชีวิตแต่เนิ่นๆจะดีกว่า” ผู้อาวุโสกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เขาพูดตรงไปตรงมามากว่าต้องกำจัดเขาก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นในอนาคต
นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าตระกูลหวังให้ความสำคัญกับสือฮ่าวมากเพียงใด พวกเขาเป็นตระกูลใหญ่ทรงอิทธิพลแต่เพื่อฆ่าเขาพวกเขาไม่ลังเลที่เผาผลาญตัวเองไปในกองเพลิง
“สิ่งมีชีวิตในอีกฝั่งกำลังจะบุกเข้ามาและข้าถือได้ว่าเป็นเมล็ดพันธุ์อันมีค่าถ้าข้าไม่ตายเมื่อพวกเขาข้ามมาข้ามั่นใจว่าจะทำประโยชน์ได้มากมายมหาศาล” สือฮ่าวกล่าวอย่างใจเย็น
“ช่างไร้เดียงสานัก เป็นเพราะเรากลัวว่าเจ้าจะเติบโตแข็งแกร่งขึ้นมาเราจึงคิดฆ่าเจ้า เจ้าคิดว่าเราจะปล่อยให้เจ้าเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง?!” ผู้อาวุโสคำรามด้วยเสียงหัวเราะ
“เจ้า!…” ใบหน้าของสือฮ่าวกลายเป็นเย็นชา “เจ้าไม่แม้แต่จะคำนึงถึงความจริงที่ว่ามีศัตรูอยู่อีกฟากหนึ่ง?!”
“ใครจะสนล่ะต่อให้สวรรค์ถล่มลงมา น้ำท่วมใหญ่ล้นฟ้า? ความโชคร้ายของคนอื่น ในโลกเกี่ยวข้องกับเราอย่างไร? ตราบใดที่ตระกูลหวังยังดำรงอยู่ไปได้อีกยาวนานนั่นก็เพียงพอแล้ว เมื่อสิ่งมีชีวิตจากอีกฝั่งบุกเข้ามามันเกี่ยวข้องอะไรกับเรา?!” ผู้อาวุโสหัวเราะอย่างเย็นชา
"พวกเจ้าช่างเห็นแก่ตัว?!"สือฮ่าวตำหนิ
“เจ้าหนูเจ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว เจ้าเชื่อจริงๆเหรอว่าตระกูลที่มีอายุยืนยาวทั้งหมดจะต้องต่อสู้จนตายกับสิ่งมีชีวิตอีกฟากหนึ่ง? สาเหตุที่ตระกูลอย่างพวกเราดำรงอยู่ได้มายืนยาวสามารถคงอยู่ได้อย่างปลอดภัยผ่านยุคสมัยอันยิ่งใหญ่นั้นเป็นเพราะพวกเราต่างมีวิธีการ มีเหตุผลสำหรับสิ่งนี้!” ผู้อาวุโสกล่าวอย่างไม่แยแส แต่คำพูดเหล่านี้น่ากลัวอย่างแท้จริง
“เจ้า!…” สือฮ่าวตกใจและโกรธมาก คำพูดของชายชราคนนี้ชัดเจนเกินไป พวกเขาสมควรถูกลงโทษ!