ตอนที่ 92 - ถูกลงโทษ
ตอนที่ 92 - ถูกลงโทษ
เมื่อตัวตนของฮวงถูกเปิดเผยก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย!
หนุ่มสาวจำนวนมากรวมตัวกันในวันนี้หลายคนเติบโตในในเมืองจักรพรรดิไม่เคยออกไปจากที่นี่ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นสือฮ่าวตำนานที่มีชีวิตคนนั้น
“พี่สือ,เพิ่งมาถึงดินแดนรกร้างเป็นครั้งแรกก็สร้างชื่อเสียงใหญ่โตแล้ว! แม้ว่าเราจะเกิดในเมืองจักรพรรดิ์แต่ก็น่าเสียดายที่ต้องบอกว่าเราใช้เวลาทั้งหมดนี้ในการฝึกฝนไม่เคยต่อสู้กับผู้คนของอีกฝั่งมาก่อน อย่างไรก็ตามเรายังได้ยินมาว่าพวกเขาแข็งแกร่งมากแค่ไหน ในการต่อสู้ครั้งนั้นเจ้าได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งภายใต้ท้องฟ้านี้อย่างแท้จริง!” มีคนกล่าวด้วยความจริงใจอย่างยิ่ง
มันยากสำหรับสือฮ่าวที่จะขยับเท้าแม้ว่าเขาจะต้องการก็ตาม มีผู้คนอยู่ทุกหนทุกแห่งที่รายล้อมเขาอยู่ทั้งชายและหญิง พวกเขาทั้งหมดมีลักษณะร่วมกันนั่นคือพวกเขากำลังพลุ่งพล่านด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้พบกับวีรบุรุษตัวเป็นๆ
มีบางคนถามเกี่ยวกับรายละเอียดของการต่อสู้ครั้งนั้นบางคนพยายามผูกมิตรกับเขา
“ว้าว! มดตัวน้อยตัวนี้คือมดเขาสวรรค์ในตำนานเหรอ? เป็นสีทองทั้งตัวตาโตน่ารักมาก!” เด็กหญิงตัวเล็กๆเบิกตาที่สวยงามของนางให้กว้างแล้วมองไปที่มดบนไหล่ของสือฮ่าว
สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากพวกเขาทั้งหมดจ้องมองไปที่มดเขาสวรรค์
“มันน่ารักเกินไป! หัวพยัคฆ์สีทองเจิดจรัสมีเสน่ห์มาก!” สาวน้อยคนนั้นกล่าว นางอายุเพียงสิบเอ็ดหรือสิบสองปี เหตุผลที่นางมาที่นี่ได้แน่นอนเพราะพี่ชายหรือพี่สาวของนางพาเข้ามา
หลายคนพูดไม่ออก นี่เป็นถึงทายาทของสิบอสูรผู้ยิ่งใหญ่ที่มีพลังการต่อสู้ที่น่าทึ่ง! แต่กลับมาถูกเด็กหญิงตัวเล็กๆชื่นชอบหลงใหล
สำหรับตัวมดเขาสวรรค์ มีเส้นสีดำปรากฏบนหน้าผากของมัน การที่ถูกคนอื่นเรียกว่า 'น่ารัก' ทำให้มันโกรธมากจนอยากจะตบเด็กหญิงคนนั้น ใบหน้าของมันเข้มขึ้นอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาว่า“พยัคฆ์นั่นคืออะไร? มีส่วนใดที่คล้ายคลึงกับราชาคนนี้? ถ้าเจ้าเปรียบเข้ากับมังกรที่แท้จริงข้ายังพอฝืนใจรับมันไว้ได้”
นอกจากเด็กหญิงตัวเล็กๆที่หัวเราะอย่างมีความสุขเหมือนดอกไม้ที่เบ่งบานแล้วก็ไม่มีใครกล้าหัวเราะอีก นี่คือบุตรชายของสิบอสูรผู้ยิ่งใหญ่ เป็นสายเลือดของเซียนที่แท้จริงต้นกำเนิดของมันน่ากลัวเกินไป
ถึงมันจะยังไม่เติบโต แต่เมื่อเป็นเช่นนั้นมีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่ามันจะน่ากลัวเพียงใด
มีใครบางคนกล่าวเบาๆว่า“ข้าได้ยินมาว่าในช่วงสงครามเซียนโบราณมีผู้อมตะที่แท้จริงบางคนที่พยายามรักษาสายเลือดของตัวเองไว้ แต่พวกเขาทั้งหมดต่างล้มเหลว มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่หลงรอดมาถึงปัจจุบัน”
นั่นเป็นช่วงเวลาที่มืดมนอย่างแท้จริง มรดกของผู้อมตะถูกตัดขาดทายาทถูกกวาดล้าง ผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่คนมีปัญหาได้รับบาดเจ็บจนถึงขนาดที่พวกเขาไม่สามารถปรากฏตัวในโลกได้ตามปกติ
ต่อมาสายเลือดเซียนที่แท้จริงเหล่านั้นถูกผนึกเข้าสู่กำแพงแห่งความโกลาหลหรือไม่ก็ถูกฝังไว้ในดินแดนลึกลับที่สุดของเก้าสวรรค์สิบพิภพ แต่มันก็ยังไม่ได้ผล เกือบทั้งหมดล้วนแต่พบกับหายนะ
“สายเลือดที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังของมดเขาสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่นั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ว่ากันว่าสายพันธุ์นี้คือผู้ที่มีพลังมากที่สุดในโลก”
ทุกคนทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ ใบหน้าของมดเขาสวรรค์มีความยินดีที่ไม่สามารถปกปิดได้มิด
“ว่ากันว่าในตอนนั้นความแข็งแกร่งมดเข้าสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่สามารถเทียบได้กับราชาอมตะคนหนึ่ง เป็นโชควาสนาจริงๆที่สายเลือดของเขายังคงดำรงอยู่”
มดเขาสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ จ่ายออกด้วยราคามหาศาลเพื่อให้มดตัวน้อยมีชีวิตอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะการดูแลทั้งหมดที่เขาทำจะมีมดตัวน้อยสีทองในปัจจุบันได้อย่างไร?
มดเขาสวรรค์ยืนอยู่บนไหล่ของสือฮ่าวทำให้หลายคนอิจฉา หากพวกเขารอจนมดตัวนี้โตขึ้นมันก็สามารถปกป้องเผ่าพันธุ์ทำให้ตระกูลหนึ่งสามารถเจริญรุ่งเรืองได้เป็นสิบๆเท่า
“โชคของพี่สือนั้นยอดเยี่ยมมากเมื่อเทียบกับเจ้า สัตว์มงคลและนกศักดิ์สิทธิ์ของเรานั้นด้อยกว่ามาก” มีคนกล่าว
"เจ้าพยายามจะพูดอะไร?" มดน้อยสีทองตาขวางขึ้นมาทันที ความสัมพันธ์ที่มันมีกับสือฮ่าวไม่ใช่ของเจ้านายและคนรับใช้อย่างแน่นอน
คนผู้นั้นตื่นตระหนกทันทีรู้ตัวว่าเขาพูดผิดไปแล้ว ทายาทของสิบอสูรผู้ยิ่งใหญ่จะเต็มใจรับใช้เป็นสัตว์ต่อสู้ของคนผู้หนึ่งด้อย่างไร?
“ความสัมพันธ์ของข้ากับเขาเป็นเหมือนพี่น้อง” สือฮ่าวกล่าว
“พี่ชายฮวงพี่ชายมดเขาสวรรค์ได้โปรดเชิญนั่ง” ฉีหงยิ้มแก้ความอึดอัดเชิญพวกเขาเข้าสู่ที่นั่งแห่งเกียรติยศ
ที่นั่งที่นี่ถูกเลือกอย่างเหมาะสมสือฮ่าวได้รับเชิญให้นั่งตรงกลาง
ในเวลาเดียวกันเฉาอวี่เซิ่งก็ถูกเชิญให้มานั่งข้างเขา
ตอนนี้เจ้าอ้วนเฉาตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสังเวชอย่างยิ่ง เขาถูกคนที่มารายล้อมสือฮ่าวบีบอัดจนไม่สามารถขยับตัวไปที่ใดได้
แน่นอนว่าตอนนี้สภาพของเขาแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เมื่อทุกคนรู้ว่าเขาเป็นพี่น้องของสือฮ่าว!
“บัดซบ!” มีใครบางคนปล่อยเสียงเย็นชารู้สึกไม่พอใจต่อการต้อนรับของฉีหง
เจ้าอ้วนเฉาหันไปเห็นจินจื่อเฟยที่จ้องมองอย่างเย็นชา ตอนนี้เขากำลังจะระเบิดอย่างแน่นอน
"เขาคือใคร?"เฉาอวี่เซิ่งถามโดยแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเขา
“ลุงคนที่แปดของจินซานชื่อของเขาคือจินจื่อเฟยความภาคภูมิใจแห่งสวรรค์ตะกูลจิน!” มีคนบอกกับเขาเบาๆ
“เจ้าหนูเจ้ากำลังท้าทายข้าหรือ” จินจื่อเฟยกวาดสายตาดูถูกเหยียดหยามมองลงมาที่สือฮ่าว
เขาไม่ได้พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกท้าทายใดๆไว้ เขามีความต้องการที่จะกระตุ้นให้สือฮ่าวออกมาต่อสู้กับเขาอีกครั้งเพื่อล้างความอัปยศ
“ชายชราคนนี้เป็นใคร? พวกเจ้าไม่ได้บอกหรือว่าการชุมนุมวันนี้เป็นการชุมนุมของอัจฉริยะรุ่นเยาว์? ทำไมถึงมีชายชราปะปนเข้ามาในที่นี้ได้? นับเป็นความผิดพลาดจริงๆ!”
ต้องบอกว่าปากของเจ้าอ้วนเฉานั้นร้ายกาจอย่างยิ่ง ในความเป็นจริงจินจื่อเฟยอายุยังไม่ถึงสี่สิบปีแม่จะไม่ถือว่าเป็นเด็กแต่ก็ห่างไกลกับคำว่าคนชรายิ่งนัก
เจ้าอ้วนเฉาติดป้ายว่าเขาเป็นชายชราทันที หากนี่ไม่ใช่การเยาะเย้ยอย่างตรงไปตรงมาแล้วจะเป็นอะไรได้อีก
“เจ้าหนู!…” จินจือเฟยตบโต๊ะและเอื้อมมือไปทางเฉาอวี่เซิ่งทันที
ทุกคนตกตะลึง ไม่คิดว่าเขาจะกล้าลงมือ?!
ไม่ไกลออกไปจินซานก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน แต่เขาไม่ได้แสดงเจตนาที่จะเข้าไปยุ่ง เขาเพียงคุ้มครองความปลอดภัยให้กับจินจื่อเฟยเท่านั้น
ในที่สุดสายตาของหวังซีก็เคลื่อนไปที่สือฮ่าวและทิศทางของมดตัวน้อย ในขณะเดียวกันหนิงชวนและคนอื่นๆต่างมีเจตนาเข้าร่วมวง
“พี่จินการต่อสู้ในวันนี้ขอให้หยุดลงที่ตรงนี้เถอะ” ฉีหงลุกขึ้นยืนขวางทาง
สิ่งนี้ทำให้หลายคนตกใจ เมื่อไม่นานมานี้เขาได้ร่วมทางมากับจินซานในรถศึกห้าวิญญาณ ทุกคนจึงคิดว่าเขามีความสัมพันธ์กับตระกูลจิน พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเขาจะเป็นคนแรกที่ก้าวออกไป
ฉีหงอายุยี่สิบปีในขณะที่จินจือเฟยอายุมากกว่าสามสิบปียิ่งกว่านั้นยังเป็นลุงคนเล็กของจินซาน แต่ฉีหงกลับเรียกเขาว่าพี่ชายจินเท่านั้นไม่ได้เห็นเขาเป็นคนรุ่นอาวุโสกว่า
“พี่จินพวกเราจะมารวมตัวกันในครั้งนี้ไม่ใช่เผชิญหน้ากันเองด้วยอาวุธขอให้ท่านหยุดเถอะ” ทัวปาอู่หลงพูดขึ้นด้วยเสียงดัง
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนตกใจ ผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์ทั้งสองแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนที่จะปกป้องฮวงและสหายของเขา
“เจ้ากล้าลงมือกับพี่น้องของข้าต่อหน้าข้าเชียวหรือ!”สือฮ่าวเดินเข้าหา จินจื่อเฟย ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยรัศมีแห่งสวรรค์ราวกับว่ามีสายฟ้าพ่นออกมา
ทุกคนต่างหวาดผวา แม้แต่ฮวงก็ต้องการต่อสู้ด้วยเหรอ?
เฉาอวี่เซิ่งรู้ว่าจินจื่อเฟยเป็นใครอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่เกรงกลัวที่จะยั่วยุออกมา เพราะว่าในระหว่างพวกเขาไม่มีทางที่จะญาติดีกันได้
“ฮวงเจ้านับว่าเป็นตัวอะไรถึงกล้ามีท่าทางเช่นนี้ต่อหน้าข้า!” จินจื่อเฟยกล่าวอย่างเย็นชา
ตั้งแต่เขาพ่ายแพ้มันเหมือนมีอะไรรบกวนจิตใจเขาอยู่ตลอดเวลา ในตอนแรกเขาไม่ต้องการมาที่นี่วันนี้แต่เมื่อได้ยินว่าสือฮ่าวก็มาด้วยเขาจึงรีบติดตามออกมา เขาประสบความพ่ายแพ้อย่างไม่คาดคิดในการต่อสู้ครั้งใหญ่ ทำให้เขาได้รับความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง เขาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อยั่วยุสือฮ่าวให้ออกมาต่อสู้เพื่อที่จะได้กู้หน้าของตัวเองกลับคืน
“เจ้าเคยพ่ายแพ้มาก่อนแล้ว แต่เจ้ายังกล้าแสดงความดุร้ายต่อหน้าข้า” สือฮ่าวทำให้สถานการณ์แย่ลง ยิ่งอีกฝ่ายตะโกนมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเผชิญหน้ากับเรื่องนี้อย่างใจเย็น
“เจ้ากล้าสู้อีกสักครั้งไหม!” จินจือเฟยท้าทายตะโกนที่นี่
ห่างออกไปไม่ไกลการแสดงออกของจินซานก็จริงจังขึ้น เขาเดินไปยืนอยู่ข้างหลังลุงคนเล็ก แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรแต่การเคลื่อนไหวนี้ก็ยังเป็นการประกาศว่าเขาสนับสนุนการต่อสู้จนถึงที่สุด
หวังซีเดินเข้ามาโดยไม่พูดอะไรไปยืนอยู่ข้างๆพวกเขา
“เจ้าแพ้แล้ว”สือฮ่าวกล่าวอย่างไม่แยแส
“ถ้าเราทำการเผชิญหน้าที่แท้จริงข้าจะสังหารเจ้าด้วยมือเดียว!” จินจื่อเฟยกล่าวอย่างคุ้มคลั่ง
“เด็กคนนี้ไร้หนทางเยียวยาแล้ว รู้จักแต่เพียงวิธีคุยโม้ แถมตอนนี้กำลังจะกลายเป็นบ้าอีกด้วย” มดน้อยสีทองส่ายหน้าแสดงความคิดเห็น
ทุกคนพูดไม่ออกเจ้าตัวเล็กขนาดนี้ยังกล้าเรียกคนอื่นว่าเด็กอีกเหรอ? นี่จะดูถูกคนอื่นมากเกินไปแล้ว!
“เต่าชราเจ้ามีความละอายบ้างไหม? อายุก็มากแล้ว แต่เจ้ายังกล้าท้าทายเด็กรุ่นหลังอย่างเกลียดชังทำไมเจ้าไม่ไปหาเต้าหู้มาพุ่งชนจนตายไปซะ!”เฉาอวี่เซิ่งพูดขึ้นปากของเขายังคงแหลมคมอยู่
ทุกคนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ พวกเขาทุกคนรู้สึกว่าจินจื่อเฟยโชคร้ายจริงๆที่พบกับมดตัวน้อยและเจ้าอ้วนเฉา คนหนึ่งเรียกเขาว่าเด็กน้อยมีคนเรียกเขาว่าเต่าชราช่างเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างแท้จริง
“ผู้อาวุโสจินการรวมตัวนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อแก้ไขความขุ่นเคืองส่วนตัว หากเจ้ารู้สึกไม่พอใจต่อพี่ชายสือสามารถนัดวันประลองกันได้?”
หงส์เพลิงทั้งสี่ของตระกูลเว่ยพูดขึ้นสีหน้าเริ่มเย็นชาเล็กน้อย
เด็กหนุ่มสาวจากตระกูลจักรพรรดิทุกคนต่างรวมตัวกันอยู่ด้านหลังของสือฮ่าว พวกเขาไม่พอใจการกระทำของจินจื่อเฟยอย่างยิ่ง
ดวงตาของจินจื่อเฟยเย็นชา แม้ว่าเขาต้องการที่จะต่อสู้ในวันนี้แต่ว่ามันจะเป็นการเสียบุคลิกภาพเกินไป เขาจึงได้แต่หันหลังและเดินออกไปจากที่ชุมนุม
ในระยะไกลเสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังขึ้น สัตว์ศักดิ์สิทธิ์สีทองสี่ตัวลากรถศึกเข้าสู่ทะเลสาบหยกและหยุดต่อหน้าจินจื่อเฟย
“ท่านลุงแปดจะจากไปแบบนี้เหรอ” ชายหนุ่มคนนั้นกระโดดลงจากรถศึกเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ เขามองไปที่สือฮ่าวด้วยสายตามุ่งร้ายไม่เต็มใจอย่างยิ่ง
“เราจากไปแบบนี้? นายท่านไม่สั่งสอนเจ้าหนูนี่ให้รู้จักความเคารพต่อผู้อาวุโสหรือ?” ทหารรับใช้คนหนึ่งลงจากรถศึกพูดกับจินจื่อเฟยอย่างนุ่มนวล
“เขาไม่รับคำท้า” จินจื่อเฟยกล่าวอย่างเย็นชา
“ฮวงเจ้าเป็นคนขี้ขลาดหรือ? ถ้าเจ้ามีความกล้าก็มาสู้สิ ไม่เช่นนั้นก็ไสหัวออกไปจากเมืองจากพรรคแห่งนี้!” ชายหนุ่มคนนั้นตะโกนลั่น
สิ่งนี้ทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป เด็กหนุ่มจากตระกูลจินคนนี้ล้ำเส้นพวกเขามากเกินไปแล้ว
แม้กระทั่งกล้าที่จะด่าว่าฮวงการกระทำของเขาทำให้ผู้คนที่อยู่ที่นี่รังเกียรติอย่างยิ่ง
"ออกเดินทางเถอะ!" จินจื่อเฟยกล่าว แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการ แต่เขาก็ไม่สามารถบากหน้าอยู่ที่นี่ต่อไปได้
“ฮวงเจ้าก็แค่คนขี้ขลาดคนหนึ่ง ถ้ารู้สำนึกตัวก็รีบไสหัวออกไปจากเมืองจักรพรรดิแห่งนี้โดยเร็วที่สุด!” เมื่อชายหนุ่มคนนั้นกำลังจะจากไปเขาก็หัวเราะออกมาอย่างพอใจ
“ก็แค่คนขี้ขลาดที่ไม่กล้าสู้รบคนนึง” คนรับใช้ผู้นั้นก็กล่าวย้ำอีกครั้ง
จินจื่อเฟยไม่ได้แสดงออกอะไรเลย เพียงแต่ขึ้นไปบนรถศึกเท่านั้น
ฮ่าฮ่า… เจ้าหนูนั่นหัวเราะอย่างมีความสุข
ฮ่อง!
ทันใดนั้นทุกคนรู้สึกถึงความกดดันที่หายใจไม่ออกหัวใจของพวกเขาเจ็บปวดราวกับว่าเซียนที่แท้จริงกำลังดำเนินการบดขยี้สวรรค์และปฐพี มันทำให้วิญญาณดั้งเดิมของทุกคนสั่นคลอน!
“หยุดเดี๋ยวนี้!” จินซานที่เงียบมาตลอดก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ
ทุกคนเห็นว่าสือฮ่าวยกมือขึ้นตบไปที่รถศึกนั้น มือสีทองของเขามีขนาดใหญ่เหมือนกับขุนเขาสวรรค์บดขยี้ลงมาจากท้องฟ้า
ปา!
“อา…” ชายหนุ่มคนนั้นส่งเสียงร้องอย่างน่าสังเวชร่างกายแตกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีแม้แต่โอกาสกล่าววาจา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสยดสยอง ก่อนตายมองไปที่สือฮ่าวไม่กล้าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะลงมือจริงๆ
ปู!
ในเวลาเดียวกันผู้รับใช้คนนั้นก็ถูกฝ่ามือสีทองโจมตีจนระเบิดออกเป็นหมอกเลือดเสียชีวิตไปในเวลาเดียวกัน
“ข้าไม่ชอบพูดเรื่องไร้สาระ แต่จะฆ่าโดยตรงเท่านั้น” สือฮ่าวกล่าวอย่างไม่แยแส
ทุกคนตื่นตระหนกอย่างมากฮวงนั้นทรงพลังเกินกว่าจะเปรียบเทียบได้ การกระทำเช่นนี้ต่อหน้าจินซานและจินจื่อเฟยแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
“เจ้ากล้าจริงๆ!” จินจื่อเฟยโกรธมากเขากระโดดลงจากรถศึก
“ทำไมข้าถึงจะไม่กล้าหรือ? นี่เป็นการประชุมอันศักดิ์สิทธิ์จะปล่อยให้ผู้คนกล่าววาจาโง่ๆออกมาได้อย่างไร?ใครที่กล้าทำแบบนี้พวกมันต้องถูกลงโทษ!” สือฮ่าวกล่าว