ตอนที่ 72 - ต้นกำเนิดที่ยิ่งใหญ่เกินไป
ตอนที่ 72 - ต้นกำเนิดที่ยิ่งใหญ่เกินไป
ผู้สืบสายเลือดของคนบาป มีคนพูดถึงเรื่องนี้แม้แต่ในเมืองจักรพรรดิ์สิ่งนี้ทำให้สือฮ่าวหรี่ตาลง ดูเหมือนว่าสิ่งต่างๆจะไม่ง่ายอย่างที่คิดก่อนหน้านี้มี 'บางสิ่ง' เกิดขึ้นอย่างแน่นอน!
“เจ้าต้องการกล่าวหาเราว่าเป็นทายาทของคนบาป? ตาของพวกเจ้าข้างไหนที่เห็นบรรพบุรุษของพวกเราทำความผิด?” ฉินฮ่าวไม่เต็มใจที่จะยอมรับสิ่งนี้
“มีบางสิ่งที่ได้รับการยอมรับมานานยิ่งกว่านั้นแม้กระทั่งหลายๆ คนที่นี่ก็รู้ว่ามีบางเผ่าที่เคยทำผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ไม่สามารถให้อภัยได้” ใครบางคนกล่าวอย่างเย็นชา
“สายเลือดของคนบาปมีอะไรดีเล่า? หลายคนรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว” หวังฉางเหอกล่าวด้วยความเย้ยหยัน
กองทัพชั้นยอดของตระกูลหวังมาที่นี่ด้วยสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายอาจไม่สามารถกลับบ้านอย่างมีชีวิตได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเกลียดชังสือฮ่าวเป็นเรื่องปกติ
ฉินฮ่าวโกรธมากและยังคงต้องการที่จะโต้เถียงกลับ
สือฮ่าวหยุดเขาและพูดว่า“มีอะไรจะพูดกับพวกเขา? พวกเขากระทำความผิดใหญ่หลวงจึงถูกส่งมาที่เมืองจักรพรรดินี้เพื่อชดใช้ความผิด ตัวของพวกเขาเองคือคนบาปแต่ยังกล้ากล่าวหาคนอื่นว่าเป็นทายาทของคนบาป”
สือยี่พูดขึ้นอย่างแปลกใจโดยกล่าวว่า“เจ้ากล่าวไม่ผิด นักโทษในอดีตที่ถูกเนรเทศมาชดใช้ความผิดที่นี่ พวกเขายังมีหน้าอะไรมาวิจารณ์คนอื่น”
ใบหน้าของหวังฉางเหอเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำทันที
เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่สามารถเอาชนะอาณาจักรธรรมปลอมได้ง่ายๆดังนั้นเขาจึงสามารถจัดการทั้งสามนี้ได้สบายๆ แต่ที่นี่คือเมืองจักรพรรดิไม่อนุญาตให้ฆ่าฟันกัน ตัวเขาก็ไม่มีความสามารถที่จะต่อต้านจึงได้แต่กัดฟันด้วยความโกรธ !
อย่างไรก็ตามเขาไม่ต้องการยอมรับสิ่งต่างๆเช่นกัน เขาพูดอย่างเย็นชาว่า“แค่เด็กน้อยไม่กี่คนพวกเจ้าพูดเรื่องไร้สาระแบบไหนกัน? ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า เจ้าสามารถถามคนอื่นได้ว่าตระกูลหินผาทำความผิดบาปหรือไม่ ทุกคนในเมืองจักรพรรดิ์รู้เรื่องนี้ดีแน่นอน!”
“ตระกูลหินผาเคยนำหายนะมาสู่ชายแดนรกร้างทำให้เกิดความผิดครั้งใหญ่เกินกว่าจะให้อภัยนี่คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่รับทราบ แม้ว่าจะมีบางคนที่ไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงไปได้” ยักษ์สีทองพยักหน้า
“ถูกต้องตระกูลหินผาเคยแข็งแกร่งมาก แต่ความผิดก็คือความผิด เลือดของคนบาปกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ตกทอดไปยังคนรุ่นหลัง”ผู้แข็งแกร่งจากตระกูลจินกล่าวเสริม
คำพูดจากคนตระกูลจินมีความสำคัญมาก
“ เป็นเพียงผู้สืบสายเลือดของคนบาป ถ้าเป็นข้าข้าคงสังหารพวกเจ้าไปทั้งหมดแล้วเพื่อไม่ให้รกสายตา!” ผู้ยิ่งใหญ่ที่มาต้อนรับหนิงฉวนกล่าวอย่างเย็นชา
คำพูดของคนอื่นยังคงสามารถทนทานได้ แต่เมื่อคนๆนี้พูดออกมารัศมีแห่งสวรรค์ก็หมุนวนในดวงตาของสือฮ่าวทันที เป็นเพราะในอดีตราชัน 6 สมัยหนิงฉวนต่อต้านตระกูลหินผามาเสมอโดยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากผู้คนที่อยู่เบื้องหลังเขา
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเขาเป็นปัจจัยหลักอย่างแน่นอนมีกลุ่มมหาอำนาจที่ร่วมมือกันเพื่อทำลายล้างสายเลือดของคนบาป ในสามพันแคว้นเซียนยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ใช้สำหรับกักขังผู้สืบสายเลือดของคนบาปโดยเฉพาะ
เมื่อเขาคิดถึงสิ่งเหล่านี้สือฮ่าวก็รู้สึกถึงความโกรธภายในตัวเขา!
"อะไร? เจ้าหนูอย่าบอกนะว่าเจ้าต้องการฆ่่าข้า? ถ้านี่ไม่ใช่เมืองจักรพรรดิป่านนี้เจ้าตายไปแล้ว!” คนที่อยู่เบื้องหลังหนิงชวนกล่าวอย่างเย็นชา เขาเป็นสัตว์ประหลาดดึกดำบรรพ์การฝึกฝนของเขาสูงมาก ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาน่ากลัวเกินกว่าจะเปรียบเทียบเขาเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังที่สุดคนหนึ่งในเมืองนี้คนหนึ่ง
"เจ้าเป็นใคร? อายุก็ไม่ใช่น้อยๆเจ้าเคยทำคุณประโยชน์ใดบ้างให้แก่ดินแดนรกร้างเล่าให้ข้าฟังหน่อย?” สือฮ่าวถามอย่างเย็นชา
หลายคนพูดไม่ออก ชายหนุ่มคนนี้กล้าจริง ๆ โดยบอกว่าอีกฝ่ายมีเพียงอายุเท่านั้นที่มากกว่าเขา นี่เป็นการท้าทายอย่างตรงไปตรงมา
“พวกเจ้าทุกคนรังแกกันมากเกินไปแล้ว!” ฉินฮ่าวก็ตะโกนออกมาดัง ๆ
ตระกูลหินผา ดำรงอยู่มาเป็นเวลานานมากก่อนหน้านี้มีตำนานมากมายที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาในดินแดนรกร้างอย่างไรก็ตามทันทีที่พี่น้องทั้งสามมาที่นี่พวกเขาถูกทุกคนร่วมมือกันต่อต้านเพราะพวกเขามีแซ่สือ
คนที่อยู่เบื้องหลังหนิงชวนมองไปที่สือฮ่าวและพูดอย่างเย็นชาว่า“หนุ่มน้อยถ้าไม่ใช่เพราะว่าชื่อเสียงของเจ้าที่ทำในดินแดนสวรรค์สีชาดข้าคงต้องลงมือสั่งสอนสักหน่อย หากเจ้าต้องการได้รับการอภัยในเมืองจักรพรรดินี้ก็สามารถทำได้ง่ายๆเพียงแค่เจ้าเลิกใช้แซ่สือเท่านั้น”
การที่บอกให้เขาเปลี่ยนชื่อสกุลใหม่นับเป็นการดูหมิ่นอย่างใหญ่หลวง
แต่พวกเขาไม่กล้าลงมือ คุณความดีของสือฮ่าวที่ทำในดินแดนสวรรค์สีชาตินั้นมีไม่น้อยจนสามารถสั่นสะเทือนเมืองจักรพรรดินี้ได้
พวกเขาเชื่อว่าหากมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับชายหนุ่มคนนี้ แน่นอนว่ามันจะดึงดูดความสนใจของผู้แข็งแกร่งจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นสาเหตุที่คนที่อยู่เบื้องหลังหนิงชวนไม่กล้าลงมือ
ในขณะเดียวกันตระกูลหวังก็เป็นเช่นนี้เช่นกัน พวกเขาสามารถทำในสิ่งที่พวกเขาพอใจในโลกภายนอก แต่ในเมืองจักรพรรดิ์พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตัวสงบเสงี่ยม เป็นเพราะมีผู้คุมกฎที่โหดเหี้ยมไม่น้อยกว่าสองคนที่นี่จะลงมือจัดการทุกคนที่สร้างปัญหา
อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครมาต้อนรับพี่น้องทั้ง 3 ของตระกูลสือ นี่เป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจมาก
สามารถจินตนาการได้ว่าสถานการณ์ของตระกูลหินผานั้นอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ในขณะเดียวกันสถานการณ์ของผู้สืบเชื้อสายของตระกูลก็คงแย่มากเช่นกัน
“ข้าจะอยู่กับพวกเจ้าเอง ข้าก็เป็นคนที่ไม่มีใครต้อนรับเหมือนกัน” เฉาอวี่เซิ่งเกาหัวของเขา แม้ว่าผิวหน้าของเขาจะหนาแต่เขาก็ยังพบว่าความอึดอัดนี้ค่อนข้างยากที่จะรับมือ
มีคนไม่กี่คนที่เผยรอยยิ้มเย็นชาและยิ่งมีคนพูดตรงๆอีกว่า“ตอนนี้พวกเจ้าเห็นไหมทุกคนเกลียดชังสายเลือดของคนบาปมากแค่ไหน?”
หวังฉางเหอยิ่งกล่าวเยาะเย้ยอย่างตรงไปตรงมาว่า“คงจะแปลกถ้ามีคนมาจริงๆ ใครยินดีที่จะมีความสัมพันธ์กับสายเลือดคนบาป? โอ้ใช่อย่าบอกนะว่าเป็นลูกหลานของผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนเจิ้ง ฮ่าๆๆอย่างไรก็ตามข้าได้ยินมาว่าพวกเขากำลังออกไปสู้รบ”
“นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ตระกูลที่มีความอัปยศติดอยู่ในชื่อ พวกเขาจะถูกจดจำโดยประวัติศาสตร์เท่านั้น” คนที่อยู่เบื้องหลังหนิงชวนพูด ชื่อของเขาคือกู่หมิงเต้าผู้เชี่ยวชาญที่น่ากลัวอย่างยิ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองแห่งนี้
อย่างไรก็ตามมีบางคนที่ถอนหายใจเช่นกัน ฮวงได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่สั่นสะเทือนดินแดนสวรรค์สีชาดข่าวมาถึงที่นี่หลายคนให้ความสนใจกับเรื่องนี้ แต่หากไม่มีเรื่องนั้นสถานการณ์วันนี้คงจะย่ำแย่ลงไปอีก
นี่เป็นสิ่งที่กู้หมิงเต๋า, หวังฉางเหอและคนอื่นๆรู้สึกเสียใจอย่างมาก มิฉะนั้นพวกเขาจะสามารถจัดการกับสามพี่น้องตระกูลสือได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องมีความกังวลอย่างในวันนี้
“ไปเถอะมันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องจากไปเช่นกัน การจ้องมองไปที่ผู้สืบสายเลือดของคนบาปเหล่านี้มีแต่จะทำให้เกิดความรังเกียจเปล่าๆ”ใครบางคนพูดแบบนี้โดยมีจุดประสงค์ชัดเจนว่าเป็นการเยาะเย้ย
“แน่นอนอยู่แล้วว่าไม่มีใครมาต้อนรับพวกเจ้า ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีหลังจากนี้ก็ยิ่งไม่มี” หวังฉางเหอหัวเราะอย่างมีความสุข
มีหลายคนที่เห็นอกเห็นใจพี่น้องสามคนของตระกูลสสือ แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรแทน เพราะมีความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับตระกูลหินผามากเกินไป ไม่มีทางที่จะชะล้างเหตุการณ์ในอดีตได้
“ใครรบกวนการนอนของข้า? พวกเจ้าเสียสติหรือไงถึงส่งเสียงดังอยู่ได้” มดตัวน้อยสีทองคลานออกมาจากไหล่ของสือฮ่าวและขยี้ตา
ไม่ว่าจะเป็นหวังฉางเหอหรือกู่หมิงเต้าที่อยู่เบื้องหลังหนิงชวนก็ตามคนกลุ่มนี้ทุกคนต่างก็ข่มความกลัวที่มีต่อมัน นี่เป็นเพียงลูกหลานของมดเขาสวรรค์แต่ด้วยเหตุผลบางประการพวกเขาไม่สามารถท้าทายมันในเมืองจักรพรรดิใด้
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกลร่างสูงและเพรียวเดินเข้ามาทางนี้ ความงดงามที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ ชุดขาวปลิวไสวตามสายลม
“มีใครบางคนเต็มใจที่จะออกมาต้อนรับพวกเราแล้ว เฮ้…” เฉาอวี่เซิ่งหัวเราะหญิงสาวผู้นี้งดงามเกินไปจนถึงจุดที่ผู้คนเกิดความละอายที่จะจ้องมองนาง
ในขณะนี้จิตใจของทุกคนสั่นไหว มีคนไม่น้อยที่จำหญิงสาวคนนี้ได้
“หนุ่มน้อยข้ามารับเจ้าเข้าสู่เมืองจักรพรรดิ ไม่คิดว่าหลังจากแยกทางกันหลายปีจะมาพบกันที่นี่” หญิงสาวหัวเราะคิกคักและมองไปที่สือฮ่าว
สิ่งนี้กระตุ้นให้เกิดการความโกลาหลครั้งใหญ่การแสดงออกของพวกเขาเริ่มกลายเป็นจริงจัง เป็นเพราะต้นกำเนิดของหญิงสาวคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนทำให้หลายคนรู้สึกถึงความกลัว นางเป็นสหายเก่ากับสือฮ่าวจริงๆ
“เจ้า ชิงเซียน!” สืออ่าวมองไปที่นางโดยเขาไม่เคยลืมหญิงสาวคนนี้ เป็นเพราะความประทับใจที่นางทิ้งไว้นั้นลึกซึ้งเกินไป
ความงามของนางนั้นไร้ที่ติเต็มไปด้วยความสมบูรณ์แบบอาจกล่าวได้ว่านี่เป็นผลงานของสวรรค์ รูปร่างของนางนุ่มนวลอ่อนช้อยผิวของนางเหมือนหยกเนื้อดี ดวงตากลมโตชาญฉลาดมีเล่ห์เหลี่ยมเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ
สืออ่าวจำนางได้ไม่ใช่เพราะความงามของนาง แต่เป็นเพราะทุกสิ่งที่นางทำ เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับสัญญาพันธมิตรโบราณเป็นครั้งแรกก็จากนาง
ย้อนกลับไปในตอนนั้นขณะที่ยิ้มและหัวเราะนางได้สร้างความกดดันให้แก่เผ่าพันธุ์สวรรค์อย่างมากมายยิ่งไปกว่านั้นยังมีคำสั่งให้ผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขาเข้าร่วมสงครามที่นี่
สำหรับผู้คนในเมืองจักรพรรดิ พวกเขาเข้าใจดีว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ได้มีความเรียบง่ายเพราะแม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งเป็นลำดับต้นๆของเมืองยังไม่กล้าตอแยนาง
“คุณหนูชิงเซียนนี่คือลูกหลานของสายเลือดคนบาป”กู่หมิงเต้าที่อยู่เบื้องหลังหนิงชวนไม่ลืมที่จะเตือนนาง ความเกลียดชังที่เขารู้สึกต่อตระกูลหินผานั้นค่อนข้างดื้อรั้นอยู่บ้าง
“เทพธิดาเย่” หวังฉางเหอทักทายนางด้วย สำหรับใครบางคนจากตระกูลหวังน้อยครั้งนักที่จะทำตัวอ่อนน้อมถึงขนาดนี้
“เมื่อกี้ข้าได้ยินคนไม่น้อยที่พูดถึงเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับสายเลือดของคนบาป บอกว่าพวกเขานำหายนะมาสู่ดินแดนรกร้าง”เย่ชิงเซียนกล่าวอย่างเย็นชา
“นี่คือความจริง ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันมาตั้งแต่โบราณ” คนที่อยู่เบื้องหลังจินซานกล่าว
“ข้ากลัวว่าสิ่งต่างๆจะไม่เป็นแบบนั้น พวกเจ้าบางคนต้องขอขมาสามพี่น้องตระกูลสือ และบางคนต้องตบปากตัวเองด้วย!” เย่ชิงเซียนมีน้ำเสียงไม่พอใจ
พี่น้องทั้งสามคนของตะกูลสือรู้สึกตกใจ เย่ชิงเซียนดูเหมือนจะปกป้อง ตระกูลหินผาอย่างมาก นางรู้อะไรบ้าง?
“เทพธิดาเย่ตัวตนของเจ้าอาจจะยิ่งใหญ่ก็จริง แต่จะดีที่สุดถ้าเจ้าไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตระกูลหินผานั้นมีบาปติดตัวไม่มีผู้ใดกล้าแย้งเรื่องนี้” กู่หมิงเต๋าที่อยู่เบื้องหลังหนิงชวนกล่าวอย่างแข็งกร้าว
“เลือดของคนบาปความอัปยศ? เจ้ากล้าพูดแบบนี้อีกครั้งไหม?”เย่ชิงเซียนถาม
กู่หมิงเต้า, หวังฉางเหอ, ตระกูลจินและคนอื่นๆต่างจิตใจหวั่นไหว แต่พวกเขาก็ยังคงพูดออกมาอีกครั้ง
ฮ่อง!
ทันใดนั้นเองคลื่นพลังของเทพเจ้าลอยออกมาจากระยะไกลและกวาดเข้าใส่พวกเขาทันที กระแสลมนี้รุนแรงอย่างยิ่งแม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ระยะไกลยังรู้สึกหวาดหวั่น
ในขณะเดียวกันสถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์กลางของผลกระทบ หลายคนล้มลงไปกับพื้น พลังนี้รุนแรงอย่างไม่มีอะไรเทียบได้
“นี่คือ…” หวังฉางเหอสั่นสะท้าน นี่ไม่ใช่ความตั้งใจเดิมของเขา แต่ร่างกายของเขาถูกกดไว้แนบกับพื้น
กู่หมิงเต้ายิ่งสั่นสะท้านวิญญาณดั้งเดิมของเขาก็เช่นกันราวกับว่ามันกำลังจะถูกทำลาย
ตอนนี้ทุกคนที่หาเรื่องตระกูลหินผารู้สึกราวกับว่าวันโลกาวินาศมาถึง หัวเข่าของผู้คนไม่น้อยที่ถูกกดลงกับพื้น
“มันมาจากแท่นบูชาของบรรพบุรุษสถานที่ที่มีผู้สูงส่งหลายคนดูแลอยู่!” มีคนพูดด้วยเสียงสั่นเพราะรู้ว่าใครกำลังแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมา
แท่นบูชาบรรพบุรุษสถานที่แห่งนั้นมีความลึกลับอย่างมาก ว่ากันว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าใกล้สถานที่นั้นได้ บุคคลเหล่านี้ล้วนเป็นที่รู้กันดีว่าอายุของพวกเขายังมากกว่าผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนเจิ้งและเซียนอมตะหวังเสียอีก
สิ่งนี้น่ากลัวแค่ไหน? พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากยุคใด?
ในขณะนี้คลื่นพลังโลหิตสามดวงพุ่งออกมาจากสถานที่แห่งนั้นกลายเป็นร่างขนาดยักษ์สามคน พวกเขายืนตระหง่านอยู่ระหว่างสวรรค์และปฐพีความกดดันที่แผ่ออกมาราวกับผู้ยิ่งใหญ่จากอเวจีปรากฏตัวซึ้งทำให้ทุกคนตกตะลึง
พวกเขาแข็งแกร่งมากเกินไปเพียงคนเดียวก็เพียงพอที่จะกวาดล้างผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในเรื่องจักรพรรดิแห่งนี้ทุกคน
จิตใจของสือฮ่าวสั่นคลอนและจากนั้นเขาก็ตกตะลึงอย่างไม่น่าเชื่อเพราะเขาเห็นว่าร่างยักษ์ที่ควบแน่นจากพลังโลหิตนั้นค่อนข้างมีลักษณะคล้ายคลึงกับราชาทั้งเจ็ดแห่งแดนรกร้าง!
“แม้แต่คนอย่างเจ้ายังกล้ากล่าวถึงสายเลือดของคนบาป”เย่ชิงเซียนเยาะเย้ยจากนั้นกล่าวเสริมว่า“การทำให้ผู้ทรงพลังที่สุดในเมืองนี้เกิดความขุ่นเคือง มิหนำซ้ำยังมีถึง 3 คนพวกเจ้านับว่ากล้าหาญไม่น้อย?”
จิ!
ในเวลานี้ร่างกายขนาดใหญ่ทั้งสามที่ควบแน่นจากพลังโลหิตแต่ละคนปล่อยริ้วแสงหลากสีอันศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นเส้นทางสีทองวางอยู่ใต้สือฮ่าว สือยี่ และ และฉินฮ่าว เป็นการแสดงการต้อนรับพวกเขาสู่เมืองจักรพรรดิ์
ตง!
หลายคนตกใจกลัวล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง
“ผู้อาวุโสโปรดระงับความโกรธของท่านเรารู้ว่าเราทำผิดไปแล้ว!” เหงื่อเย็นไหลออกมาจากร่างกายของหวังฉางเหอ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาก้มศีรษะลงและยอมรับความผิด เขามีความหวาดกลัวจริงๆในครั้งนี้
จากนั้นกู่หมิงเต้ารีบตบปากตัวเองจนเกิดเสียงดัง ป๊าบ ป๊าบ! อยู่หลายครั้งพร้อมกับกล่าวว่า “ข้าผิดไปแล้วผู้อาวุโสโปรดเมตตา ข้าไม่สมควรพูดว่าตระกูลหินผาเป็นสายเลือดของคนบาป”
ใบหน้าของคนจากตระกูลจินตระกูลหวังและคนอื่นๆก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวรีบก้มหัวลงด้วยความเคารพและสารภาพความผิดของพวกเขาออกมา
เฉาอวี่เซิ่งมดน้อยสีทองและคนอื่นๆต่างก็มึนงง คนเหล่านี้ล้วนผู้แข็งแกร่งและมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ถูกบังคับให้ก้มศีรษะลงแม้แต่ตบปากตัวเอง นี่มันก็น่าตกใจเกินไป