ตอนที่ 69 - ออกเดินทาง
ตอนที่ 69 - ออกเดินทาง
อีกไม่กี่วันระยะเวลาหนึ่งปีจะสิ้นสุดลง!
ในเวลานั้นผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่ต้องการฝึกฝนตัวเองให้คมกล้าขึ้นใน ชายแดนรกร้าง ถึงเวลาที่ต้องออกเดินทางแล้ว
บรรยากาศหนักหน่วงอย่างมากในช่วงสองสามวันนี้ หลายคนถามตัวเองว่าจะไปหรือไม่เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นและความตายมากเกินไป
หลังจากเข้าสู่สนามรบทุกคนรู้ดีว่าชีวิตของพวกเขามีโอกาส 9 ตาย 1 รอด ไม่ว่าพรสวรรค์ของคนคนนั้นจะยอดเยี่ยมเพียงใดหากพวกเขาโชคร้ายหน่อยจะกลายเป็นดินเหลืองก้อนหนึ่งเท่านั้น!
แน่นอนว่าหากพวกเขาสามารถมีชีวิตรอดจากการต่อสู้นับร้อยครั้งพวกเขาจะผงาดขึ้นกลายเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งยุค!
หลายคนลังเล พวกเขาควรทำอย่างไร?
สือฮ่าวไม่ได้คิดถึงเรื่องเหล่านี้เพราะเขาจะไปที่ชายแดนรกร้างอย่างแน่นอน ตอนนี้เขาทำเพียงสิ่งเดียวคือการฝึกฝนเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง
บนหน้าผาหมอกเซียนฟุ้งกระจายไปในอากาศ เขานั่งบนเสื่อทำสมาธิตรงนี้โดยไม่ขยับเขยื้อนมาหนึ่งเดือนแล้ว
ภายในร่างกายของเขาเหมือนมีเส้นใยจำนวนมากกำลังเคลื่อนไหว พลังเซียนพวกนี้กำลังหยั่งรากขึ้นรอวันเจริญเติบโตกลายเป็นต้นไม้เซียน
นี่เป็นกระบวนการที่น่ายินดีอย่างยิ่ง เมล็ดพันธุ์ที่งอกรากกำลังเติบโตเพียงแค่นั้นมันก็สามารถเพิ่มพลังให้เขาอย่างมากมายมหาศาล
ชั้นของแสงสีทองอ่อนๆ หมุนวนรอบตัวของสือฮ่าวราวกับว่าร่างกายของเขาถูกชุบด้วยทองคำเซียน ไม่ว่าใครก็สามารถบอกได้ว่าเขาแข็งแกร่งขึ้นจากเมื่อ 1 ปีที่แล้วราวก็เป็นคนละคน
เวง!
ภายในร่างกายของสือฮ่าวกระดูกเซียนเริ่มสั่นไหว ทุกคนที่อยู่ภายนอกสามารถรับรู้บางสิ่งได้ ตอนนี้รัศมีพลังที่น่าเกรงขามพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา
จากนั้นเลือดที่เป็นแก่นแท้ของเขาก็เร่าร้อนขึ้นเหมือนเสาควัน พลังชีวิตก็งอกงามขึ้นเรื่อยๆในระดับที่สามารถเห็นได้ว่าเลือดในร่างกายของเขากลายเป็นของเหลวสีทองสดใสสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนอย่างยิ่ง
“เลือดในกายเขากำลังเปลี่ยนเป็นของเหลวสีทอง วิวัฒนาการของระดับชีวิตของเขากำลังเพิ่มขึ้น!” หลายคนตื่นตระหนกมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความริษยา
ไม่มีใครคาดคิดว่าเมื่อพวกเขากำลังออกเดินทางสือฮ่าวจะยังสามารถแข็งแกร่งขึ้นไปได้อีก ความเปลี่ยนแปลงของเขาตลอด 1 ปีที่ผ่านมามีมากเกินไปแล้ว
สือฮ่าวลืมตาขึ้นแสงสองเส้นพุ่งออกมา พวกมันเหมือนกับกระบี่เซียนที่หั่นเข้าใส่ความว่างเปล่า
เมื่อเขาหลุดออกจากสมาธิเลือดในกายเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง แต่มันเป็นประกายเหมือนเพชรสีเลือดสุกใส เขาเป็นเหมือนมังกรที่หลับใหลซึ่งเป็นภาพสะท้อนที่แท้จริงประเภทหนึ่งเมื่อถึงระดับชนชั้นของชีวิตเพิ่มสูงขึ้น
“ข้าหวังว่าการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งที่สุดจะสามารถช่วยให้ข้าทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าทะลุขอบเขตผู้ยิ่งใหญ่นี้ได้ก่อนจะถึงการต่อสู้ครั้งแรก!” สือฮ่าวพูดกับตัวเอง สิ่งนี้ทำให้การแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไป ความเร็วในการบ่มเพราะของเขาเร็วเกินไปจริงๆ
ในที่สุดวันที่ต้องจากไปก็มาถึงแล้วพวกเขาต้องตัดสินใจครั้งสุดท้ายแล้ว
บางทีการอยู่ข้างหลังอาจเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลเพราะการมีชีวิตอยู่จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เรียกว่า 'การมีชีวิต' นี้มีผลในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น หากชายแดนรกร้างถูกทำลายลงหากพวกเขาไม่ได้รับการฝึกฝนและเติบโตอย่างเพียงพอก่อนที่จะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่จะมาถึงพวกเขาก็ยังคงตายดังนั้นทุกอย่างก็จะไร้ความหมาย
ผู้แข็งแกร่งหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อยต่างไม่ลังเลที่จะเดินทางไปชายแดนรกร้างพวกเขาเดินออกมาก่อนที่จะมีคนเรียกเสียอีก สิ่งนี้ทำให้คนอื่นลังเล ถ้าพวกเขาถอนตัวออกไปจะเป็นการยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอแล้ว?
“ถึงเวลาตัดสินใจของพวกเจ้าแล้ว!”
ผู้อาวุโสหลายคนนั่งอยู่บนหน้าผามองเห็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ด้านล่าง วันนี้ทุกคนมาที่นี่ทุกคนต้องออกมาจากการทำสมาธิ
“ข้าต้องการมุ่งหน้าไปยังชายแดนรกร้าง ในฐานะมนุษย์ที่เกิดมาในโลกนี้ข้าจะพลาดการต่อสู้ที่รุ่งโรจน์ที่สุด การต่อสู้ที่ทรงพลังและงดงามที่สุดได้อย่างไร!” มดตัวน้อยสีทองเป็นคนแรกที่ร้องออกมา
มันรู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างมากและยังมีจิตใจปรารถนาที่จะเดินตามรอยเท้าของมดเขาสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ การต่อสู้ในชายแดนรกร้างครั้งนี้คือจุดเริ่มต้นของมัน
“กระดูกของผู้อุทิศตนถูกฝังอยู่ทุกหนทุกแห่งภายใต้เนินเขาสีเขียวเหตุใดจึงต้องสละชีวิตของเราในสนามรบ!” เกาอวี่เซิ่งถอนหายใจลึก ๆ
“อาจารย์ของข้าบอกว่าสักวันหนึ่งข้าจะถูกศัตรูฝังไว้ใต้ดินดูเหมือนว่าเหตุการณ์นั้นกำลังจะมาถึงแล้วในชายแดนรกร้าง”…”
ทุกคนพูดไม่ออกเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขายังไม่ได้ออกไปต่อสู้ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความตายของตัวเองแล้ว? เนื่องจากเขาชัดเจนในเรื่องนี้เขาก็อาจจะไม่ไป
เสียงของเกาอวี่เซิ่งสูงขึ้นดังขึ้นโดยเน้นย้ำว่า“จำไว้ว่าข้าจะไม่รอคอยความตายอยู่ที่นี่! ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปแม้ว่าจะผ่านไปอีกกี่ร้อยปีหากถึงตอนนั้นพวกเจ้าทุกคนยังมีชีวิตอยู่ก็จงมาหาข้าเพื่อดื่มสุรากันสักครั้ง!”
“ข้าก็อยากไปที่ชายแดนรกร้างด้วย!” กระต่ายหยกจันทราดื้อรั้นอย่างยิ่งโดยต้องการค้นหาโอกาสในเทือกเขายาศักดิ์สิทธิ์นอกเขตแดนรกร้างไม่กลัวแม้ว่าจะมีโอกาสตายไม่น้อยก็ตาม
“แม้ว่าพุทธองค์จะทรงเมตตา แต่ก็ต้องปราบปรามสิ่งชั่วร้ายด้วยเช่นกัน!” มหาโสดาฉวีโต้วแสดงท่าทีของเขาอย่างเด็ดเดี่ยว
ราชันย์สิบสมัยไม่พูดอะไรแต่ปราณต่อสู้ที่เขาปลดปล่อยออกมาย่อมแสดงท่าทีได้อย่างชัดเจน
“เส้นทางแห่งความเป็นอมตะจะมีข้าอยู่ในนั้น!” ชิงยี่เดินออกไป
...
ผู้คนปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่กลัวความตาย ความเชื่อมั่นของพวกเขามีแต่จะเพิ่มสูงขึ้น ความคิดที่จะถอยหลังกลับไม่เคยมีในสมอง
จินซานจากสำนักปราชญ์และกลุ่มผู้ติดตามของเขารวมไปถึงหวังซี พวกเขาทั้งหมดกำลังไปที่ชายแดนรกร้างด้วยเช่นกัน
จากนั้นราชันย์สวรรค์น้อยและคนอื่นๆจากสำนักเซียนก็เดินไปข้างหน้า
สือฮ่าวขยับยืนพร้อมกับเฉาอวี่เซิ่งกระต่ายน้อยและคนอื่นๆ ไม่ไกลออกไป ชิงยี่, ฉางกงเอี๋ยน และคนอื่น ๆ ก็เดินตามมาด้วย
มีผู้ตัดสินใจออกเดินทางไปที่ชายแดนรกร้างมากกว่าร้อยห้าสิบคน นี่อาจถือได้ว่าเป็นกลุ่มผู้กล้าหาญวัยเยาว์ที่ทรงพลังที่สุดของเก้าสวรรค์
“พวกเจ้าที่เหลืออย่าเพิ่งตัดสินใจตอนนี้ สามารถรอจนกว่าจะถึงเวลาต่อไป!” ผู้อาวุโสบนหน้าผากล่าวและบอกพวกเขาว่าเนื่องจากพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญเกินร้อยคนจึงไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้อีก
เป็นเพราะนี่เป็นความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่ หากอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของเก้าสวรรค์จากไปทั้งหมดหากสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นความหายนะครั้งใหญ่มาถึงผลที่ตามมาจะเลวร้ายอย่างยิ่ง
“หากพวกเจ้าคิดดีแล้วก็กลับมาที่นี่อีก 1 ปี!” ผู้อาวุโสบนหน้าผาตัดสินใจครั้งนี้เขาเลือกผู้ฝึกฝนเพียงร้อยคน
คนอื่น ๆ สามารถกลับมาได้ภายในหนึ่งปีกลายเป็นบุคคลกลุ่มที่สองที่มุ่งหน้าไปยังชายแดนรกร้าง
ฮ่อง!
ดินแดนโบราณส่องแสงขึ้นแท่นบูชาสีดำถูกเปิดใช้งาน ผู้ที่ได้รับเลือกก็ติดตามผู้อาวุโสขึ้นไป มีสัญลักษณ์เวทย์มนต์มากมายที่แสดงให้เห็นถึงเต๋าอันยิ่งใหญ่หลายประเภท
“ปลายทาง: แดนรกร้าง!”
ริ้วแสงบินออกมาทีละเส้นราวกับว่าท้องฟ้ากำลังแยกออก ความว่างเปล่าที่นี่พังทลายกลายเป็นอุโมงค์ยักษ์ที่นำไปสู่สถานที่ลึกลับที่ไม่รู้จัก
"ไป!"
หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็หายตัวไปและออกจากสวรรค์ไร้ขอบเขต
นี่คือป่าดึกดำบรรพ์ซึ่งมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล สถานที่แห่งนี้มักจะเงียบสงบมีเพียงบางครั้งเท่านั้นที่จะมีเสียงคร่ำครวญของวิญญาณร้ายที่เป็นอันตรายต่อผู้ฝึกตน
จิ!
กลุ่มคนมากกว่าร้อยคนก็ปรากฏตัวขึ้นในป่าโบราณอันป่าเถื่อนแห่งนี้
ชายแดนรกร้างพวกเขามาถึงแล้ว!
นี่เป็นสถานที่ลึกลับนอกชายแดนสามพันแคว้น ปกติไม่มีใครกล้าเข้ามาในสถานที่นี้
อ่าว ...
ทันใดนั้นเสียงโหยหวนที่โศกเศร้าก็ดังขึ้นข้างหูของทุกคน ในระยะไกลตัวประหลาดที่สวมผิวหนังของมนุษย์ไว้ด้านในกำลังพุ่งมาทางนี้
“นี่มันตัวอะไรกัน?”
"ไป!" ผู้อาวุโสที่คุ้มครองพวกเขาตะโกน ฝ่ามือของเขาส่องแสงสีเงินกระจกทองแดงปรากฏขึ้นปลดปล่อยแก่นแท้เปลวไฟแห่งอาทิตย์มีพลังหยางเฟื่องฟูจนถึงขีดสุดโจมตีใส่ตัวประหลาดนั้น
ตัวประหลาดที่สวมผิวของมนุษย์ชุดนั้นเริ่มสั่นไหวไปมาจากนั้นล่องลอยกลับไปในเทือกเขาอันห่างไกล
“มีหลายสิ่งที่หลงเหลือจากการต่อสู้ในอดีตที่ผ่านมา นั่นคือผิวหนังของผู้อมตะคนหนึ่งที่เสียชีวิตจากการต่อสู้” ผู้อาวุโสอธิบาย
สือฮ่าวรู้ดีว่าพื้นที่กว้างใหญ่ที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่นี้มีสิ่งที่ไม่เป็นมงคลมากมายแม่น้อย หากพวกเขามุ่งไปข้างหน้าด้วยความประมาทอาจจะมีอันตรายถึงชีวิตได้อย่างง่ายๆ
"หยุด!"
ทันใดนั้นผู้อาวุโสคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง เป็นเพราะมีบึงสีแดงขวางอยู่ข้างหน้าคลื่นหมอกลอยขึ้นมารัศมีอันน่ากลัวแผ่ออกมาจากมัน
“ผู้อมตะบางคนเสียชีวิตที่นี่โลหิตของเขาไหลมารวมกันกลายเป็นบึงมรณะแห่งนี้ หากเจ้าเข้าไปอีกก้าวเดียวทุกคนจะตายทันที!”
เมื่อพวกเขาได้ยินคำอธิบายนี้ทุกคนรู้สึกว่าหนังศีรษะของพวกกลายเป็นชาด้านขนทุกเส้นลุกชี้ชัน หากไม่มีใครเตือนพวกเขาที่นี่คงสูญเสียมากกว่าครึ่ง?
สือฮ่าวถอนหายใจเบาๆ ในตอนนั้นเหตุผลที่พวกเขาสามารถไปถึงเมืองจักรพรรดิ์ได้นั้นเป็นเพราะพวกเขาใช้เส้นทางโบราณที่ปลอดภัย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีผู้เสียชีวิตมากมาย
มีบางคนที่ไม่เข้าใจผู้อาวุโสว่าทำไมพวกเขาไม่สามารถปรากฏตัวต่อหน้าเมืองจักรพรรดิ์ได้โดยตรง มีปัญหากับค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่หรือไม่?
“เราเพียงให้พวกเจ้าทุกคนได้สัมผัสกับความน่ากลัวของภูมิประเทศที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่นี้ ความประมาทเพียงครู่เดียวต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตระดับผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังต้องร่วงหล่นลง” ผู้อาวุโสกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ ไม่มีคำอธิบายใดจะดีไปกว่าประสบการณ์จริงที่เห็นด้วยตนเอง
พวกเขาทำสิ่งนี้โดยเจตนาเพื่อให้ทุกคนรู้สึกได้ว่าชายแดนรกร้างเป็นสถานที่แบบไหนกันแน่
“ ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่นี้ยังไม่ได้อันตรายที่สุดเพราะเส้นทางนี้ตั้งอยู่ทางเมืองจักรพรรดิปกป้องซึ่งเป็นของดินแดนของเรา เมื่อออกจากเมืองจักรพรรดินั่นจึงเป็นพื้นที่ที่น่ากลัวอย่างแท้จริง.
ทุกคนเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร อุปสรรคมากมายที่ขัดขวางอยู่ตามรายทางก็เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูบุกเข้าไปถึงเมืองจักรพรรดิ์ได้อย่างง่ายๆ!
หลังจากเดินบนเส้นทางโบราณตามที่คาดไว้มันปลอดภัยกว่ามาก ถึงแม้จะมีเรื่องไม่คาดคิด แต่พวกเขาก็ผ่านความกลัวและความเจ็บปวดมาได้
"อยู่ที่นี่แล้ว!" ผู้อาวุโสกล่าว
ความกดดันที่ยิ่งใหญ่และเยือกเย็นหลั่งไหลมาจากระยะไกลทำให้ทุกมีความรู้สึกอย่างกับกำลังจมน้ำตาย
ที่เส้นขอบฟ้าเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ที่เชื่อมต่อสวรรค์และปฐพีเป็นเส้นทางที่ทอดจากท้องฟ้าเบื้องบนสู่โลกเบื้องล่าง
ทุกคนเริ่มมึนงง หลังจากตั้งสมาธิและสังเกตอย่างรอบคอบใบหน้าของพวกเขาก็เผยให้เห็นถึงความตกใจ ท้องฟ้าสีเทาอันกว้างใหญ่และไร้ขอบเขตแท้จริงแล้วคือเมืองนั่นเอง!
หลายคนไม่เคยเห็นสถานที่แห่งนี้มาก่อนอดไม่ได้ที่จะตัวแข็งเป็นหิน จะมีเมืองใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร?
มันมีขนาดใหญ่อย่างไม่อาจจินตนาการถึงเหมือนเป็นเส้นทางที่เชื่อมตั้งแต่สวรรค์ชั้นฟ้าลงมาถึงพื้นดินเบื้องล่าง ที่นี่ไม่เหมือนเมืองแม้แต่น้อยแต่เหมือนพื้นที่กว้างใหญ่ของจักรวาลโบราณ
“ลาก่อนสามพันแคว้นหมู่บ้านหินผา!” นี่เป็นครั้งที่สองที่สือฮ่าวมาที่นี่ดังนั้นเขาจึงไม่ตกใจเท่ากับผู้ฝึกฝนรุ่นเยาว์คนอื่นๆจากเก้าสวรรค์ด้านบน เขาหันกลับไปมองไปในทิศทางอื่น
หลังจากออกมาจากที่นั่นเขาอาจจะไม่สามารถกลับไปได้อีก พ่อแม่ ปู่คนที่เขารักทุกคนที่มาจากหมู่บ้านหินผาเช่นเดียวกับฮั่วหลิงเอ๋อ พวกเขาจะได้พบกันอีกหรือไม่?
“ข้าอยากเจอพวกเขาก่อนจากไปจริงๆ!” สือฮ่าวพูดกับตัวเอง ตอนนี้อารมณ์ของเขาอ่อนไหวอย่างยิ่ง จมูกของเขาเริ่มมีรสเปรี้ยวเล็กน้อย
หลังจากที่เขาออกไปจากที่นี่พวกเขาจะถูกแยกออกจากกันถึงครึ่งโลก เมื่อย้อนกลับมาคนเหล่านั้นจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
“ทุกคนสบายดีไหม” ตอนนี้เขาอยู่ในส่วนลึกของพื้นที่ไร้ผู้คนของสามพันแคว้นก็จริงแต่เขาก็ไม่สามารถออกไปได้