ตอนที่ 67 - คัมภีร์อมตะ
ตอนที่ 67 - คัมภีร์อมตะ
คัมภีร์อมตะเล่มนี้เป็นสิ่งหายากและล้ำค่าเพียงใด?!
หลังจากสิ้นสุดสงครามเซียนโบราณสิ่งมีชีวิตระดับผู้อมตะได้ถูกกวาดล้างไปหมดสิ้นจากโลกใบนี้แล้ว คัมภีร์วิชาฝีมือของพวกเขาหากไม่ถูกฝ่ายตรงข้ามยึดไปก็สูญหายไปตามกาลเวลาจนหมดสิ้น
นั่นคือสาเหตุที่การปรากฏตัวของคัมภีร์อมตะเล่มนี้สร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ในทันที!
สือฮ่าวนั่งลงที่นั่นเพื่อศึกษาเต๋าอันยิ่งใหญ่เขารู้สึกตื้นตันใจในทันที ในตอนนั้นเองคลื่นปราณเซียนแผ่กระจายออกมาจากร่างกายของสือฮ่าวสามระลอกทำให้ดอกไม้เต๋าทั้งสามดอกผุดขึ้นด้านบนศีรษะของเขา มันปรากฏออกมาจากร่างกายของเขาด้วยตัวของมันเอง
จากนั้นดอกไม้เต๋าทั้งสามก็ปลดปล่อยหมอกจางๆเข้าสู่ร่างกายของสือฮ่าวหลายครั้ง พวกมันรวมตัวกันเพื่อชำระล้างร่างกายของเขา!
คัมภีร์อมตะเริ่มเคลื่อนไหวชะล้างเส้นเลือดของเขาอย่างช้าๆ นี่เป็นความโชคดีโดยบังเอิญทำให้เขาได้รับผลประโยชน์เป็นพิเศษ
และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น!
ทุกคนสามารถเห็นได้ว่าคัมภีร์เล่มนั้นทำให้โลกตกตะลึงเพียงใด
มังกรที่แท้จริงปรากฏขึ้นเกล็ดมีสีเงินคล้ายโลหะ มันอ้าปากกลืนดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เมื่อร่างกายของมันเคลื่อนไหวแม่น้ำแห่งดวงดาวก็ต้องแตกสลาย จากนั้นหงส์เพลิงอมตะก็กู่ร้องเพลิงอันร้อนแรงเอ่อล้นออกมาแผดเผาทั่วทั้งท้องฟ้า ทำให้เหล่าทวยเทพต่างหวาดกลัว
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีแสงศักดิ์สิทธิ์จากสวรรค์จำนวนมากพุ่งมาโอบล้อมสือฮ่าวขณะที่มันเคลื่อนไหวชะล้างกายเนื้อของเขาทำให้มันแข็งแกร่งมากขึ้นและมุ่งหน้าไปสู่ความสมบูรณ์แบบ!
ฉากเซียนนับร้อยปกคลุมท้องฟ้าส่งสัญญาณมงคลทำให้ทั่วทั้งโลกตกตะลึง!
หลายคนเริ่มมึนงง คัมภีร์นี้ท้าทายสวรรค์เพียงใด? หากพวกเขาสามารถอ่านคัมภีร์นี้ได้พวกเขาจะได้รับประโยชน์ไม่รู้จบแน่นอน พวกเขาต้องการที่จะช่วงชิงมันมาเป็นของตัวเอง
“เป็นคัมภีร์ที่น่าเกรงขามจริงๆ สิ่งนี้ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังโดยผู้แข็งแกร่งแห่งเซียนโบราณมันคือเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟที่ตกทอดมาให้คนรุ่นหลัง!” บนหน้าผาผู้อาวุโสคนเดิมถอนหายใจเบา ๆ
พวกเขาเป็นคนที่อยู่บนจุดสูงสุดของเก้าสวรรค์ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเห็นความหมายที่แท้จริงของเต๋าอันยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นหัวใจของคัมภีร์นี้ได้จากการมองเพียงครั้งเดียวว่ามันซ่อนความสามารถของเทพเจ้าที่ไม่มีใครเทียบ เป็นคัมภีร์ล้ำค่าที่ไม่อาจประเมินค่าได้
บนยอดเขาอื่น ๆ คนหนุ่มสาวหลายคนที่รู้สึกงุนงงพวกเขาทั้งหมดเผยให้เห็นสีหน้าที่แปลกประหลาด คัมภีร์หยกเล่มนี้ที่หลงเหลือมาจากอดีตไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมถึงขนาดนี้
ดวงตาของบางคนวูบไหวด้วยความโลภ เป็นเพราะนี่เป็นคัมภีร์จากสวรรค์หากพวกเขาได้ศึกษามันจะส่งผลต่อชีวิตในอนาคตทั้งหมด ทำให้ตระกูลของพวกเขารุ่งเรืองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หากพวกเขาได้รับคัมภีร์นี้พวกเขาจะสามารถสร้างตระกูลที่ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยมรดกนี้ตระกูลของพวกเขาจะพัฒนาไปหลายชั่วอายุคน
อย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนพวกนั้นแม้กระทั่ง หลานเซียน, ฉวีโต้ว และคนอื่นๆก็ยังถูกคัมภีร์เล่มนั้นดึงดูดใจ
ดวงตาของราชันย์สวรรค์น้อยดูน่ากลัวอย่างยิ่งสัญลักษณ์ลึกลับบางอย่างปรากฏอยู่ภายในนั้น เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะเพ่งสายตาอ่านคัมภีร์เล่มนั้นให้ได้ เขาฝึกฝนตามวิถีเซียนโบราณคัมภีร์เล่มนั้นจะมีประโยชน์อย่างมากหากได้ศึกษามัน?
ทุกคนทราบกันดีว่าในบรรดาคนรุ่นใหม่ไม่มีผู้ใดจะเคยศึกษาตำราล้ำค่าของเซียนโบราณมากไปกว่าเขาอีกแล้ว
อย่างไรก็ตามต่อให้เขาเคยศึกษาตำราโบราณมามากมายแค่ไหน ก็ไม่มีเล่มใดที่มีค่าเทียบเท่าคัมภีร์เล่มนี้
ในทันใดนั้นดวงตาที่ลุกโชนจำนวนมากก็เพ่งมองมาที่ร่างของสือฮ่าว ดวงตาทุกคู่มีความริษยาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและปรารถนาเข้ามาแทนที่เขาเป็นคนที่ได้ศึกษาคัมภีร์อมตะเล่มนี้
ถึงจะอยากครอบครองมันมากแค่ไหน แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาทำได้แค่จ้องมองเท่านั้น
ถึงนี่จะเป็นเพียงเนื้อหาส่วนแรกของคัมภีร์แต่มันก็ได้ชะล้างของเสียในร่างกายเขาและหล่อเลี้ยงเลือดเนื้อขึ้นมาใหม่ด้วยความแข็งแกร่งอย่างคาดไม่ถึง
ถึงจะเป็นคัมภีร์สำหรับฝึกฝนในเส้นทางเซียนโบราณ แต่ผู้ที่ฝึกฝนในเส้นทางของโลกปัจจุบันก็ยังมีความปรารถนาต่อมันไม่น้อย หากพวกเขาได้รับคัมภีร์นี้พวกเขาอาจสามารถปรับแต่งร่างกายจนถึงขั้นกลายเป็นผู้อมตะที่แท้จริง
ตอนนี้ ซีกู้และคนอื่นๆ ต่างก็ดูไม่สงบนิ่งเหมือนปกติ
ยิ่งไปกว่านั้นแม้กระทั่งกับความภาคภูมิใจแห่งสวรรค์จินซาน ก็ยังใช้ญาณวิเศษอันยิ่งใหญ่เพ่งมองไปที่คัมภีร์เล่มนั้นหวังทำความเข้าใจเนื้อหาให้ได้
แต่ทันใดนั้นไอสังหารอันแรงกล้าก็มุ่งหมายมาที่เขา
จินซานได้แต่หยุดการกระทำทั้งหมด เขาดึงสายตากลับมาไม่มองไปทางนั้นอีก แต่ทุกคนล้วนทราบว่าเขามีความปรารถนาต่อคัมภีร์เล่มนั้นอย่างรุนแรงหากมีโอกาสเขาต้องชิงมันมาแน่!
แม้แต่คนที่เดินตามวิถีฝึกฝนของโลกปัจจุบันก็ยังเป็นถึงขนาดนี้ไม่ต้องกล่าวถึงผู้ที่ฝึกฝนวิถีเซียนโบราณ!
ตอนนี้หวังซี, องค์หญิงเหยาเยว่, ลั่วเต้า ทุกคนต่างก็นิ่งเงียบเฝ้าดูสือฮ่าวอย่างใจจดใจจ่อ
สือฮ่าวลืมตาขึ้นและกล่าวว่า“อย่าบอกนะว่าตระกูลอมตะไม่มีคัมภีร์จากยุคเซียนโบราณ? ยกตัวอย่างเช่นตระกูลหวังหากพวกเจ้าอยากศึกษาคัมภีร์เล่มนี้พวกเจ้าสามารถแลกเปลี่ยนมันกับวิชาสยบความวุ่นวายก็ได้ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะทำเช่นนั้น”
ชุดยาวของหวังซีลากไปบนพื้นนางยืนอยู่บนยอดเขาที่เต็มไปด้วยหมอกเซียนสีขาว รูปร่างของนางสูงสง่างดงามเส้นผมมันวาวพริ้วไปกับสายลม เมื่อนางได้ยินคำพูดนี้ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที
ยอดเขาแห่งนี้ถูกครอบครองโดยจินซานตอนนี้เขาเผยรอยยิ้มจางๆ และกว่าวขึ้น“ตระกูลของข้ามีคัมภีร์โบราณอยู่จำนวนหนึ่เราจะแลกเปลี่ยนกันศึกษาได้ไหม”
สือฮ่าวพยักหน้าและกล่าวว่า“หลายวันก่อนข้าได้พบกับจินไท่จุนแม้ว่านางจะเป็นบุคคลที่มีความอาวุโสสูงสุดคนหนึ่งในโลกปัจจุบัน แต่จิตใจของนางยังคงเฉียบแหลมมองการณ์ไกลเสมอ ข้าค่อนข้างสนใจในวิชาลับที่นางใช้ในการปรับแต่งเส้นเอ็นและกระดูก ถ้าตระกูลจินสนใจพวกเราสามารถแลกเปลี่ยนกันผ่านสำนักเทพสวรรค์ได้!”
สายฟ้าแลบสองสายพุ่งออกมาจากดวงตาของจินซาน ความว่างเปล่าที่อยู่ตรงหน้าเขาถึงกับแยกออกไอสังหารปกคลุมไปทั่วร่างกายเขา
ทุกคนรู้ดีว่าต้นกำเนิดของตระกูลจินนั้นน่าอัศจรรย์อย่างยิ่งพวกเขาเป็นตระกูลเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ยุคเซียนโบราณ
ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลจินค่อนข้างพิเศษตรงที่คัมภีร์ประจำตระกูลของพวกเขา เน้นการฝึกฝนเส้นเอ็นและกระดูกให้มีความแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ
ถึงขนาดมีคำกล่าวว่าตำรากระดูกที่ใช้ฝึกฝนในโลกปัจจุบันทั้งหมดล้วนแต่มีต้นกำเนิดมาจากณาญวิเศษของตระกูลจิน
แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถตรวจสอบว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่เพราะว่าไม่มีผู้ใดสามารถอ่านคัมภีร์ประจำตระกูลของพวกเขาได้!
หลายคนต่างคาดเดาว่าสาเหตุที่ตระกูลจินซึ่งเป็นตระกูลอมตะสืบทอดมาตั้งแต่ยุคเซียนโบราณแต่กลับเลือกบ่มเพาะในวิถีของยุคปัจจุบัน แทนที่จะฝึกฝนวิชาเซียนก็เป็นเพราะมรดกตกทอดของพวกเขามีความโดดเด่นใกล้เคียงกับวิธีการฝึกฝนในโลกปัจจุบันมากกว่า
แม้ว่าหลายๆคนปรารถนาที่จะแย่งชิงคัมภีร์อมตะเล่มนี้ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าลงมือทำ ผู้ใดเล่าในโลกที่ไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งและโหดเหี้ยมของสือฮ่าว!
ต่อให้พวกเขารายงานเรื่องนี้ให้ผู้อาวุโสในตระกูลทราบก็ไม่มีความหมาย ตราบใดที่ผู้อาวุโสที่นั่งอยู่บนหน้าผาคนนั้นยังอยู่ที่นี่?ผู้ใดกล้าสร้างปัญหาจะต้องถูกจัดการอย่างโหดเหี้ยมแน่นอน!
สือฮ่าวพยายามอ่านทุกตัวอักษรอย่างรอบคอบ มุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจข้อความพวกนั้น นี่เป็นวิชาโบราณสมบูรณ์แบบมากเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการถึง ในตอนแรกเขาไม่ได้ตั้งความหวังว่าคัมภีร์เล่มนี้จะมีประโยชน์ต่อตัวเขามากนัก
ในอดีตเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะอ่านสิ่งนี้เพราะเขายังไปไม่ถึงขั้นธรรมปลอมจึงยังไม่สามารถเปิดคัมภีร์นี้ได้ มีพลังลึกลับบางอย่างปิดผนึกมันไว้
นี่เป็นคัมภีร์มหัศจรรย์ของเซียนโบราณอย่างแน่นอน ผู้ที่อยู่ในอาณาจักรการบ่มเพาะที่ต่ำกว่ากำหนดไม่สามารถมองเห็นเนื้อหาของมันได้
หลังจากอ่านส่วนแรกของคัมภีร์แล้ว สือฮ่าวก็ถอนหายใจเบาๆ ตามที่บันทึกไว้การเปิดคัมภีร์เล่มนี้ด้วยตัวเองเท่านั้นจึงจะถือว่าไปถึงจุดเริ่มต้นซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการปลุกคัมภีร์เล่มนี้ให้ตื่นขึ้น
เนื้อหาในส่วนของอาณาจักรธรรมปลอมสามารถอ่านได้ไม่มากนัก!
หากต้องการอ่านเนื้อหาในส่วนถัดไป ต้องมีพลังอยู่ในขั้นผู้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปเท่านั้น
อย่างไรก็ตามด้วยตำราเล่มนี้การฝึกฝนจนถึงอาณาจักรแห่งความเป็นอมตะก็ไม่ใช่ความฝันลอยๆอีกต่อไป เพราะเส้นทางมันถูกเขียนไว้ในคัมภีร์นี้ว่าผู้ฝึกฝนต้องสร้างรากฐาน โดยให้แสงสว่างแก่เมล็ดพันธุ์ไฟศักดิ์สิทธิ์จนเพียงพอเสียก่อน
คนที่จะฝึกคัมภีร์เล่มนี้ต้องมีทรัพยากรอย่างมากมายมหาศาลเท่านั้น
ในขณะเดียวกันเมล็ดพันธุ์ไฟศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่าเป็นเส้นทางที่จะนำไปสู่การเป็นเซียนเป็นสิ่งที่ผู้มีพรสวรรค์ทุกคนสามารถฝึกฝนได้!
ยิ่งไปกว่านั้นคัมภีร์เล่มนี้ยังบ่งบอกอย่างละเอียดถึงวิธีฝึกฝนจนกระทั่งสามารถบรรลุสู่ความเป็นอมตะ
ต้องเข้าใจว่าแม้แต่ในยุคเซียนโบราณก็ไม่ได้มีผู้อมตะมากนักดังนั้นคัมภีร์เล่มนี้ความล้ำค่าของมันจึงมากมายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!
สือฮ่าวอ่านทุกอย่างอย่างละเอียด เขาต้องขอบคุณสำนักเทพสวรรค์จริงๆสำหรับการสอนให้เขารู้จักอักขระเซียนโบราณ มิฉะนั้นจะไม่มีทางทำให้เขาได้ศึกษาคัมภีร์นี้เลย
เสียงสวดลึกลับดังก้องบนยอดเขาแห่งนี้อยู่ตลอดเวลา สือฮ่าวไม่ได้ทำอย่างอื่นเขาหมกมุ่นอยู่กับคัมภีร์เล่มนี้ไปหลายวัน
อาจกล่าวได้ว่านี่คือโลกใหม่อย่างแท้จริง คัมภีร์นี้สอนสิ่งที่แตกต่างจากวิธีการฝึกฝนของโลกปัจจุบันโดยสิ้นเชิง!
ในอดีตแม้ว่าเขาจะเดินตามวิธีการฝึกฝนโบราณ แต่ก็ล้วนเป็นสิ่งที่เขาคลำหาด้วยตัวเองเท่านั้นทั้งการบ่มเพาะพลังเซียนสามเส้นและสิ่งอื่นๆ มีเพียงวันนี้เท่านั้นที่เขาเห็นเส้นทางทั้งหมดอย่างแท้จริง
“ข้าโชคดีจริงๆที่ได้อ่านคัมภีร์นี้หากเพียงคลำหาเส้นทางด้วยตัวเองต่อไป คิดว่าชาตินี้คงไม่มีวันที่จะไปถึงอาณาจักรเซียนได้!” หลังจากที่สือฮ่าวได้อ่านคัมภีร์ส่วนแรกเขาก็ตกตะลึงในใจ
พวกเขาทุกคนกล่าวว่าผู้แข็งแกร่งล้วนมีเต๋าเป็นของตัวเอง สร้างด้วยวิธีการของตัวเอง แต่การจะค้นหาวิธีเพื่อรู้แจ้งนั้นเป็นไปอย่างยากลำบากการค้นพบคัมภีร์เล่มนี้สามารถทุ่นแรงให้เขาไม่น้อย
เขามีพลังเซียนอยู่แล้วและสร้างมันขึ้นด้วยตัวเขาเอง เขาใช้ตัวเองเป็นเมล็ดพันธุ์ซึ่งก็นับว่าครบองค์ประกอบที่คัมภีร์ได้กล่าวไว้
“เนื่องจากข้ามีเมล็ดพันธุ์แล้วก็ต้องทำให้มันแตกหน่อตามธรรมชาติยังไม่ต้องรีบคิดถึงขั้นตอนการออกผล!” สือฮ่าวพยักหน้าพัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของตัวอักษรในคัมภีร์
รากฐานของสือฮ่าวนั้นลึกซึ้งอย่างมาก เขาได้ฝึกฝนพลังเซียสามเส้นมานานแล้วยิ่งกว่านั้นการใช้ร่างกายเป็นเมล็ดพันธุ์ทำให้เกิดโชคชะตาแห่งเซียนมากมาย จากนี้ไปก็ถึงเวลาเริ่มงานสำคัญ!
ด้วยเหตุนี้เขาจึงปฏิบัติทุกอย่างตามที่คัมภีร์ได้กล่าวไว้ ร่างกายของเขาปลดปล่อยแสงสว่างขึ้นทันที หมอกเซียนพุ่งพล่านทำให้เขาดูศักดิ์สิทธิ์อย่างหาที่เปรียบมิได้
รูขุมขนทั้งหมดของเขาผ่อนคลายกระดูกร้อยชิ้นสั่นสะเทือนเป็นท่วงทำนองสงคราม ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว!
มีคนเห็นว่าร่างกายของเขากำลังเปลี่ยนไปทีละนิ้ว เสียงสวดแพร่กระจายออกไปทั่วขุนเขานี่คือพิธีชำระล้างที่เปลี่ยนร่างกายจากมนุษย์ให้กลายเป็นเซียน!
คัมภีร์อมตะเล่มนี้เป็นสิ่งหายากและล้ำค่าเพียงใด?!
หลังจากสิ้นสุดสงครามเซียนโบราณสิ่งมีชีวิตระดับผู้อมตะได้ถูกกวาดล้างไปหมดสิ้นจากโลกใบนี้แล้ว คัมภีร์วิชาฝีมือของพวกเขาหากไม่ถูกฝ่ายตรงข้ามยึดไปก็สูญหายไปตามกาลเวลาจนหมดสิ้น
นั่นคือสาเหตุที่การปรากฏตัวของคัมภีร์อมตะเล่มนี้สร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ในทันที!
สือฮ่าวนั่งลงที่นั่นเพื่อศึกษาเต๋าอันยิ่งใหญ่เขารู้สึกตื้นตันใจในทันที ในตอนนั้นเองคลื่นปราณเซียนแผ่กระจายออกมาจากร่างกายของสือฮ่าวสามระลอกทำให้ดอกไม้เต๋าทั้งสามดอกผุดขึ้นด้านบนศีรษะของเขา มันปรากฏออกมาจากร่างกายของเขาด้วยตัวของมันเอง
จากนั้นดอกไม้เต๋าทั้งสามก็ปลดปล่อยหมอกจางๆเข้าสู่ร่างกายของสือฮ่าวหลายครั้ง พวกมันรวมตัวกันเพื่อชำระล้างร่างกายของเขา!
คัมภีร์อมตะเริ่มเคลื่อนไหวชะล้างเส้นเลือดของเขาอย่างช้าๆ นี่เป็นความโชคดีโดยบังเอิญทำให้เขาได้รับผลประโยชน์เป็นพิเศษ
และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น!
ทุกคนสามารถเห็นได้ว่าคัมภีร์เล่มนั้นทำให้โลกตกตะลึงเพียงใด
มังกรที่แท้จริงปรากฏขึ้นเกล็ดมีสีเงินคล้ายโลหะ มันอ้าปากกลืนดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เมื่อร่างกายของมันเคลื่อนไหวแม่น้ำแห่งดวงดาวก็ต้องแตกสลาย จากนั้นหงส์เพลิงอมตะก็กู่ร้องเพลิงอันร้อนแรงเอ่อล้นออกมาแผดเผาทั่วทั้งท้องฟ้า ทำให้เหล่าทวยเทพต่างหวาดกลัว
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีแสงศักดิ์สิทธิ์จากสวรรค์จำนวนมากพุ่งมาโอบล้อมสือฮ่าวขณะที่มันเคลื่อนไหวชะล้างกายเนื้อของเขาทำให้มันแข็งแกร่งมากขึ้นและมุ่งหน้าไปสู่ความสมบูรณ์แบบ!
ฉากเซียนนับร้อยปกคลุมท้องฟ้าส่งสัญญาณมงคลทำให้ทั่วทั้งโลกตกตะลึง!
หลายคนเริ่มมึนงง คัมภีร์นี้ท้าทายสวรรค์เพียงใด? หากพวกเขาสามารถอ่านคัมภีร์นี้ได้พวกเขาจะได้รับประโยชน์ไม่รู้จบแน่นอน พวกเขาต้องการที่จะช่วงชิงมันมาเป็นของตัวเอง
“เป็นคัมภีร์ที่น่าเกรงขามจริงๆ สิ่งนี้ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังโดยผู้แข็งแกร่งแห่งเซียนโบราณมันคือเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟที่ตกทอดมาให้คนรุ่นหลัง!” บนหน้าผาผู้อาวุโสคนเดิมถอนหายใจเบา ๆ
พวกเขาเป็นคนที่อยู่บนจุดสูงสุดของเก้าสวรรค์ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเห็นความหมายที่แท้จริงของเต๋าอันยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นหัวใจของคัมภีร์นี้ได้จากการมองเพียงครั้งเดียวว่ามันซ่อนความสามารถของเทพเจ้าที่ไม่มีใครเทียบ เป็นคัมภีร์ล้ำค่าที่ไม่อาจประเมินค่าได้
บนยอดเขาอื่น ๆ คนหนุ่มสาวหลายคนที่รู้สึกงุนงงพวกเขาทั้งหมดเผยให้เห็นสีหน้าที่แปลกประหลาด คัมภีร์หยกเล่มนี้ที่หลงเหลือมาจากอดีตไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมถึงขนาดนี้
ดวงตาของบางคนวูบไหวด้วยความโลภ เป็นเพราะนี่เป็นคัมภีร์จากสวรรค์หากพวกเขาได้ศึกษามันจะส่งผลต่อชีวิตในอนาคตทั้งหมด ทำให้ตระกูลของพวกเขารุ่งเรืองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หากพวกเขาได้รับคัมภีร์นี้พวกเขาจะสามารถสร้างตระกูลที่ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยมรดกนี้ตระกูลของพวกเขาจะพัฒนาไปหลายชั่วอายุคน
อย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนพวกนั้นแม้กระทั่ง หลานเซียน, ฉวีโต้ว และคนอื่นๆก็ยังถูกคัมภีร์เล่มนั้นดึงดูดใจ
ดวงตาของราชันย์สวรรค์น้อยดูน่ากลัวอย่างยิ่งสัญลักษณ์ลึกลับบางอย่างปรากฏอยู่ภายในนั้น เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะเพ่งสายตาอ่านคัมภีร์เล่มนั้นให้ได้ เขาฝึกฝนตามวิถีเซียนโบราณคัมภีร์เล่มนั้นจะมีประโยชน์อย่างมากหากได้ศึกษามัน?
ทุกคนทราบกันดีว่าในบรรดาคนรุ่นใหม่ไม่มีผู้ใดจะเคยศึกษาตำราล้ำค่าของเซียนโบราณมากไปกว่าเขาอีกแล้ว
อย่างไรก็ตามต่อให้เขาเคยศึกษาตำราโบราณมามากมายแค่ไหน ก็ไม่มีเล่มใดที่มีค่าเทียบเท่าคัมภีร์เล่มนี้
ในทันใดนั้นดวงตาที่ลุกโชนจำนวนมากก็เพ่งมองมาที่ร่างของสือฮ่าว ดวงตาทุกคู่มีความริษยาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและปรารถนาเข้ามาแทนที่เขาเป็นคนที่ได้ศึกษาคัมภีร์อมตะเล่มนี้
ถึงจะอยากครอบครองมันมากแค่ไหน แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาทำได้แค่จ้องมองเท่านั้น
ถึงนี่จะเป็นเพียงเนื้อหาส่วนแรกของคัมภีร์แต่มันก็ได้ชะล้างของเสียในร่างกายเขาและหล่อเลี้ยงเลือดเนื้อขึ้นมาใหม่ด้วยความแข็งแกร่งอย่างคาดไม่ถึง
ถึงจะเป็นคัมภีร์สำหรับฝึกฝนในเส้นทางเซียนโบราณ แต่ผู้ที่ฝึกฝนในเส้นทางของโลกปัจจุบันก็ยังมีความปรารถนาต่อมันไม่น้อย หากพวกเขาได้รับคัมภีร์นี้พวกเขาอาจสามารถปรับแต่งร่างกายจนถึงขั้นกลายเป็นผู้อมตะที่แท้จริง
ตอนนี้ ซีกู้และคนอื่นๆ ต่างก็ดูไม่สงบนิ่งเหมือนปกติ
ยิ่งไปกว่านั้นแม้กระทั่งกับความภาคภูมิใจแห่งสวรรค์จินซาน ก็ยังใช้ญาณวิเศษอันยิ่งใหญ่เพ่งมองไปที่คัมภีร์เล่มนั้นหวังทำความเข้าใจเนื้อหาให้ได้
แต่ทันใดนั้นไอสังหารอันแรงกล้าก็มุ่งหมายมาที่เขา
จินซานได้แต่หยุดการกระทำทั้งหมด เขาดึงสายตากลับมาไม่มองไปทางนั้นอีก แต่ทุกคนล้วนทราบว่าเขามีความปรารถนาต่อคัมภีร์เล่มนั้นอย่างรุนแรงหากมีโอกาสเขาต้องชิงมันมาแน่!
แม้แต่คนที่เดินตามวิถีฝึกฝนของโลกปัจจุบันก็ยังเป็นถึงขนาดนี้ไม่ต้องกล่าวถึงผู้ที่ฝึกฝนวิถีเซียนโบราณ!
ตอนนี้หวังซี, องค์หญิงเหยาเยว่, ลั่วเต้า ทุกคนต่างก็นิ่งเงียบเฝ้าดูสือฮ่าวอย่างใจจดใจจ่อ
สือฮ่าวลืมตาขึ้นและกล่าวว่า“อย่าบอกนะว่าตระกูลอมตะไม่มีคัมภีร์จากยุคเซียนโบราณ? ยกตัวอย่างเช่นตระกูลหวังหากพวกเจ้าอยากศึกษาคัมภีร์เล่มนี้พวกเจ้าสามารถแลกเปลี่ยนมันกับวิชาสยบความวุ่นวายก็ได้ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะทำเช่นนั้น”
ชุดยาวของหวังซีลากไปบนพื้นนางยืนอยู่บนยอดเขาที่เต็มไปด้วยหมอกเซียนสีขาว รูปร่างของนางสูงสง่างดงามเส้นผมมันวาวพริ้วไปกับสายลม เมื่อนางได้ยินคำพูดนี้ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที
ยอดเขาแห่งนี้ถูกครอบครองโดยจินซานตอนนี้เขาเผยรอยยิ้มจางๆ และกว่าวขึ้น“ตระกูลของข้ามีคัมภีร์โบราณอยู่จำนวนหนึ่เราจะแลกเปลี่ยนกันศึกษาได้ไหม”
สือฮ่าวพยักหน้าและกล่าวว่า“หลายวันก่อนข้าได้พบกับจินไท่จุนแม้ว่านางจะเป็นบุคคลที่มีความอาวุโสสูงสุดคนหนึ่งในโลกปัจจุบัน แต่จิตใจของนางยังคงเฉียบแหลมมองการณ์ไกลเสมอ ข้าค่อนข้างสนใจในวิชาลับที่นางใช้ในการปรับแต่งเส้นเอ็นและกระดูก ถ้าตระกูลจินสนใจพวกเราสามารถแลกเปลี่ยนกันผ่านสำนักเทพสวรรค์ได้!”
สายฟ้าแลบสองสายพุ่งออกมาจากดวงตาของจินซาน ความว่างเปล่าที่อยู่ตรงหน้าเขาถึงกับแยกออกไอสังหารปกคลุมไปทั่วร่างกายเขา
ทุกคนรู้ดีว่าต้นกำเนิดของตระกูลจินนั้นน่าอัศจรรย์อย่างยิ่งพวกเขาเป็นตระกูลเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ยุคเซียนโบราณ
ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลจินค่อนข้างพิเศษตรงที่คัมภีร์ประจำตระกูลของพวกเขา เน้นการฝึกฝนเส้นเอ็นและกระดูกให้มีความแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ
ถึงขนาดมีคำกล่าวว่าตำรากระดูกที่ใช้ฝึกฝนในโลกปัจจุบันทั้งหมดล้วนแต่มีต้นกำเนิดมาจากณาญวิเศษของตระกูลจิน
แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถตรวจสอบว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่เพราะว่าไม่มีผู้ใดสามารถอ่านคัมภีร์ประจำตระกูลของพวกเขาได้!
หลายคนต่างคาดเดาว่าสาเหตุที่ตระกูลจินซึ่งเป็นตระกูลอมตะสืบทอดมาตั้งแต่ยุคเซียนโบราณแต่กลับเลือกบ่มเพาะในวิถีของยุคปัจจุบัน แทนที่จะฝึกฝนวิชาเซียนก็เป็นเพราะมรดกตกทอดของพวกเขามีความโดดเด่นใกล้เคียงกับวิธีการฝึกฝนในโลกปัจจุบันมากกว่า
แม้ว่าหลายๆคนปรารถนาที่จะแย่งชิงคัมภีร์อมตะเล่มนี้ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าลงมือทำ ผู้ใดเล่าในโลกที่ไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งและโหดเหี้ยมของสือฮ่าว!
ต่อให้พวกเขารายงานเรื่องนี้ให้ผู้อาวุโสในตระกูลทราบก็ไม่มีความหมาย ตราบใดที่ผู้อาวุโสที่นั่งอยู่บนหน้าผาคนนั้นยังอยู่ที่นี่?ผู้ใดกล้าสร้างปัญหาจะต้องถูกจัดการอย่างโหดเหี้ยมแน่นอน!
สือฮ่าวพยายามอ่านทุกตัวอักษรอย่างรอบคอบ มุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจข้อความพวกนั้น นี่เป็นวิชาโบราณสมบูรณ์แบบมากเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการถึง ในตอนแรกเขาไม่ได้ตั้งความหวังว่าคัมภีร์เล่มนี้จะมีประโยชน์ต่อตัวเขามากนัก
ในอดีตเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะอ่านสิ่งนี้เพราะเขายังไปไม่ถึงขั้นธรรมปลอมจึงยังไม่สามารถเปิดคัมภีร์นี้ได้ มีพลังลึกลับบางอย่างปิดผนึกมันไว้
นี่เป็นคัมภีร์มหัศจรรย์ของเซียนโบราณอย่างแน่นอน ผู้ที่อยู่ในอาณาจักรการบ่มเพาะที่ต่ำกว่ากำหนดไม่สามารถมองเห็นเนื้อหาของมันได้
หลังจากอ่านส่วนแรกของคัมภีร์แล้ว สือฮ่าวก็ถอนหายใจเบาๆ ตามที่บันทึกไว้การเปิดคัมภีร์เล่มนี้ด้วยตัวเองเท่านั้นจึงจะถือว่าไปถึงจุดเริ่มต้นซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการปลุกคัมภีร์เล่มนี้ให้ตื่นขึ้น
เนื้อหาในส่วนของอาณาจักรธรรมปลอมสามารถอ่านได้ไม่มากนัก!
หากต้องการอ่านเนื้อหาในส่วนถัดไป ต้องมีพลังอยู่ในขั้นผู้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปเท่านั้น
อย่างไรก็ตามด้วยตำราเล่มนี้การฝึกฝนจนถึงอาณาจักรแห่งความเป็นอมตะก็ไม่ใช่ความฝันลอยๆอีกต่อไป เพราะเส้นทางมันถูกเขียนไว้ในคัมภีร์นี้ว่าผู้ฝึกฝนต้องสร้างรากฐาน โดยให้แสงสว่างแก่เมล็ดพันธุ์ไฟศักดิ์สิทธิ์จนเพียงพอเสียก่อน
คนที่จะฝึกคัมภีร์เล่มนี้ต้องมีทรัพยากรอย่างมากมายมหาศาลเท่านั้น
ในขณะเดียวกันเมล็ดพันธุ์ไฟศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่าเป็นเส้นทางที่จะนำไปสู่การเป็นเซียนเป็นสิ่งที่ผู้มีพรสวรรค์ทุกคนสามารถฝึกฝนได้!
ยิ่งไปกว่านั้นคัมภีร์เล่มนี้ยังบ่งบอกอย่างละเอียดถึงวิธีฝึกฝนจนกระทั่งสามารถบรรลุสู่ความเป็นอมตะ
ต้องเข้าใจว่าแม้แต่ในยุคเซียนโบราณก็ไม่ได้มีผู้อมตะมากนักดังนั้นคัมภีร์เล่มนี้ความล้ำค่าของมันจึงมากมายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!
สือฮ่าวอ่านทุกอย่างอย่างละเอียด เขาต้องขอบคุณสำนักเทพสวรรค์จริงๆสำหรับการสอนให้เขารู้จักอักขระเซียนโบราณ มิฉะนั้นจะไม่มีทางทำให้เขาได้ศึกษาคัมภีร์นี้เลย
เสียงสวดลึกลับดังก้องบนยอดเขาแห่งนี้อยู่ตลอดเวลา สือฮ่าวไม่ได้ทำอย่างอื่นเขาหมกมุ่นอยู่กับคัมภีร์เล่มนี้ไปหลายวัน
อาจกล่าวได้ว่านี่คือโลกใหม่อย่างแท้จริง คัมภีร์นี้สอนสิ่งที่แตกต่างจากวิธีการฝึกฝนของโลกปัจจุบันโดยสิ้นเชิง!
ในอดีตแม้ว่าเขาจะเดินตามวิธีการฝึกฝนโบราณ แต่ก็ล้วนเป็นสิ่งที่เขาคลำหาด้วยตัวเองเท่านั้นทั้งการบ่มเพาะพลังเซียนสามเส้นและสิ่งอื่นๆ มีเพียงวันนี้เท่านั้นที่เขาเห็นเส้นทางทั้งหมดอย่างแท้จริง
“ข้าโชคดีจริงๆที่ได้อ่านคัมภีร์นี้หากเพียงคลำหาเส้นทางด้วยตัวเองต่อไป คิดว่าชาตินี้คงไม่มีวันที่จะไปถึงอาณาจักรเซียนได้!” หลังจากที่สือฮ่าวได้อ่านคัมภีร์ส่วนแรกเขาก็ตกตะลึงในใจ
พวกเขาทุกคนกล่าวว่าผู้แข็งแกร่งล้วนมีเต๋าเป็นของตัวเอง สร้างด้วยวิธีการของตัวเอง แต่การจะค้นหาวิธีเพื่อรู้แจ้งนั้นเป็นไปอย่างยากลำบากการค้นพบคัมภีร์เล่มนี้สามารถทุ่นแรงให้เขาไม่น้อย
เขามีพลังเซียนอยู่แล้วและสร้างมันขึ้นด้วยตัวเขาเอง เขาใช้ตัวเองเป็นเมล็ดพันธุ์ซึ่งก็นับว่าครบองค์ประกอบที่คัมภีร์ได้กล่าวไว้
“เนื่องจากข้ามีเมล็ดพันธุ์แล้วก็ต้องทำให้มันแตกหน่อตามธรรมชาติยังไม่ต้องรีบคิดถึงขั้นตอนการออกผล!” สือฮ่าวพยักหน้าพัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของตัวอักษรในคัมภีร์
รากฐานของสือฮ่าวนั้นลึกซึ้งอย่างมาก เขาได้ฝึกฝนพลังเซียสามเส้นมานานแล้วยิ่งกว่านั้นการใช้ร่างกายเป็นเมล็ดพันธุ์ทำให้เกิดโชคชะตาแห่งเซียนมากมาย จากนี้ไปก็ถึงเวลาเริ่มงานสำคัญ!
ด้วยเหตุนี้เขาจึงปฏิบัติทุกอย่างตามที่คัมภีร์ได้กล่าวไว้ ร่างกายของเขาปลดปล่อยแสงสว่างขึ้นทันที หมอกเซียนพุ่งพล่านทำให้เขาดูศักดิ์สิทธิ์อย่างหาที่เปรียบมิได้
รูขุมขนทั้งหมดของเขาผ่อนคลายกระดูกร้อยชิ้นสั่นสะเทือนเป็นท่วงทำนองสงคราม ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว!
มีคนเห็นว่าร่างกายของเขากำลังเปลี่ยนไปทีละนิ้ว เสียงสวดแพร่กระจายออกไปทั่วขุนเขานี่คือพิธีชำระล้างที่เปลี่ยนร่างกายจากมนุษย์ให้กลายเป็นเซียน!